บทที่ 24 ไม่คาดคิด
บทที่ 24 ไม่คาดคิด
“เสี่ยวชู!” ผู้อาวุโสใหญ่ที่นั่งอยู่บนแท่นสูงลุกขึ้นทันทีพร้อมตะโกนเสียงดัง
ผู้คนรอบข้างก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่มีความตั้งใจจะเข้าไปหยุดการประลอง แต่หลังจากเห็นผลที่ตามมาจากการปะทะกันของทั้งสอง มันกลับรุนแรงมากจนพื้นสนามพังทลาย
เหล่าศิษย์และผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์รุ่นเยาว์บางคนรีบใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ พยายามมองสำรวจทั่วสนามประลอง ทว่ามันกลับไร้ประโยชน์เนื่องจากฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจายจากการต่อสู้ และเมื่อฝุ่นจางลง ในที่สุดพวกเขาก็เห็นร่างสองร่างปรากฏขึ้นอยู่ภายใน แต่ภาพที่เห็นมันกลับทำให้ผู้ชมทุกคนต่างต้องตกตะลึง
หลงเฉินยังคงยืนตระหง่านอยู่กลางสนามประลอง ศีรษะของเขาก้มต่ำลงขณะหอบหายใจแรง เมื่อดูจากความเร็วในการหายใจ เห็นได้ชัดว่าหลงเฉินได้ใช้พลังวิญญาณในร่างไปเกือบทั้งหมด เกราะเกล็ดบนร่างของเขาอยู่ในสภาพทรุดโทรมและกำลังถูกซ่อมแซมอย่างช้าๆด้วยการสูดหายใจเข้า อีกทั้งบนร่างของหลงเฉินยังปรากฏรอยบาดแผลนับไม่ถ้วนและมีเลือดไหลกระเซ็นอยู่บนพื้น
ที่ข้างเท้าของเขา มีสตรีผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าด้วยสีหน้าหมองคล้ำและซีดเซียว ชุดของนางขาดวิ่น แขนซ้ายหักไม่สามารถขยับได้ ข้างเอวมีบาดแผลเลือดออกขนาดใหญ่และเส้นผมห้อยลงมาอย่างระเกะระกะ นางดูราวกับได้สูญเสียจิตวิญญาณไป
และสตรีผู้นี้มันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากความภาคภูมิใจของนิกายร้อยบุปผา เทพธิดาร้อยบุปผา จูจู๋ชู!
“เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง?!” องค์หญิงหกมู่หรงหลิวที่นั่งอยู่บนแท่นสูง มองคนสองคนบนสนามประลองด้วยสีหน้าไม่เชื่อ สายตาของนางสับเปลี่ยนไปมาระหว่างจูจู๋ชูและหลงเฉิน ราวกับไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของจูจู๋ชูได้
อันที่จริงผู้ชมส่วนใหญ่เองก็รับไม่ได้เช่นกัน ทุกคนอ้าปากค้างมองคนสองคนบนสนาม จูจู๋ชูเป็นหนึ่งในเจ็ดอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของแคว้นเยี่ยน ความแข็งแกร่งของนางได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของพวกเขามายาวนานและกลายเป็นต้นแบบให้เดินรอยตาม ทว่าตอนนี้ใครที่มีสายตาเฉียบคมก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าหลงเฉินได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้ และจูจู๋ชูก็ได้พ่ายแพ้ให้กับเขา ซึ่งมันเป็นผลลัพธ์ที่พวกเขายอมรับไม่ได้
“บัดซบ!” ผู้อาวุโสใหญ่สบถสาปแช่งจ้องมองทั้งสอง สีหน้าของนางเคร่งขรึมและคาดเดาไม่ได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
อีกด้านฉินเหล่าจ้องมองหลงเฉินด้วยรอยยิ้มกว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
รอบสนามเสียงผู้คนสนทนาเริ่มดังขึ้น
“สถานการณ์นี่มันอะไร? ทำไมถึงไม่มีใครพูดอะไรเลย?”
“เจ้าตาบอดรึไง? หลงเฉินเอาชนะจูจู๋ชู! ดูนางสิ นางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น!”
“น่าเสียดาย จูจู๋ชูขอบเขตสำแดงขั้นหนึ่งไม่สามารถเอาชนะหลงเฉินขอบเขตต้นกำเนิดได้ ช่างน่าอับอายเสียจริง!”
“เฮ้! เจ้าพูดอะไร! เห็นได้ชัดว่าเจ้าหลงเฉินนั้นใช้กลอุบายราคาถูกเอาชนะเทพธิดาร้อยบุปผา มันจะไปน่าอับอายสำหรับนางได้ยังไง?!”
