บทที่ 29 หอชิงอี 108 ชั้น
บทที่ 29 หอชิงอี 108 ชั้น
ความแข็งแกร่งของมู่หรงหลินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะค่อยๆหยุดอยู่ที่ขอบเขตสำแดงขั้นสี่
จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น สูดหายใจเข้าลึกและอุทานออกมาอย่างมีความสุข “‘ปีศาจไร้ชีวิต ไร้กฏเกณฑ์ ไร้รูปร่าง’ ช่างแข็งแกร่งอย่างแท้จริง มันไม่เพียงแต่ช่วยให้ข้าบรรลุได้ แต่ยังทำให้ข้าทะลวงไปได้อีกสามขั้น! ด้วยความแข็งแกร่งขอบเขตสำแดงขั้นสี่ ข้าน่าจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ของแคว้นเยี่ยนแล้วใช่รึไม่?”
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน!” สอง ‘พฤกษาเหล็กผลิดอก’ เอ่ยแสดงความยินดีอย่างรวดเร็ว
มู่หรงหลินโบกมือ
“อา ส่วนพวกเจ้าทั้งสองก็รีบบรรลุไปขอบเขตสวรรค์โดยเร็วด้วย ข้าจะได้ทำทุกอย่างตามที่ต้องการ จริงสิ ตอนนี้พวกอยู่ที่ใด?”
“นายท่าน พวกเราเข้าสู่เมืองหลวงแล้ว”
“หืม?” มู่หรงหลินเปิดม่านตรวจสอบบริเวณโดยรอบและเห็นว่าตัวเขากำลังอยู่ในเมืองหลวง
ทว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ตรงแขวงใด แต่ภายนอก มีฝูงชนที่เดินพลุกพล่านและการค้าขายอันเฟื่องฟูอยู่รอบตัว ร้านค้าเล็กๆตั้งแผงขายและรับซื้อสินค้า พร้อมกับศาลาสูงที่มีคนพยายามเอ่ยเชิญชวนผู้คนที่เดินสัญจรไปมา
นี่คือเมืองหลวง สถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในแคว้นเยี่ยน
ทว่ามู่หรงหลินไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับภาพตรงหน้า เนื่องจากที่นี่มันเป็นเมืองเกิดของ ‘มู่หรงหลิน’ ตั้งแต่เด็ก อีกอย่างเขาก็เคยเห็นเมืองในชีวิตก่อนที่เจริญยิ่งกว่าที่นี่ถึงร้อยเท่า มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขา
“มู่หรงหลิวและมู่หรงติ่งไปไหนแล้ว?” มู่หรงหลินเอ่ยถาม
“มู่หรงติ่งกลับไปที่จวนของเขา มู่หรงหลิวเดินทางไปวังหลวง ส่วนพวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังแขวงชือหลินขอรับ”
“อืม.. สงสัยจริงว่าข่าวเรื่องซากโบราณที่เมืองหนานเฉิงและเหตุการณ์ในนิกายร้อยบุปผาจะแพร่กระจายไปมากเพียงใด” มู่หรงหลินพึมพำด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น
เมื่อมาถึงแขวงชือหลิน ในที่สุดมู่หรงหลินก็เห็นสถานที่อันคุ้นเคย
ลุงไป๋กำลังยืนรอด้วยความเคารพที่ทางเข้าจวนซินและเอ่ยต้อนรับมู่หรงหลิน “องค์ชาย ยินดีต้อนรับกลับพ่ะย่ะค่ะ”
“อา ให้คนมาทำความสะอาดสถานที่ ข้าจะไปห้องอักษรก่อน” มู่หรงหลินกล่าวขณะเขาเดินเข้าไป “จริงสิ เจ้าได้จัดเตรียมเรื่องที่ข้าขอไว้หรือไม่?”
