ตอนที่แล้วบทที่ 51 นับถอยหลัง (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 นับถอยหลัง (3)

บทที่ 52 นับถอยหลัง (2)


[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]

[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]

[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]

บทที่ 52 นับถอยหลัง (2)

*****

ขอเปลี่ยนจากบริษัทภาพยนตร์ออลริม→เป็น บริษัทฮาร์โมนีฟิล์ม นะครับ

*****

ผู้สื่อข่าว 200 คนหรือมากกว่านั้นที่งานแถลงข่าวการประกาศการผลิต ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ต่างขยับนิ้วของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง เพราะคำประกาษกร้าวที่แสนเชื่อมั่นของนักเขียนพัคอึนมี

“นักแสดงคนนั้นจะกลายเป็นผู้ที่ปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เพราะเขาจะส่งมอบการแสดงที่ไม่มีนักแสดงคนไหนทำได้”

- แต่ก แต่ก แต่ก แต่ก!

- แชะ แชะ แชะ!

นักข่าวครึ่งหนึ่งถ่ายรูปและอีกครึ่งหนึ่งพิมพ์ลงบนโน๊ตบุ๊ค

บรรยากาศเริ่มร้อนระอุ ดวงตาของผู้สื่อข่าวเปล่งประกายราวกับไฮยีน่า ในขณะนั้นเอง PD ซงมันวูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวแรกและกำลังลูบเคราแพะของเขา ก็ได้สะกิดไหล่ของนักเขียนพัคอึนมีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

“เราไม่ได้ตกลงว่าจะพูดออกไปแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับ?”

นักเขียนพัคอึนมีที่มัดผมที่ดัดยาวของเธอ ได้ตอบอย่างเงียบ ๆ ขณะที่มองไปที่นักข่าว

"ไม่รู้สิ ฉันแค่พูดไหลไปตามกระแสและมันก็กลายเป็นแบบนี้จนได้”

“ไม่เอาน่า คุณตั้งใจทำแบบนั้นแต่แรกใช่ไหม? เพื่อล่อนักข่าวสินะ? โยนกระดูกล่อให้พวกเขาและหวังว่าพวกเขาจะงับเหยื่อ”

“อืม ที่จริงฉันก็คาดเดาไว้แล้วว่ามันจะมีคำถามอะไรแบบนี้เกิดขึ้น แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะถามจริง ๆ”

“ฮ่าฮ่า ช่างเถอะ ยังไงมันก็ดูได้ผลดีใช่ไหมล่ะ? ดูดวงตาของไฮยีน่าพวกนี้สิ พวกเขาดูเหมือนพร้อมที่จะกระโจนใส่ทุกข่าวทันทีเลย ต่อให้จะจริงหรือเท็จก็ไม่สนใจแล้วมั้ง”

พัคอึนมียักไหล่

“คุณคิดว่าพวกเขาสนใจความจริงเหรอ? ดูก็รู้ว่าพวกเขาจะเอาสิ่งที่ฉันพูดไปเสริมเติมแต่งเอง จนมันแทบไม่ใช่คำพูดของฉัน เพราะงั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะเล่ารือเรื่อง  ‘รองหัวหน้าพัค’ มากแค่ไหน ถูกต้องไหมล่ะคะ?”

PD ซงมันวูยิ้มกว้าง ราวกับจะตอบว่าเห็นด้วย

"ใช่เลยครับ ไม่ว่าพวกเขาจะเขียนข่าวใหญ่โตแค่ไหน มันก็คงไม่อาจเทียบกับ ‘รองหัวหน้าพัค’ ได้หรอก ตัวเขาน่ะเกิดความคาดหมายไปไกลแล้ว คุณว่าผมควรจะล่อซื้อนักข่าวพวกนี้ให้มากกว่าเดิมอีกดีไหม?"

“ถ้าจะทำงั้น เราก็ควรจะทำให้มันรัดกุมไปเลย คุณเป็นยอดฝีมือในการยุแยงตะแคงรั่วอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ คุณPDซง?”