ขณะผู้ชมพูดสนทนา ร่างทั้งสองที่อยู่บนสนามประลองก็ได้สติ จูจู๋ชูลุกขึ้นยืนด้วยฝ่าเท้าอ่อนแรง นางมองกรงเล็บของหลงเฉินที่อยู่ตรงหน้า และเข้าใจว่าตัวเองได้พ่ายแพ้แล้ว ก่อนนางจะมีรอยยิ้มขมขื่นปรากฏออกมาและส่ายหัว
หลงเฉินค่อยๆ หายใจอย่างมั่นคงด้วยเช่นกัน หนังหน้าของเขากระตุกเล็กน้อยราวกับได้ยินอะไรบางอย่าง และหันสายตาไปมองผู้อาวุโสใหญ่ที่นั่งอยู่บนแท่นสูง
“หลงเฉิน หากเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ นิกายร้อยบุปผาจะขอบคุณเจ้า!”
มู่หรงหลินย่อมไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่พูด ทว่าสอง ‘พฤษาเหล็กผลิดอก’ กลับได้ยิน พวกเขาจึงส่งต่อเนื้อหาข้อความมาให้มู่หรงหลินแบบคำต่อคำ
มู่หรงหลินยิ้มเยาะเย็นชาอยู่ภายในใจ หลงเฉินเป็นศัตรูกับพวกเจ้ามากอยู่แล้วและตอนนี้เจ้ากลับพุ่งคมดาบไปหาเขาก่อนงั้นหรือ?
หลงเฉินเหยียดมือขวาชูนิ้วกลางไปทางผู้อาวุโสใหญ่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“สารเลว!” มุมปากของผู้อาวุโสใหญ่กระตุก นางรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้มันยากจะจัดการได้
จูจู๋ชูพ่ายแพ้ให้กับคู่หมั้นที่นางดูถูก ตอนนี้มันไม่ได้เพียงทำให้นางอับอาย แต่ชื่อเสียงของนิกายร้อยบุปผาก็ถูกหลงเฉินกระชากลงพื้นด้วย หากจูจู๋ชูเปิดปากยอมรับความพ่ายแพ้ นิกายร้อยบุปผาคงไม่สามารถเชิดหน้าขึ้นมาได้อีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางวางแผนจะสอนบทเรียนให้กับเขา ผู้อาวุโสใหญ่ปลดปล่อยพลังวิญญาณกดดันไปทางหลงเฉินและตะโกนเสียงดังลั่น “หลงเฉิน เจ้าเด็กน้อย! เจ้ากล้าใช้โอสถต้องห้ามงั้นหรือ? ยอมรับความผิดของเจ้าซะ!” นางไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังที่หลงเฉินปรากฏตัวหลังจากปลุกสายเลือด แต่เรื่องนี้มันไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของนาง
นางแค่ต้องการทำให้เขาหมดสติและใส่ร้ายเขาในข้อหาใช้โอสถต้องห้ามเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของนิกายร้อยบุปผา!
ทว่าในขณะที่นางกำลังจะเคลื่อนไหว ร่างของจูจู๋ชูก็ขยับเคลื่อนไหวก่อน
หลงเฉินที่กำลังรับมือกับแรงกดดันจากผู้อาวุโสใหญ่ หันไปมองจูจู๋ชูที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ นางยิ้มขมขื่นและเอ่ยถามกับเขาว่า “เจ้าเกลียดข้ารึเปล่า?”
เสียงของนางเย็นชาและอ่อนแอ เป็นเสียงแหบแห้งหลังจากการต่อสู้
“เกลียด!” หลงเฉินกัดฟันพูด “ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น!”
จูจู๋ชูพยักหน้าและยิ้มกล่าวด้วยความเศร้าหมองบนใบหน้า “ข้ารู้ว่าตอนนั้นข้าทำผิด แต่มันก็ได้ผ่านไปแล้วและข้าก็ไม่เสียใจ”
หลงเฉินไม่สนใจคำพูดของนางขณะเขาหันหน้ามารับมือกับแรงกดดันผู้อาวุโสใหญ่
ในความคิดของหลงเฉิน ที่ทั้งตระกูลของเขาตกตายมันก็เป็นเพราะจูจู๋ชู ความเกลียดชังระหว่างพวกเขาจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันแก้ไขได้
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่สนใจ จูจู๋ชูก็ยิ้มขมขื่นอีกครั้ง ขณะนางสัมผัสได้ว่าโลกนี้มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นนางก็ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาอยู่กลางอากาศ
สายลมกระโชกแรงพัดผ่าน พัดพาฝุ่นผงบนสนามประลองจางหายไปนานแล้ว ทำให้ผู้ชมสังเกตเห็นร่างทั้งสองและการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
มู่หรงหลินจ้องมองการกระทำแปลกๆ ของจูจู๋ชูด้วยรอยยิ้มเห็นฟันขาว
“ไม่!” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่สนใจกดดันหลงเฉินอีก เมื่อนางเห็นการกระทำของจูจู๋ชู นางก็ตกตะลึงและรีบพุ่งออกไปทันที
“อะไร?” หลงเฉินไม่มีเวลาหันหลังกลับ แต่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
จูจู๋ชูเหลือบมองสถานที่ของนิกายร้อยบุปผาด้วยอารมณ์คิดถึง จากนั้นมองไปที่แผ่นหลังของหลงเฉินด้วยสายตาเย็นชา และมีเสียงหมดหนทางดังมาจากลำคอของนาง “ข้า จูจู๋ชู ศิษย์บาปได้พ่ายแพ้ในวันนี้และทำให้นิกายเสียชื่อเสียง ข้าอับอายเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโส ศิษย์จึงขอชดใช้ด้วยความตาย!”