“กระหม่อมเตรียมไว้ให้พร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ลุงไป๋กุมมือตอบ
มู่หรงหลินพยักหน้าและเดินไปทางห้องอักษร
ส่วนลุงไป๋ก็เดินจากไปด้วยเช่นกัน
“ตรวจสอบหน้าต่างสถานะ” มู่หรงหลินเอ่ยพึมพำ
ระบบจอมวายร้ายไร้เทียมทาน
เจ้าของ: มู่หรงหลิน
คะแนนวายร้าย: 140
อายุ: 19
ฐานบ่มเพาะ: ขอบเขตสำแดงขั้นสี่
พรสวรรค์แต่กำเนิด: จุดฝังตัวกู่พิษโลหิต , รัศมีวายร้ายตัวน้อย , ‘ปีศาจไร้ชีวิต ไร้กฏเกณฑ์ ไร้รูปร่าง’
เคล็ดวิชา: “บัญญัติไร้ชีวา” (กายหยาบ ‘ปีศาจไร้ชีวิต ไร้กฏเกณฑ์ ไร้รูปร่าง’ )
ทักษะ: “เพลงดาบเทพธารโลหิต” , “ดัชนีเทพธารโลหิต” , “ราตรีสังหาร”, “ศรทะลวงใจ”...
อุปกรณ์: ดาบเทพธารโลหิต , ดาบนิรนาม , โซ่เงินผนึกเทพ
สัตว์วิญญาณ: กู่พิษโลหิต
ข้ารับใช้: สามสารถีอำมหิต , ยอดแปดราชันดาบ , สององครักษ์ ‘พฤกษาเหล็กผลิดอก’ , หอชิงอี 108 ชั้น (ยังไม่เรียก)
ช่องเก็บของ: “คู่มือวายร้ายที่ต้องอ่าน” , ชิ้นส่วนของ ‘รัศมีจอมวายร้าย’ (×2) , เตาหลอมปริศนาศักดิ์สิทธิ์ , แผนที่ลึกลับ (โจวฝาน) , พลังสายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับ (×10) , แหวนลึกลับ (หลงเฉิน)
เมื่อมองไปที่หน้าต่างสถานะ มุมปากของมู่หรงหลินก็ยกขึ้นเล็กน้อย ขณะหันมองไปทางวังหลวงและเอ่ยพึมพำกับตัวเอง “คงอีกไม่นานที่ข้าจะยุติกับเจ้าปีศาจในตัว”
ด้วยการโบกมือมู่หรงหลินก็เอ่ยกับระบบอีกครั้ง “อัญเชิญหอชิง 108 ชั้น!”
[รับคำสั่ง]
ตรงหน้ามู่หรงหลินเกิดแสงวาบขึ้นและมีชายสามคนปรากฏออกมา
โชคดีที่ที่นี่คือห้องอักษรและประตูปิดสนิทแน่น มันจึงไม่เกิดความวุ่นวายอะไร
ขณะเดียวกัน ทั้ง 32 มณฑลของแคว้นเยี่ยน ได้มีคนนับหมื่นปรากฏตัวออกมาจากอากาศว่างเปล่าอย่างอธิบายไม่ได้
..ภายในป่ามณฑลเยี่ยนเซี่ย ร่างเขียวสวมหน้ากากได้ปรากฏอยู่บนกิ่งไม้สูง ร่างของเขากระพริบเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นควันสีเขียวและจางหายไป
..ภายในจัตุรัสกลางเมืองที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนในมณฑลเยี่ยนตู้ ชายขี้เมาคนหนึ่งมองคนที่เพิ่งโผล่มาตรงโต๊ะตรงข้ามด้วยความตกตะลึง และเพียงพริบตา คนผู้นั้นก็เลือนหายไปก่อนที่เขาจะรู้ตัว
..ภายในป้อมปราการอันหนาวเย็นของมณฑลเยี่ยนกู่ เจ้าป้อมปราการกำลังเตรียมตัวเข้านอน แต่ทันใดนั้นได้มีร่างมนุษย์ปรากฏอยู่บนเตียงตรงหน้าเขา ทำให้เขาหวาดกลัวจนโคจรพลังวิญญาณ ก่อนจะถูกแสงสีเขียวพุ่งมาฟันคออย่างรวดเร็ว ผู้ที่ปรากฏอยู่บนเตียงเก็บดาบเข้าฝักและเหลือบมองศพกับศีรษะบนพื้น และเมื่อยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้า เขาก็กลายเป็นเจ้าป้อมปราการทันที!
