บทที่ 27 สังหารหลงเฉิน
บทที่ 27 สังหารหลงเฉิน
คนทั้งสิบโคจรพลังวิญญาณ สกัดสายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับออกมาจากร่างของหลงเฉินผ่านโซ่เงิน
“อ๊ากกกกก! เป็นไปไม่ได้!” หลงเฉินกรีดร้องอย่างน่าสมเพช
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ใครขอให้เจ้าทำลายเส้นลมปราณซ่อนเร้นทั้งเก้าของตัวเองกันเล่า? หากไม่ใช่เพราะการกระทำของเจ้า ข้าคงทำอะไรไม่ได้แน่ แต่เนื่องจากเจ้าใจดี ข้าก็จะไม่สุภาพเกินไป” มู่หรงหลินยืนกอดอกเยาะเย้ยอยู่ด้านข้าง
เขาจงใจกระตุ้นความโกรธของหลงเฉินเพื่อให้เขาระเบิดเส้นลมปราณซ่อนเร้นทั้งเก้าและตั้งใจโขมยสายเลือดมา
หลังจากได้รู้พรสวรรค์แต่กำเนิดของหลงเฉิน มู่หรงหลินก็เริ่มคิดหาวิธีจัดการกับเขาในระบบร้านค้าแล้ว และสิ่งที่ใช้งานได้ดีที่สุดก็คือโซ่เงินที่ถูกใช้งานอยู่ในตอนนี้ โดยมู่หรงหลินจะใช้โซ่เงินสิบเส้นเจาะเข้าไปในเส้นลมปราณซ่อนเร้นทั้งเก้าที่เสียหายและหัวใจของหลงเฉิน บังคับดูดสายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับออกมาผ่านโซ่เงิน เมื่อดูดออกมาแล้ว เขาก็จะสามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังสายเลือดได้
แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะรับสายเลือดของตัวเอกมาเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะซึบซับพลังสายเลือดเข้าไปทั้งหมด อย่างไรมันก็ไม่มีทางปลุกสายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับที่แท้จริงให้ตื่นขึ้นได้และจะได้รับพลังมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสามารถเรียกได้ว่า ‘สายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับเทียม’
อีกทั้งโซ่เงินทั้งสิบเส้นที่ซื้อมาจากระบบร้านค้า ต้องใช้ 5 คะแนนวายร้าย ทำให้ตอนนี้มู่หรงหลินเหลือคะแนนวายร้ายอยู่เพียง 190
ทว่าผลตอบแทนที่ได้มันมหาศาลแน่นอน
[ติ๊ง! ‘รัศมีตัวเอก’ ของตัวเอกหลงเฉินเริ่มแตกสาลาย ค่าตัวเอกของเขาลดลง 100]
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี! ท่านได้รับ 100 คะแนนวายร้าย ท่านสามารถใช้มันเพื่อซื้อสินค้าในระบบร้านค้าได้]
มู่หรงหลินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นหันไปมองหลงเฉิน โดนมีหน้าต่างระบบลอยอยู่ตรงหน้า
ชื่อ:หลงเฉิน
ค่าตัวเอก: 50
อายุ: 18
ฐานบ่มเพาะ: จุดสูงสุดขอบเขตต้นกำเนิด
พรสวรรค์แต่กำเนิด: รัศมีตัวเอกตัวน้อย (ป่นปี้)
เมื่อเห็นว่าสายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับไม่ได้ถูกเขียนอยู่บนบรรทัดพรสวรรค์แต่กำเนิดของเขาแล้ว มู่หรงหลินก็เดินไปหาหลงเฉินที่กำลังจะตายด้วยรอยยิ้มกว้าง
โซ่เงินสิบเส้นได้ถูกกระชากออกจากร่างของหลงเฉินนานแล้ว สายเลือดของเขาได้ถูกขโมยไปจนหมด ข้ารับใช้ทั้งสิบยืนนิ่งด้วยความเคารพ ในมือของพวกเขาแต่ละคนถือก้อนพลังสายเลือดอยู่ในมือ
เนื่องจากเสียเลือดไปมาก หลงเฉินจึงมีร่างกายที่เหี่ยวแห้ง ผอมบางราวกับกิ่งไม้ เขาเหลือเพียงกระดูกสันหลังที่ไม่ยอมงอและสายตาอันแน่วแน่ ขาของเขาสั่นเทาจนน่าจะยืนไม่ไหวและราวกับจะล้มวูบได้หากมีสายลมพัดผ่าน ทว่าเขากลับยังยืนหยัดต่อไปได้ แม้ว่าจะมีเลือดไหลออกจากปากและบาดแผลทั่วร่างกายก็ตาม
“ทำไม? ทำไม? ทำไม?” หลงเฉินพึมพำเสียงค่อยและสับสน
มู่หรงหลินมองดูหลงเฉินและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือ เหตุใดรัศมีตัวเอกของหลงเฉินถึงยังไม่ถูกทำลายและยังมีค่าตัวเอกอีก 50
ทำไมกัน?