“เรียกว่าถนัดเลยล่ะครับ”

ในไม่ช้า PD ซงมันวูก็ได้พูดคุยกับนักแสดงรยูจองมิน ฮงฮเยยอนและคนอื่นอย่างเงียบ ๆ นักแสดงที่คุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว ย่อมเข้าใจสถานการณ์ในทันที โดยเฉพาะกับฮงฮเยยอน ผู้ที่วันนี้แต่งตัวอย่างมีสไตล์ ในเสื้อเชิ้ตตัวยาว ดวงตาของเธอเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่PDบอกมา

จากนั้น PD ซงมันวูก็พูดกับผู้สื่อข่าว 200 คน

“ฮ่าฮ่าฮ่า แต่รบกวนทุกคนช่วยเขียนเบา ๆ เรื่องนักแสดงที่จะขโมยซีนทีนะครับ ตกลงไหม? ขอแบบเบา ๆ พอ เพราะมันอาจจะกดดันนักแสดงมากเกินไปก่อนที่จะปล่อยฉาย”

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขาผ่านการปรุงแต่งมา และมันก็ได้ผลอย่างดิบดี

“คุณPD คุณก็คิดว่านักแสดงคนนั้นจะขโมยซีนครั้งใหญ่ในละครด้วยงั้นเหรอครับ!”

"คุณPD คิดเห็นว่ายังไงกับเรื่องนี้ครับ?!"

ผู้สื่อข่าวถาม PD ซงมันวูด้วยคำถามหลายสิบข้อ หลังจากเงียบไปสักพัก PD ซงมันวูก็ให้คำตอบแบบกลาง ๆ

“ผมก็ไม่ได้รู้อะไรนัก แต่การแสดงของเขาเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นครั้งแรกเลยที่ผมสาบานว่าจะดูทุกการแสดงของนักแสดงคนนี้ตลอดช่วงอาชีพกำกับของผม ทุกคนก็คิดแบบนั้นใช่ไหมครับ?”

PD ซงมันวูหันศีรษะไปทางซ้ายและขอคำตอบจากเหล่านักแสดง นักแสดงอย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอนต่างยิ้มหรือพยักหน้าตอบมา นักข่าวหลายร้อยคนอ้าปากค้างทันที

“ว้าว ขนาดPDซงยังพูดแบบนั้นเลยงั้นเหรอ?”

แรงกระเพื่อมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างจงใจกำลังผุดขึ้นมา

ผู้สื่อข่าวที่กำลังเหลือบมองไปรอบ ๆ ต่างก็มองปฏิกิริยาของกันและกัน พวกเขารู้สึกได้ทันที จากนั้นเอง พวกเขาจึงเริ่มถามคำถามที่คล้ายกันกับนักแสดงคนอื่น ๆ

“คุณจองมิน ระหว่างการถ่ายทำเป็นยังไงบ้างครับ?! คุณได้ร่วมฉากกับนักแสดงขโมยซีนที่ว่าไหมครับ??”

"ครับ ผมได้ร่วมหลายฉากกับนักแสดงคนนั้น อืม ส่วนเรื่องที่คุณถาม ตอนที่ผมได้เห็นการแสดงของนักแสดงคนนั้น ผมรู้สึกได้รับแรงบันดาลใจให้พยายามมากยิ่งขึ้น เขาเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้ผมเลยล่ะครับ”

“ตัวกระตุ้น? กับรยูจองมินเนี่ยนะ??”

นักแสดงหลักทั้งหมดของ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล‘ ต่างยกย่อง ’รองหัวหน้าพัค‘ อย่างมาก

ในเวลาหลายนาทีนี้ นักข่าวนับร้อยคนต่างเคี้ยวและฉีกเหยื่อที่ถูกโยนเข้าใส่ ด้วยเหตุนี้ การแถลงข่าวจึงเกินเวลาที่กำหนดไป มีการพูดคุยกันหลายเรื่องแล้ว ก่อนที่คำถามเกี่ยวกับรองหัวหน้าพัคจะถูกหยิบยกขึ้นมา

ดังนั้น ผู้ดูแลการแถลงข่าวจึงเริ่มกล่าวปิดท้าย

“เอาล่ะ เราเหลือเวลาอีก 30 นาทีแล้ว งั้นมาตอบคำถามสุดท้ายและจบการแถลงข่าวแล้วกันครับ”

"ทางนี้ครับ!"