อะไร?
และก่อนที่ผู้คนโดยรอบจะเข้าใจถึงคำพูดของจูจู๋ชู พวกเขาก็เห็นมือขวาที่อยู่กลางอากาศเหวี่ยงลงมากระแทกศีรษะของนางโดยตรง
แผละ!
พลังวิญญาณอันแกร่งกล้าผสมกับแรงเหวี่ยงจากฝ่ามือ ทำให้ศีรษะครึ่งซีกของจูจู๋ชูระเบิดออกและร่างของนางสั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะทรุดตัวล้มลงกับพื้น
จูจู๋ชูฆ่าตัวตาย
มันไม่มีผู้ใดคาดคิด
“ไม่!” ผู้อาวุโสใหญ่รีบมาถึงด้านข้างของจูจู๋ชู ทว่านางมาช้าเกินไป จูจู๋ชูได้ตายไปแล้ว วิญญาณของนางจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน บางคนลุกขึ้นยืน บางคนถึงกับกระโดดข้ามราวสนามและวิ่งเข้าไป
ศิษย์หญิงหลายคนของนิกายร้อยบุปผามีสีหน้าสับสน บางคนไม่เชื่อ บางคนปิดปากด้วยความทุกข์ใจและคนที่เหลือต่างก็หันมองหลงเฉินด้วยสายตาเกลียดชัง ทำให้หลงเฉินรู้สึกถึงสายตานับร้อยที่ทิ่มแทงแผ่นหลังของเขา สำหรับผู้คลั่งไคล้ของจูจู๋ชู พวกเขาไม่เชื่ออย่างแน่นอนและถึงกับเริ่มสงสัยว่านี่เป็นความฝันหรือการแสดงที่หลงเฉินและนิกายร้อยบุปผาเตรียมไว้ร่วมกัน พวกเขายากจะรับความจริงที่ว่าจูจู๋ชูตายแล้ว
มู่หรงหลิวมองดูร่างของจูจู๋ชูด้วยสายตาโศกเศร้าและร้องตะโกน “พี่สาวจู!”
มู่หรงติ่งก็รู้สึกอัดอั้นไม่แพ้กัน เขาคาดไม่ถึงว่าจะเจอสถานการณ์เช่นนี้
ดวงตาของผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนเป็นสีแดงขณะนางลูบไล้ใบหน้าของจูจู๋ชูอีกครึ่งซีก นางเพิ่งเห็นหญิงสาวที่นางมองว่าเป็นหลานสาวแท้ๆฆ่าตัวตาย ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง นางหันไปมองหลงเฉินพร้อมกับร้องตะโกน “หลงเฉิน! ตายซะ!”
ใบหน้าของหลงเฉินก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เขามองไปที่ร่างไร้วิญญาณของจูจู๋ชูด้วยความสับสน แต่ไม่ช้าเขาก็ได้สติอย่างรวดเร็ว เขาไม่ใช่คนสังหารนาง แต่การฆ่าตัวตายของจูจู๋ชูย่อมเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเป็นเช่นนี้หลงเฉินจึงรีบถอยกลับไปด้านข้างสนามและวิ่งไปหาฉินเหล่า
ทุกคนเผยสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นระยะห่างระหว่างผู้อาวุโสใหญ่และหลงเฉิน พวกเขามองดูฝ่ามือของผู้อาวุโสใหญ่เข้าใกล้แผ่นหลังของหลงเฉินมากขึ้น
มู่หรงหลินที่นั่งอยู่บนแท่นสูงระเบิดเสียงหัวเราะเงียบด้วยร่างกายสั่นเทาจากการยกมือปิดปาก และมีเสียงระบบดังขึ้นในใจของเขา
[ติ๊ง! ‘รัศมีตัวเอก’ ของตัวเอกหลงเฉินเริ่มแตกสลาย ค่าตัวเอกของเขาลดลง 50]
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี! ท่านได้รับ 50 คะแนนวายร้าย ท่านสามารถใช้มันเพื่อซื้อสินค้าในระบบร้านค้าได้]
“อย่างที่คิด แผนของข้าได้ผล ทำให้นางถึงขั้นฆ่าตัวตาย”