บทที่ 23 ความอัปยศ
บทที่ 23 ความอัปยศ
พลังวิญญาณของหลงเฉินและพลังสายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับทะลักออกมาจากร่างของเขา แผ่กดดันไปทั่วทั้งจัตุรัส กลิ่นอายอันทรงพลังไร้เทียมทานได้ทำให้ทุกคนที่มีฐานบ่มเพาะต่ำหน้าซีดเซียวและหายใจไม่ออก
“อวดดีนัก!” ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายร้อยบุปผาที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดเปลี่ยนสีหน้า นางจ้องมองหลงเฉินอย่างเคร่งขรึม ในเวลาเดียวกันนางก็ปล่อยแรงกดดันพลังวิญญาณไปปกป้องเหล่าศิษย์ของนิกายร้อยบุปผา ไม่ให้พวกเขาเสียหน้า
ทว่าหลงเฉินไม่สนใจการเคลื่อนไหวและเสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสใหญ่แม้แต่น้อย เขายังคงจ้องไปที่จูจู๋ชูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะ ราวกับว่าต้องการจะฉีกเนื้อหนังของนางทั้งเป็นและได้กัดฟันพูดออกมา “จู! จู๋! ชู! เตรียม! ตัว! ตาย! ซะ!”
จูจู๋ชูขมวดคิ้วและมองหลงเฉินอย่างสับสน นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทว่าถึงแม้นางจะมึนงง แต่นางก็เป็นหน้าเป็นตาของนิกายร้อยบุปผา จูจู๋ชูจึงกระโดดไปยังสนามประลองด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง ชุดสีเขียวของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม พร้อมกับกลิ่นหอมรัญจวนอันเป็นเอกลักษณ์ของนิกายร้อยบุปผาที่ลอยค้างอยู่ในอากาศ
ตอนนี้ผู้ชมโดยรอบสามารถทนรับแรงกดดันจากสายเลือดของหลงเฉินได้แล้ว และสีหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากซีดเซียวเป็นปกติ จากนั้นพวกเขาก็จ้องมองหลงเฉินด้วยความเกลียดชังและอับอาย บางคนถึงกับตะโกนด่าสาปแช่ง
“หลงเฉิน เจ้าจะทำเกินไปแล้ว!”
“ปล่อยแรงกดดันโดยไม่สนคนรอบตัวงั้นหรือ? กล้าดียังไงถึงรังแกพวกเราเช่นนั้น!”
“เทพธิดาจู! เอาชนะเขาซะ!”
“ใช่แล้ว! ทำลายความยโสของชายผู้นี้! หรือฆ่าเขาซะ!”
หลงเฉินหันหน้าไปมองผู้คนเหล่านั้นและตะโกนด่า “หยุดพล่ามซะ เจ้าพวกขยะ!” ในสายตาของเขา ผู้คนเหล่านี้มันก็ไม่ต่างจากคนที่ทำลายตระกูลหลง
พวกมันทั้งหมดล้วนเคารพเถิดทูนจูจู๋ชูด้วยตามืดบอด เป็นพวกเลียแข้งเลียขาที่น่าขยะแขยงและเป็นคนบาปที่ทำให้ตระกูลหลงของเขาต้องล่มสลาย
แน่นอนว่าคนบาปที่สุดก็คือสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขา จูจู๋ชู!