มณฑลเยี่ยนเซียว มณฑลเยี่ยนหลิว มณฑลเยี่ยนหนาน…
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วทั้ง 32 มณฑล แม้ว่ามันจะเลี่ยงไม่ได้ที่ถูกผู้คนพบเห็น แต่พวกเขาก็สามารถปกปิดตัวตนได้สำเร็จภายใต้ความช่วยเหลือของระบบ จนในที่สุดหอชิงอี 108 ชั้นก็ถูกเรียกมายังโลกใบนี้
และชายสามคนที่แต่งกายชุดสีเขียวตรงหน้ามู่หรงหลินขณะนี้ก็คือ สามเจ้าหอชั้นสูงสุดของหอชิงอี
เจ้าหอชิงเหมี่ยว เจ้าหอชิงซา และเจ้าหอชิงหลง
พวกเขาทั้งสามล้วนอยู่ขอบเขตสำแดงขั้นเก้า นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ยังมียอดฝีมืออีกห้าคนที่อยู่ขอบเขตสำแดงขั้นเก้ากระจัดกระจายอยู่ทั่วแคว้น
“คารวะนายท่าน” ทันทีที่ทั้งสามปรากฏตัวและเห็นมู่หรงหลิน พวกเขาก็รีบคุกเข่าและประสานมือทันที
“ลุกขึ้น” มู่หรงหลินเพ่งมองชายทั้งสาม ใบหน้าของพวกเขาถูกปกปิดอยู่ใต้หน้ากาก ซึ่งหน้ากากทั้งสามมีลวดลายการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า ให้ทุกคนปลอมเป็นหัวหน้ากองกำลังที่มีอิทธิพลทั้งหมดภายในแคว้นเยี่ยน กองทัพ มณฑล ตระกูล กลุ่ม พ่อค้า และนิกาย กองกำลังทรงอิทธิพลทั้งหมดที่มีพลังด้านการต่อสู้จะต้องถูกแทนที่ด้วยคนของเรา พยายามให้ทุกคนเข้าไปแทนที่คนสำคัญของกองกำลังเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด หรือไม่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก แต่ต้องปลอมตัวไม่ให้ถูกจับได้” มู่หรงหลินออกคำสั่ง
“ขอรับ!” ทั้งสามขานตอบด้วยความเคารพ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่หรงหลินก็ออกคำสั่งอีกครั้ง “หลังจากเข้าไปแทนที่แล้ว ให้บังคับยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ กองทัพเมืองหนานเฉิง สามนิกายใหญ่และสี่ตระกูลใหญ่ โดยเฉพาะกษัตริย์เมืองหนานเฉิงหนิงเว่ยอู๋ให้เริ่มก่อจลาจลก่อน ข้าจะสั่งการเพิ่มเติมเมื่อถึงเวลา”
“ขอรับ!”
ทั้งสามหายตัวออกไปข้างนอกและรวบรวมสมาชิกของหอชิงอีภายในเมืองหลวง ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งของมู่หรงหลินให้พวกเขากระจายบอกต่อไปยังผู้คนที่กระจายอยู่ทั่ว 32 มณฑล
ตึกตึกตึก.. มู่หรงหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้และใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ
เวลานี้เอง จิตวิญญาณโลหิตก็มาถึง
แสงภายในห้องหรี่ลงพร้อมกับอุณหภูมิที่ลดต่ำ และมีสี่ร่างปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั้งสี่สวมอาภรณ์สีแดงเลือด กำลังคุกเข่าต่อหน้ามู่หรงหลินด้วยความเคารพ
“คารวะนายท่าน”
“ลุกขึ้น” มู่หรงหลินกล่าวอย่างหมดหนทาง
“ขอรับ”
“ไม่นานมานี้เกิดเรื่องอะไรน่าสนใจรึไม่?”