‘ระบบ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? เขาน่าจะใกล้ตายแล้วไม่ใช่หรือ?’ มู่หรงหลินเอ่ยถาม
[ติ๊ง! ค่าตัวเอกจะได้รับจากการพานพบเหตุการณ์สำคัญ เส้นด้ายแดงแห่งชะตากรรมที่ไม่คาดคิด และเจตจำนงของพวกเขา หลงเฉินยังคงมีเจตจำนงอันแรงกล้าและความเกลียดชังมหาศาลต่อตัวท่าน เขามีความปรารถนาว่าจะต้องมีชีวิตรอด นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยังเหลือค่าตัวเอกและทำไมรัศมีตัวเอกของเขาถึงยังไม่ถูกทำลาย]
เว*!
แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน?
ข้าควรแทงเขาและให้มันจบดีรึไม่?
ขณะมู่หรงหลินกำลังครุ่นคิด ดวงตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาเกลียดชังของหลงเฉิน
มู่หลงหลินเบ้ปากและเดินจากไปด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ก่อนจะหันไปพูดกับ ‘ยอดแปดราชันดาบ’ “ทำให้มันทรมานจนสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตรอด”
‘ยอดแปดราชันดาบ’ ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเดินไปข้างหน้าและถีบหลงเฉินล้มลง
หลงเฉินมีเวลาเพียงเสี้ยววิที่ได้มองแผ่นหลังของมู่หรงหลินด้วยความกลัวและความโกรธ ก่อนจะถูกลากออกไป
“มาให้ข้าตอนเขา!”
“ไม่! พวกเราควรทำให้เขาพิการและเปลื้องผ้า ทำให้เขาอับอาย!”
“เพย! พวกเราอยู่ในที่ไร้ผู้คน แล้วจะทำให้มันอับอายได้เช่นไร”
“หากพวกเจ้าไม่ลงมือ เช่นนั้นข้าขอคนแรก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เริ่มด้วยการหักนิ้วงั้นหรือ? เป็นความคิดที่ไม่เลว!”
หลงเฉินพยายามจะกรีดร้อง ทว่ามันกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากลำคอเนื่องจากถูกยาพิษ เขาทำได้เพียงมองดูคนทั้งแปดทรมานตัวเขาโดยไม่อาจส่งเสียง
ทั้งแปดฉีกแขนขาทั้งสี่ของหลงเฉินไปเป็นอาหารให้สัตว์อสูรโดยรอบกิน พวกเขาทรมานทั้งร่างกายและจิตใจด้วยคำพูดโสมมจนมันเริ่มบ่อนทำลายจิตใจของเขา
…
“ฆ่า… ฆ่าข้า…” หลงเฉินพยายามกล่าวบางอย่างขณะหันหน้าไปทางมู่หรงหลิน ทว่าสิ่งที่เขาเห็นคือมู่หรงหลินกำลังหันเล็งหน้าไม้มาทางเขา
อะไร?
ไม่มี.. ลูกธนู?
ปัก!
ทันใดนั้นหลงเฉินก็รู้สึกเศร้าและอยากจะร้องไห้
เขาหวนนึกถึงความพยายามและความสำเร็จในหนึ่งปีที่ผ่านมา จากนั้นนึกถึงความทรมานและความเจ็บปวดที่รู้สึกในตอนนี้ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาได้แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย..
[ติ๊ง! ‘รัศมีตัวเอกตัวน้อย’ ของตัวเอกหลงเฉินถูกทำลาย ค่าตัวเอกของเขาลดลง 50]
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี! ท่านได้รับ 50 คะแนนวายร้าย ท่านสามารถใช้มันเพื่อซื้อสินค้าในระบบร้านค้าได้]
มู่หรงหลินเล่นกับหน้าไม้ในมือขณะหยุดการโคจรพลังวิญญาณของ “ศรทะลวงใจ” ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียบร้อย ฆ่าเขาซะ”
“ขอรับ” ทั้งแปดขานตอบด้วยความเคารพ
หลงเฉินหลับตาลงอย่างน่าเวทนาและรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ลำคอ ก่อนจะไม่รู้สึกถึงอะไรอีก
[ติ๊ง! นายท่านสังหารตัวเอกหลงเฉินสำเร็จ! ได้รับแพ็คของขวัญเป็นรางวัล!]
เมื่อได้ยินเสียงระบบดังขึ้นในใจ มู่หรงหลินก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง และด้วยการโบกมือ เพลิงวิญญาณสองสายก็พุ่งเข้าหาฉินเหล่าและหลงเฉิน เผาไหม้ซากศพและคราบเลือดโดยรอบ
กริ๊ง!