“ผมขอถามคำถามครับ!”

“ได้ครับ นักข่าวที่ใส่เสื้อสีเทา!”

นักข่าวที่ได้รับเลือกลดมือลงและสบตาเข้ากับสายตาของฮงเฮยอนที่ดูยิ้มแย้ม

“คุณฮเยยอนเพิ่งปรากฏตัวใน ’เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ และพลิกโลกภาพยนตร์สั้นกลับตาลปัตรไปหมด คุณได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในพิธี แต่รางวัลแดซังกลับถูกมอบให้กับนักแสดงที่ไม่มีใครรู้จัก คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?”

มันเป็นคำถามที่หยาบมาก และไม่เกี่ยวข้องกับ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ เลย ขณะที่ผู้ดูแลกำลังยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณต่อ ฮงฮเยยอนก็ไม่ตอบอะไร แต่...

“คุณนักข่าว คุณคงยังไม่เคยดู ‘สำนักงานนักสืบ‘ สินะคะ? ลองไปหาดูนะคะ”

ฮงฮเยยอนตอบอย่างใจเย็นด้วยรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลาย

“แล้วคุณจะเข้าใจเองว่าทำไมฉันถึงได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม ฉันยอมรับเลยว่ารางวัลแดซังควรเป็นของเขาคนนั้น คุณคงถามคำถามแบบนี้ออกมาเพราะคุณไม่รู้สินะคะ”

นักข่าวที่ถามคำถามรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

“อ่า อ่าครับ ครับ เป็นแบบนั้นเลยครับ”

ทุกคนในทีมต่างก็ถอนหายใจพลางเอามือกุมใบหน้า

“เฮ้อ เอาอีกแล้ว”

การหยอกล้อของเธอแบบนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรก

หลายนาทีต่อมา ในห้องประชุมของบริษัทฮาร์โมนีฟิล์ม

ใบหน้าของชเวชองกุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คังวูจินเต็มไปด้วยความตกตะลึง

‘...บะ-บทบาทนำ? ไม่ใช่แค่บทบาทสนับสนุน แต่เป็นบทบาทนำเลยงั้นเหรอ?!'

เขาเพิ่งได้ยินจากผู้กำกับควอนกีแท็กเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ว่าเขาวางแผนที่จะเลือกคังวูจินเป็นตัวร้ายนำ แถมผู้กำกับควอนกีแท็กกำลังอธิบายตารางงานในอนาคตของตารางงานของเขาอีก

"เรื่องเงินทุน เรามีหลักประกันแล้วครับ..."

แต่ไม่มีคำพูดใดของเขาไปถึงหูชเวชองกุน ผู้ที่ตอนนี้กำลังตกตะลึงอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้กัน?

‘อืม...คือฉันก็คิดไว้อยู่แล้วนะ ในเมื่อผู้กำกับควอนกีแท็กมาที่กองถ่ายด้วยตัวเอง ฉันก็คิดอยู่ว่าเขาคงอย่างน้อยไม่บทบาทสนับสนุน ก็บทบาทรองมา’

ทว่าบทบาทสนับสนุนเล็กน้อยมันคงไม่ได้ทำให้ชเวชองกุนอ้าปากค้างเช่นนี้ ซึ่งที่จริงแค่ได้เข้าร่วมทีมกับผู้กำกับควอนกีแท็กผู้เป็นดั่งปรมาจารย์วงการภาพยนตร์ มันก็ถือว่าดีมากพอแล้ว แต่ผู้กำกับควอนคีแทคได้ให้บทตัวร้ายนำกับคังวูจินง่าย ๆ เหมือนให้ลูกกวาดเนี่ยนะ

‘เราข้ามขั้นไปขนาดนั้นได้ยังไงกันเนี่ย?!'