“นายท่าน หลังจากพวกเราหยุดกลั่นโอสถ มันได้มีกองกำลังที่มีอิทธิพลอื่นลอบสืบสอบพวกเรา แต่โชคดีที่การปรากฏตัวของท่านหญิงหรูเมิ่งเอ๋อร์ช่วยขจัดข้อสงสัยของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นการปะทะกันของท่านหญิงหรูเมิ่งเอ๋อร์และกษัตริย์เมืองหนานเฉิงภายในซากโบราณ ทำให้พวกเราได้พบว่าลัทธิสายธารทมิฬแท้จริงแล้วอยู่ภายใต้คำสั่งของกษัตริย์เมืองหนานเฉิง!”
“ลัทธิสายธารทมิฬ? ลัทธิสายธารทมิฬที่มีสาวกมหาศาลนั่นน่ะหรือ?” มู่หรงหลินกล่าวอย่างสับสน
“ขอรับ เป็นพวกเขา หากมองจากภายนอก ลัทธิสายธารทมิฬดูเหมือนกับกำลังเล่นงานเหล่าศิษย์ของนิกายต่างๆอย่างเปิดเผยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทว่าในความเป็นจริง พวกเขากำลังแอบกัดกินอำนาจของนิกายเหล่านั้น ทั้งยังขโมยทรัพยากรจำนวนมากและลักพาตัวเด็กหนุ่มสาวหน่วยก้านดีไป”
“โฮ่?” มู่หรงหลินเข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“อีกอย่างที่ท่านให้พวกเราไปทำลายตระกูลหลงในเมืองเป้ยถ่าน ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ยกเว้นแต่ผู้นำตระกูลหลงที่ค่อนข้างรับมือยาก แต่ด้วยความช่วยเหลือของหุ่นเชิดที่นายท่านมอบให้ พวกเราจึงสามารถทำงานที่ท่านมอบหมายได้สำเร็จลุล่วง”
“ทำได้ดี.. ตอนนี้หรูเมิ่งเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง?”
“ท่านหญิงหรูเมิ่งเอ๋อร์กำลังจะบรรลุไปยังขอบเขตต้นกำเนิดในไม่ช้า ทว่ามันต้องแลกมาด้วยชีวิตของสาวกเราจำนวนมาก”
“ให้นางใช้กำลังคนได้เต็มที่ต่อไปจนกว่านางจะบรรลุไปถึงขอบเขตต้นกำเนิด นอกจากนี้ข้ายังมีงานอื่นให้พวกเจ้า งานนี้มอบหมายให้กับหน่วยพลีชีพที่ข้าให้สร้างไว้ก่อนหน้า” มู่หรงหลินโยนแผ่นหยกและถุงเฉียนคุนให้กับขุนพลโลหิต
“รายละเอียดของงานมีเขียนอยู่ในแผ่นหยก” มู่หรงหลินกล่าวพร้อมกับยืดเหยียดร่างกาย
“ขอรับ!” ขุนพลโลหิตทั้งสี่โค้งคำนับก่อนจะหายไปพร้อมกับสิ่งของในมือ
มู่หรงหลินลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่างและมองออกไปข้างนอก ขณะพึมพำกับตัวเอง “อีกไม่นาน...”
หลังจากชื่นชมทิวทัศน์ข้างนอกอยู่ครู่หนึ่ง เสียงลุงไป๋ก็ดังขัดมาจากหน้าประตูห้องอักษร “องค์ชาย คุณชายหม่าเจี้ยนโฉวขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”