มู่หรงหลินตรวจสอบหน้าต่างระบบด้วยความสนใจ
ชื่อ: หลงเฉิน
ค่าตัวเอก: 200
อายุ: 18
ฐานบ่มเพาะ: ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตสำแดง
พรสวรรค์แต่กำเนิด: รัศมีตัวเอกตัวน้อย, สายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับ
“ไม่เลว! เขาบรรลุไปถึงครึ่งก้าวสู่ขอบเขตสำแดงแล้ว เช่นนั้นมันก็หมายความว่า เขาจะทะลวงไปยังขอบเขตสำแดงทันทีที่ได้รับกายหยาบใช่รึไม่? เขาเพิ่งจะอายุ 18 เท่านั้น พรสวรรค์เช่นนี้นับว่าพิเศษยิ่ง! สายเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับ? ฮ่าฮ่าฮ่า มันเป็นเพราะสายเลือดของเขานี่เอง น่าสนใจ ข้าหวังว่าเขาจะนำพาเรื่องสนุกมาให้ข้าได้ชม”
มู่หรงหลินวิจารณ์ด้วยใบหน้าสงบขณะจ้องมองไปยังสนามประลอง
จูจู๋ชูเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลงเฉิน มองดูเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่งและภาคภูมิ ก่อนจะอ้าปากกล่าวอย่างเชื่องช้า “ข้าไม่ต้องการรังแกผู้อื่นด้วยพลังของตัวเอง แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ยอมแพ้ด้วย”
“หนึ่งปี.. มันผ่านมาหนึ่งปีแล้ว!” หลงเฉินคำรามต่ำด้วยสีหน้าดุร้าย เขากัดฟันและกำมือแน่น จนมีเลือดไหลหยดออกมาจากซอกเล็บ “ข้ารอคอยวันนี้ถึงหนึ่งปีเต็ม! ข้าจะคืนความแค้นที่ข้ารู้สึกภายในปีนั้นและความแค้นที่ตระกูลของข้าล่มสลายให้กับเจ้าเป็นสิบเท่า!”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร?” จูจู๋ชูขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าชายที่กำลังแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวตรงหน้ากำลังพูดเรื่องอะไร
“ข้าพูดเรื่องอะไร? มันไม่สำคัญแล้ว เข้ามาซะ! แสดงให้ข้าเห็นว่าอัจฉริยะจอมยโสเช่นเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด!” หลงเฉินรวบรวมพลังวิญญาณครู่หนึ่งและควบแน่นมันขึ้นมาเป็นชุดเกราะเกล็ดสีแดงบนร่างกาย พร้อมกับกรงเล็บอันแหลมคมงอกออกมาจากกำมือของเขา
นี่คือพลังของสายเเลือดมังกรเถ้าย้อนกลับ
จูจู๋ชูหน้าเปลี่ยนสีขณะนางโคจร “คัมภีร์ร้อยบุปผา” ของนิกายร้อยบุปผา เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับหลงเฉิน
“โวว! นี่น่ะหรือคัมภีร์ของนิกายร้อยบุปผา? น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
“ใช่ใช่! นางเหมาะกับตำแหน่งเทพธิดาร้อยบุปผาอย่างแท้จริง นางช่างสง่างามและแข็งแกร่ง!”
“แต่ดูเจ้าหลงเฉินนั่นสิ อะไรอยู่บนตัวเขากัน?”
“ข้าก็ไม่รู้ หรือมันจะเป็นเคล็ดวิชาของเขา? ดูป่าเถื่อนสิ้นดี”
“เพย! เขากล้าใช้สิ่งนี้ต่อสู้กับเทพธิดาร้อยบุปผางั้นหรือ? ข้าพนันได้เลยว่าเขาคงไม่รอดถึงสิบกระบวนท่าเป็นแน่!”