มันเป็นภาพที่แม้แต่ชเวชองกุน ผู้ที่ใช้เวลากว่าทศวรรษในวงการบันเทิง มีเครือข่ายและทักษะที่โดดเด่นก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน หน้าใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์เมื่อสองเดือนที่แล้ว กลับกำลังได้รับบทนำจากผู้กำกับควอนกีแท็กงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่แค่การแหกกฎ แต่เป็นการทลายมันลงอย่างสิ้นเชิงเลย ถ้าเรื่องราวนี้แพร่กระจายไปในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ มันคงจะทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก

ในเวลาเดียวกัน คังวูจินจะเป็นจุดสนใจ

ซึ่งหากไปถึงจุดนั้น...

-ฟึบ

ชเวชองกุนตากว้างค่อย ๆ หันศีรษะและจ้องเขม็งไปทางคังวูจินที่อยู่ข้างเขา เขาพยักหน้าอย่างใจเย็นขณะฟังคำอธิบายของผู้กำกับควอนกีแท็ก

'… ทำไมเขาถึงใจเย็นขนาดนี้ได้กัน?'

ต้นกำเนิดของความใจเย็นและกล้าหาญของเขานี้มาจากไหน? มันมาจากความภาคภูมิใจในตนเองที่สูงของเขางั้นเหรอ?

ทางวูจินดูไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรเลย ราวกับว่าเขาได้คาดการณ์สถานการณ์เรื่องที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว ในระหว่างนั้นเอง คังวูจินก็หันศีรษะไปทางขวา เขาสบตากับชเวชองกุน

เครื่องหมายอัศเจรีย์ปรากฏขึ้นในดวงตาของชเวชองกุนทันที

'อา...ฉันเข้าใจแล้ว ต่อจากนี้คงมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกมากมาย ถ้าฉันจะต้องอยู่กับนาย ฉันก็ต้องทำตัวให้ชินกับมันเข้าไว้สินะ? ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้ว ฉันไม่เหมือนนายสักหน่อย ฉันไม่ได้มีหัวใจแข็งเป็นเหล็กกล้านะ’

คังวูจิน ผู้ซึ่งกำลังมองไปที่ชเวชองกุนอย่างใจเย็นก็รู้สึกสับสนมาก

‘ไม่สิ เดี๋ยวก่อน อย่างน้อยเราควรถามผู้กำับหน่อยไหมว่าแบบนี้จะดีเหรอ? เขาถามฉันว่าตัวละครไหนน่าสนใจ? แล้วจู่ ๆ เขาก็เสนอตัวละครนั้นให้ฉันเลยเนี่ยนะ’

ณ จุดนี้เอง ชเวชองกุนได้ยกมือขึ้น ขณะที่ผู้กำกับควอนกีแท็กก็กำลังอธิบายอยู่

"คุณผู้กำกับครับ! คือว่า ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับข้อเสนอของคุณ ผมจะจดจำช่วงเวลานี้ไปตลอดชีวิตเลย ฮ่าฮ่า”

“ผมเองก็คิดว่าผมจะจำช่วงเวลานี้ไว้เช่นกันครับ ก็อย่างที่คุณรู้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมทำอะไรแบบนี้”

"ครับ ผมเองก็เช่นกัน ผมรู้สึกขอบคุณมาก แต่ผมว่า มันยังเร็วเกินไปนะครับที่จะเซ็นสัญญาวันนี้เลย"

อะไรเนี่ย? คังวูจินที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้าง ได้แต่มองตาเบิกกว้างไปทางต้นสังกัดของเขา ชเวชองกุนเองก็สังเกตเห็นสายตาคังวูจิน เขาจึงขยิบตาขวาให้อย่างสุขุม เขากำลังส่งสัญญาณบอกว่าเข้าใจแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาเองเถอะ

“วันนี้ผมคิดว่าเราทำข้อตกลงด้วยวาจาไว้ก่อนครับ แล้วจากนั้นคุณผู้กำกับ วูจินและตัวผม ไว้ค่อยมาเซ็นสัญญากันในภายหลังครับ”

"หึ้ม-"

“แน่นอนว่ามันคงดีไม่น้อย หากได้คนจากบริษัทภาพยนตร์ของคุณมาเป็นพยานในข้อตกลงด้วยวาจาด้วย ซึ่งด้วยวิธีนี้ ทั้งคุณและคุณวูจินก็จะได้ยืนยันว่าตกลงร่วมงานกัน แล้วจากนั้นผมจะค่อยไปพูดคุยรายละเอียดกับบริษัทหนังเองครับ”

มันเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายมาก สัญญาการคัดเลือกนักแสดงสำหรับภาพยนตร์นั้น มีเงื่อนไขและการเจรจาต่อรองมากมาย  ทั้งในเรื่องของค่าตัวนักแสดง ความจำเป็นที่จะต้องปรับตารางงานของนักแสดงและทีมถ่ายทำ ดังนั้นจึงมักมีการทำข้อตกลงด้วยวาจาระหว่างผู้กำกับและนักแสดงก่อน

ข้อตกลงทางวาจามันก็เหมือนเป็นการยืนยันว่าจะร่วมแสดง

ยิ่งสำหรับผู้กำกับชั้นครูอย่างควอนกีแท็ก ข้อตกลงทางวาจายิ่งหมายถึงว่ามันไม่มีทางบิดพลิ้ว ซึ่งทางคังวูจินไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย ดังนั้นเขาจึงส่งสายตาที่รุนแรงมากขึ้นมองไปยังชเวชองกุน เขาได้แต่ถามภายในใจว่า ‘ทำไม?'

ชเวชองกุนก็เข้าใจในสายตาที่คังวูจินส่งมาให้

‘อืม วูจิน ฉันเข้าใจที่นายต้องการแล้ว นายต้องการที่จะขอค่าตัวเพิ่มใช่ไหมล่ะ? ในเมื่อมันเป็นบทนำจากผู้กำกับควอนกีแท็ก นายเลยกำลังจะบอกว่าต้องคิดให้ถี่ถ้วนถูกต้องไหม?’

แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน แต่ดูเหมือนชเวชองกุนจะได้รับคำตอบจากสายตาของคังวูจินแล้ว

"แบบนั้นเองสินะ วูจิน กระทั่งในเรื่องสำนักงานนักสืบ นายยังได้รับค่าตัวมากมา ยแถมเมื่อนายเซ็นสัญญากับฉัน มันก็มีทั้งเงื่อนไขและเงินเพิ่มเติมในสัญญาอีก สายตาที่นายส่งมานี้ นายกำลังแนะนำให้ฉันชะลอสัญญาจนกว่าเรื่อง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ จะออกฉายตอนแรกสินะ?’

โลกบันเทิงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน แม้ว่าจะไม่มีใครรู้จักคุณเมื่อวานนี้ แต่ถ้าคุณกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา ค่าตัวก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก ชเวชองกุนคิดว่าคังวูจินต้องการเช่นนั้น

‘นายได้กลายมาเป็นเพรชเม็ดงามในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ด้วย ‘ เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ แต่ตอนนี้คนทั่วไปยังไม่ได้รู้จักนายขนาดนั้น หากเราทำสัญญาไปเลย เราอาจต้องมารู้สึกเสียดายทีหลัง’

กล่าวโดยสรุปคือ พวกเขาจะรอ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ออกฉายเพื่อเพิ่มค่าตัว ชเวชองกุนส่งยิ้มอย่างมั่นใจให้กับคังวูจินที่มองมาที่เขาอย่างเฉยเมย ราวกับจะบอกว่าไม่ต้องกังวล

‘ฉันจะจัดการให้นายเอง’

จากนั้น ผู้กำกับควอนกีแท็กค่อย ๆ พยักหน้าพร้อมกับมองไปที่ชเวชองกุน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“อืม ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจดีถึงสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อ สงสัยผมคงรีบร้อนเกินไปจนลืมนึกถึงเรื่อบางอย่างไป ฉันคงใจร้อนมาก เพราะอยากได้ตัวคุณวูจิน”

“ผมเข้าใจดีเลยครับ คุณผู้กำกับ”

“งั้นเรามาทำสัญญาด้วยวาจากันก่อน ด้วยการเข้าร่วมกับทีมผู้ผลิตของบริษัทภาพยนตร์แล้วกัน”

"ได้ครับ"

ผู้อำนวยการควอนกีแท็กหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาทีมผู้ผลิตที่เตรียมพร้อมอยู่ ส่วนทางชเวชองกุนก็ถามผู้กำกับควอนกีแท็กต่ออีกว่า

“คือว่าคุณผู้กำกับ ขอโทษนะครับ แต่คุณวางแผนที่จะเปิดเผยต่อสื่อเกี่ยวกับงานต่อไปเมื่อไหร่ครับ? คุณบอกว่ามันยังเป็นความลับอยู่ในตอนนี้ใช่ไหมครับ?”