แหวนวงหนึ่งหล่นออกมาจากซากศพของหลงเฉิน มันปรากฏชัดแวววาวอยู่บนกองขี้เถ้าของเขา
มู่หรงหลินเห็นเช่นนั้นก็หยิบแหวนขึ้นมาด้วยพลังวิญญาณ ‘ระบบ นี่คืออะไร?’
[ติ๊ง! ไม่สามารถระบุได้ ลงทะเบียนเป็นสิ่งของลึกลับ!]
“นายท่าน?” คนทั้งสิบเดินเข้ามาใกล้
มู่หรงหลินพยักหน้าและกล่าว “รีบกลับกันก่อน จะได้ไม่เกิดความสงสัย”
เขาโยนแหวนเข้าไปในที่เก็บของของระบบ
“ขอรับ!”
กลุ่มคนรีบเดินทางกลับนิกายร้อยบุปผาทันที เงาของพวกเขาวิ่งผ่านผืนป่าท่ามกลางต้นไม้ใบหน้า และหลังจากมาถึงสถานที่ที่ผู้อาวุโสใหญ่ตกตาย พวกเขาก็เห็นศิษย์ของนิกายร้อยบุปผาหลายคนกำลังทำความสะอาดบริเวณโดยรอบอยู่
มู่หรงหลินเหลือบมองจากระยะไกลและกล่าวด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ “ช่างน่าเสียดาย นี่นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับนิกายร้อยบุปผา พวกเขาไม่เพียงแต่สูญเสียศิษย์อัจฉริยะ แต่ยังเสียผู้อาวุโสใหญ่ไปอีกคน ซ่งชิงหลันผู้นำนิกายจะทำเช่นไรกัน”
ซ่งชิงหลันเป็นผู้นำนิกายร้อยบุปผาคนปัจจุบันที่อยู่ขอบเขตสวรรค์
ในการประลองของหลงเฉินกับจูจู๋ชู นางไม่ได้อยู่ในนิกายร้อยบุปผา ด้วยเหตุนี้แม้ว่าหลงเฉินจะสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ แต่ที่ผู้อาวุโสใหญ่ไม่เรียกผู้นำนิกายซ่งชิงหลันออกมามันก็เป็นเพราะนางไม่ได้อยู่ที่นี่
…
ภายในนิกายร้อยบุปผา องค์หญิงหกมู่หรงหลิวและองค์ชายใหญ่มู่หรงติ่งกำลังจัดเก็บสัมภาระเพื่อเตรียมเดินทางกลับ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้มันใหญ่โตเกินไปและคนนอกเช่นพวกเขาจึงไม่อาจอยู่ได้นาน แต่แน่นอนที่พวกเขากลัวมากที่สุดก็คือ หากซ่งชิงหลันและนิกายร้อยบุปผาไม่สามารถจับตัวหลงเฉินได้ พวกเขาอาจจะระบายความเดือดดาลมาสู่คนนอกแทน
เมื่อเห็นมู่หรงหลินกลับมาแล้ว มู่หรงติ่งก็ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “น้องสามเจ้ารีบเก็บข้าวของและกลับไปพร้อมกับพวกเราเถิด”
“อา” มู่หรงหลินย่อมไม่ปฏิเสธและได้เรียกสามสารถีให้เตรียมรถม้า
กลับกันมู่หรงหลิวได้แสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “มู่หรงหลิน! เจ้าหดหัวไปอยู่ที่ไหน?”
มู่หรงหลินอธิบายด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ข้ากำลังวิ่งตามผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายร้อยบุปผาและได้เห็นการตายของนาง ทำให้เลือดของนางเปรอะเปื้อนตัวข้าไปหมด ข้าก็เลยไปอาบน้ำ”
มู่หรงหลิวกล่าวเยาะเย้ย “เจ้านี่ช่างขี้ขลาดเสียจริง! ข้าเองก็ตามหลังพวกเขาเช่นกัน ฮา... ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากเหลือเกิน!”
เมื่อมองไปที่ดวงตาส่องประกายของมู่หรงหลิว มู่หรงหลินและมู่หรงติ่งก็ไร้คำพูดไปทันที
หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็ลงจากภูเขาอย่างรวดเร็ว
ด้วยความวุ่นวายภายในนิกาย ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์จึงไม่มีเวลาว่างพอมาตรวจตราหรือหยุดพวกเขา ทำให้คนนอกสามารถออกจากนิกายร้อยบุปผาได้โดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆ
มู่หรงหลินนั่งอยู่ภายในรถม้าด้วยรอยยิ้ม “ระบบ เปิดแพ็คของขวัญ!”