มู่หรงหลินประเมินการเคลื่อนไหวในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความสนใจ
ในที่สุดกรงเล็บสีแดงเลือดของหลงเฉินก็สัมผัสกับพลังวิญญาณของจูจู๋ชู ฉีกเกราะวิญญาณของนางออกจากกันและเกือบจะข่วนโดนผิวหนังของนาง
จูจู๋ชูรวบรวมสมาธิและเมื่อเห็นว่าเกราะวิญญาณไร้ประโยชน์ต่อการโจมตีของหลงเฉิน นางก็บิดเอวและขา พลิกร่างหลบเลี่ยงการโจมตีของหลงเฉิน ขณะโคจร “คัมภีร์ร้อยบุปผา” เพื่อตอบโต้
‘ลักษมีลูกท้อละมุนเจิดจรัส’
พลังวิญญาณล่องหนกลายเป็นกลีบดอกไม้สีชมพูปรากฏขึ้นกลางอากาศ และลอยเข้าล้อม ร่ายรำรอบตัวหลงเฉินหลายร้อยกลีบ
กลีบดอกไม้อันอ่อนนุ่มคมกริบราวกับใบมีด ขอบกลีบแต่ละกลีบสะท้อนแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่าเพียงแค่กลีบเดียวมันก็สามารถแยกกะโหลกของมนุษย์ได้ และด้วยกลีบดอกไม้มากกว่าร้อยกลีบกลางอากาศ จูจู๋ชูได้ส่งพวกมันไปทางหลงเฉินจากทุกทิศทางโดยไม่ลังเล
สีหน้าของหลงเฉินยังคงสงบนิ่ง เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาล้มเหลว เขาก็เพียงแค่บิดร่างและโจมตีไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นกลีบดอกไม้หลายร้อยกลีบที่สามารถแยกก้อนหินได้ก็สัมผัสเข้ากับเกราะเกล็ดของหลงเฉิน และเกิดเสียงสะท้อนชนกันพร้อมกับกลีบดอกไม้แหลกสลายไปทันทีที่โดนเกราะของเขา ราวกับเกล็ดหิมะที่หล่นลงมาบนเตาผิงไฟที่กำลังลุกไหม้ หลงเฉินยังคงพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ถูกกลีบดอกไม้ที่สลายไปชะลอความเร็ว
เกล็ดที่ราบเรียบทรงกลมแต่เดิมบนร่างของหลงเฉินเปลี่ยนเป็นคมกริบ ขณะกรงเล็บบนมือของเขาหดกลับกลายเป็นถุงมือและกำหมัดแน่น ยามนี้หลงเฉินเต็มไปความมั่นใจพร้อมกับพลังวิญญาณที่ไปรวมตัวกันอยู่ในมือขวาของเขา
“หัตถ์มังกรเถ้าทะยานสวรรค์!” หลงเฉินร้องคำราม ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นพร่ามัวและมาถึงตรงหน้าจูจู๋ชู
ความตกตะลึงปรากฏบนใบหน้าของจูจู๋ชู หมัดของหลงเฉินได้เล็งมาที่ตัวนางแล้ว จูจู๋ชูรู้ว่าไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ได้ นางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรับมันเอาไว้
ด้วยการโคจร “คัมภีร์ร้อยบุปผา” กลิ่นอายอันทรงพลังก็พลุ่งพล่านออกมาจากร่างของจูจู๋ชู กระโปรงของนางปลิวไสวไปตามสายลม นางวางมือประสานกัน โดยมีแสงเย็นเฉียบวาบผ่านเข้ามาในดวงตา ขณะที่นางตะโกนลั่น “ร้อยบุปผาไร้มลทิน!”
แสงสีชมพูพุ่งออกมาจากร่างของจูจู๋ชู กลายเป็นโล่ทรงกลมขนาดเล็กที่ขวางกั้นอยู่ตรงหน้านาง แต่ใหญ่พอที่จะป้องกันหมัดที่พุ่งเข้ามาได้
หลงเฉินกัดฟันและส่งแรงจากมือซ้ายไปเร่งความเร็วของมือขวา
หมัดของหลงเฉินและโล่ของจูจู๋ชูเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่น
ทันใดนั้นเองโล่ขนาดเล็กของจูจู๋ชูก็แตกกลายเป็นเศษเสี้ยวพลังวิญญาณกระจายหายไปในอากาศ พร้อมกับร่างของนางถูกส่งกระเด็นถอยหลังไปสามก้าว จนใบหน้าซีดเผือดและทรงผมยุ่งเหยิง
หมัดของหลงเฉินได้หมดแรงลงด้วยเช่นกัน และในขณะที่จูจู๋ชูถอยกลับและหายตัวไป เขาก็กลิ้งไปทางด้านซ้ายและหลีกเลี่ยงการโจมตีของจูจู๋ชูได้อย่างสบายๆ
“หลงเฉินผู้นี้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม! เขาสู้สูสีกับจูจู๋ชูเลย”
“เจ้าพูดอะไร? เทพธิดาจูยังไม่ได้ปลดปล่อยอวตารสำแดงของนางด้วยซ้ำ หากนางทำเช่นนั้นหลงเฉินคงไม่มีเวลาร้องขอชีวิตแน่!”
“เห็นด้วย ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด หลงเฉินก็ยังอยู่ขอบเขตต้นกำเนิด”
ผู้คนรอบข้างสนทนาพูดคุยกันและเกิดความสนใจในตัวหลงเฉิน
ทว่าสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายร้อยบุปผากลับดูไม่ดีนัก นางดูราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ขณะมองไปที่จูจู๋ชูที่มีใบหน้าซีดเซียวและหลงเฉินที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
มู่หรงหลิวส่งเสียงเชียร์จูจู๋ชูจากข้างสนามและรับชมการประลองอย่างสนุกสนาน ทว่ามู่หรงติ่งกลับมีสีหน้าดำมืดและพึมพำกับตัวเองขณะมองดูหลงเฉิน
จูจู๋ชูแม้ว่าจะมีใบหน้าซีดเซียว ทว่านางกลับยังคงกล่าววาจาหยิ่งผยองเช่นเคย “หากเจ้ายังไม่บรรลุถึงขอบเขตสำแดง เจ้าก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตาข้า หลงเฉิน! ข้าจะให้เจ้าได้เห็นถึงพลังขอบเขตสำแดง!” กล่าวจบ นางก็ปลดปล่อยอวตารสำแดงออกมาเป็นอสูรลูกท้อสีชมพูมีปีกอยู่ด้านหลัง
และทันทีที่นางปลดปล่อยอวตารสำแดง ลมปราณของนางก็เพิ่มพูนมากขึ้น เหนือกว่าสายเลือดของหลงเฉินไปเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยสังหารยอดฝีมือขอบเขตสำแดงมาก่อน!” หลงเฉินปรากฏรอยยิ้มน่ากลัวขณะปลดปล่อยสายเลือดของตัวเองอย่างเต็มที่
ทั้งคู่เข้าปะทะกันอีกครั้งโดยใช้ทักษะจิตวิญญาณมากมายทุกประเภท
ในไม่ช้า พวกเขาทั้งสองก็แยกออกจากกัน จูจู๋ชูมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ชุดของนางขาดรุ่งริ่งและมีรอยแผลถูกเฉือนที่สีข้าง แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงมีสีหน้าหยิ่งยโส “หลงเฉิน หากเจ้าสามารถรับการโจมตีต่อไปของข้าได้ ข้าจะถือว่าเจ้าชนะ!”
หลงเฉินกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งเช่นเดียวกัน “ถ้าเช่นนั้น หากเจ้ารับการโจมตีต่อไปของข้าได้ ข้าก็จะถือว่าเจ้าชนะเช่นกัน!”
ทั้งสองโคจรพลังวิญญาณพร้อมกัน หลงเฉินใช้พลังวิญญาณสีแดงปกคลุมไปทั่วร่าง ควบแน่นกลายร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่มีสองเขาบนหัว ปีกงอกจากหลัง กรงเล็บบนอุ้มมือและปากที่มีเขี้ยวแหลมคม
อีกด้านพลังวิญญาณของจูจู๋ชูควบแน่นกลายเป็นก้อนแสงสีชมพูที่ค่อยๆ บานสะพรั่ง งดงามราวกับดอกไม้และส่งกลิ่นหอมเย้ายวนล่องลอยอยู่ในอากาศ
“มังกรเถ้าย้อนกลับสังหาร!”
“ลูกท้อสยบฟ้า!”
พื้นสนามประลองแตกร้าวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับฝุ่นผงฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ บดบังร่างของหลงเฉินและจูจู๋ชู