"ใช่ครับ ผมจะเอาไปออกข่าวก็ต่อเมื่อนักแสดงนำได้ถูกคัดเลือกหมดแล้ว อาจภายในเดือนนี้ครับ”

"เดือนนี้ ถ้างั้นหากเรื่องได้รับการยืนยันแล้ว ช่วยพยายามประชาสัมพันธ์เพิ่มได้ไหมครับ? ว่าวูจินได้เข้าร่วมทีมกับงานของคุณผู้กำกับ"

รอยยิ้มของผู้กำกับควอนกีแท็กยิ้มกว้างขึ้น เขารู้แล้วว่าทางชเวชองกุนต้องการอะไร

“ได้อยู่แล้วครับ ทำไมจะไม่ได้กันล่ะ?”

"ขอบคุณครับ"

ชเวชองกุนที่ก้มศีรษะเดินเข้ามาหาคังวูจิน ภายนอกวูจินยังคงไม่แสดงออกอะไร แต่ข้างในเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นชเวชองกุนก็กระซิบกับเขา

“อย่างน้อยสองเท่า หรืออาจจะมากกว่า ฉันทำให้ค่าตัวของนายมีค่ามากขึ้นแล้วนะ งั้นเรามาชะลอสัญญากันก่อนเถอะ ดูจากท่าทางของผู้กำกับแล้ว บางทีเราอาจจะทำได้แน่ ดูสิ เขาทำเหมือนนายเป็นหลานรักเขาเลยนะ เห็นไหม?”

ไหงอยู่ดี ๆ มาพูดเรื่องค่าตัวกันเนี่ย? วูจินคิดไม่ออกเลย ไม่ว่าเขาจะคิดมากแค่ไหนก็ไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่ แต่ในเมื่อค่าตัวจู่ ๆ ก็จะได้เพิ่ม เขาย่อมไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว

"...ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ"

"แล้วก็ ลองนึกดูสิว่าถ้าเราทำประชาสัมพันธ์สักหน่อยมันจะบ้าคลั่งได้มากขนาดไหน ตอนนี้นายมาแรงมากอยู่แล้วหลังจากได้รับรางวัลการแสดงที่ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ใช่ไหมล่ะ? น้ำถูกกวนไปแล้ว นายเปรียบเสมือนเพรชอันมีค่าในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ หาก ‘ผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาเสเพล' กลายเป็นที่นิยมเหมือกัน แล้วพอมีข่าวว่านายได้เข้าร่วมงานกำกับของผู้กำกับควอนกีแท็กในฐานะนักแสดงนำ คิดดูสิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?"

ชเวชองกุนยิ้มออกมา

“ไม่สิ นายไม่ใช่แค่เพรชในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่นายคือระเบิดนิวเคลียร์ในวงการบันเทิงเลยต่างหาก”

วันรุ่งขึ้น 9 โมงเช้าที่โรงแรมหรูในกรุงโซล

มันเป็นห้องสวีทที่ดูกว้างขวาง ชายผมหงอกสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ยืนอยู่ริมหน้าต่างที่มองเห็นกรุงโซล เขากำลังจิบกาแฟขณะมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ

เขาคือผู้กำกับชาวญี่ปุ่น เคียวทาโร่ ทาโนกุจิ

"...หืม"

แม้ว่า ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ จะสิ้นสุดลงเมื่อสองวันก่อนในวันที่ 7 แต่ผู้กำกับเคียวทาโร่ก็ยังคงอยู่ในเกาหลี มันเป็นสิ่งที่เขากระทำโดยสมัครใจ ซึ่งทีมของเขาที่มากับเขาก็อยู่ในเกาหลีเช่นกัน

-ฟึบ...

ผู้กำกับเคียวทาโร่ที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ได้นั่งลงบนโซฟาหรูหรา บทที่เขาเพิ่งอ่านกระจายอยู่บนโต๊ะตรงหน้า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้กำกับเคียวทาโร่ได้อ่านบทหลายบทสำหรับงานชิ้นต่อไปของเขาแล้ว

แต่ว่า

"ไม่ได้เลย"

เขาพึมพำเบา ๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นและปิดบทที่อ่านอยู่ เขาไม่มีสมาธิเลยสักนิดเดียว อันที่จริง จิตใจของเขายังคงเต็มไปด้วยนักแสดงที่เขาเพิ่งรู้จักหนึ่งที่มาจากเกาหลี

คนผู้นั้นคือคังวูจิน

เขาได้เห็นเพียงแวบเดียวของการแสดงของอีกฝ่าย แต่มันก็ดีมากและมันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นจนมันแทบระเบิดออกมา

“...ภาษาญี่ปุ่นนั้นดูชำนาญมาก ดูเหมือนว่าเขาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเลย แต่น้ำเสียงของการแสดงไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นเลยสักนิด หรือเขาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นตอนที่เขายังเด็กแล้วย้ายไปเกาหลีกัน?”

ทว่าคังวูจิน นักแสดงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับการยอมรับมากนัก เพราะมีคนจำนวนน้อยมากที่รู้จักเขาใน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ และแม้แต่ผู้สื่อข่าวเกาหลีก็ปฏิบัติต่อคังวูจินอย่างไม่คุ้นเคย

“การแสดงของเขาดีกว่านักแสดงที่มีประสบการณ์หลายสิบปี แต่ชื่อเสียงของเขาคงอยู่ระดับล่าง ไม่มีข่าวลือว่าเขาทำงานอะไรเป็นพิเศษ เขาดูไม่ได้เป็นเด็กเส้นด้วยสิ อุปสรรคสำหรับการแสดงในเกาหลีสูงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ผู้กำกับเคียวทาโร่ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว แค่มองดูทักษะการแสดงของเขา ก็รู้ได้เลยว่าเขาต้องเด่นดังแน่ โชคดีที่ทักษะของเขาได้รับการพิสูจน์ที่ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ แล้ว แต่มันก็ยังเป็นเทศกาลหนังสั้นที่ไม่ใช่กระแสหลัก

“ช่างน่าเสียดายอะไรขนาดนี้ การปล่อยให้นักแสดงระดับนี้ไปเฉย ๆ มันย่อมเป็นการเสียเปล่าไม่ใช่หรือไง?”

เสียเปล่าเกินไปแล้ว มันเป็นการเสียเปล่ามากที่จะทิ้งนักแสดงอย่างคังวูจินไป

“มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่นักแสดงมีความสามารถเช่นนี้ต้องมาดิ้นรนในหนังสั้น ในสายตาของผม เขาเป็นนักแสดงที่ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาโลกการแสดงใบนี้ ต่อให้จะเป็นเกาหลีหรือญี่ปุ่นก็ตาม”

เมื่อมาถึงจุดนี้เอง ผู้กำกับเคียวทาโร่ก็ได้ตัดสินใจแล้ว เขาตัดสินใจที่จะแนะนำนักแสดงโนเนมคนนี้ ให้ไปมีชื่อเสียงระดับโลกทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น ดูเหมือนผู้กำกับเคียวทาโร่จะมีความทะเยอทะยานของตัวเองมากในฐานะผู้กำกับ เขาต้องการทำงานร่วมกับนักแสดงคนนี้ ผู้ซึ่งยังคงเป็นอัญมณีที่ยังไม่ได้เจียระไน

‘ถ้าได้เขาไป คงทำให้นักแสดงในญี่ปุ่นตื่นกันสักที เกาหลีมีนักแสดงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่กลับอยู่แค่หนังสั้นเนี่ยนะ’

หลังจากตัดสินใจด้วยตัวเองและตัดสินใจแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

“มาคุยกันในห้องของผมตอนนี้เลย ผมคิดว่าผมคงต้องอยู่ที่เกาหลีอีกสักสองสามวัน”

เขาโทรหาทีมของเขาที่อยู่อีกห้องหนึ่ง

*****

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด