ตอนที่แล้วบทที่ 15 หุ่นกระบอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 ขอเงิน

บทที่ 16 หออาวุธ


[ใบมีดอมตะ: ทำโดยใช้เหล็กลมกร่อนเป็นวัสดุพื้นฐานและมีการลงคาถาไว้ถึงสิบสองชั้นเพื่อการใช้งานที่สะดวกและการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว ผลิตจากเมืองเทาเทีย ราคา 300 เหรียญกระบี่]

[กระบี่ทลายภูเขา: หลอมขึ้นโดยใช้เหล็กกล้าแห่งธรรมชาติเป็นวัสดุพื้นฐาน ลงคาถาไว้ถึงสิบสี่แบบ กระบี่เป็นลักษณะหนาและทนทาน ทำโดยช่างกระบี่แห่งซวนเฉิงจื่อ ราคา 500 เหรียญกระบี่]

[ดาบมืดลึกลับ: หลอมจากเหล็กน้ำแข็งพันปี สลักด้วยขบวนคาถาสามสิบหกชั้น ความแหลมคมเกินบรรยาย ผู้ใดพบเห็นจะต้องหวาดกลัว ไม่ทราบแหล่งที่มา ราคา 800 เหรียญกระบี่]

...

ชูเหลียงรู้สึกเหมือนลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน มันพัดพามาพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่นและหัวใจของเขาก็หนาวสั่นแล้วในตอนนี้

เขาแทบหมดสติอยู่หน้าส่วนซื้ออาวุธในหออาวุธ

เขาไม่เคยมาที่หออาวุธมาก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นดาบสายฟ้าของฟางถิงแล้ว ตอนนี้ชูเหลียงมีความปรารถนาที่จะครอบครองอาวุธดีๆ บ้าง

ตอนแรกเขาคิดว่าเขารวยแล้ว อย่างไรก็ตาม เหรียญที่เขามีนั้นไม่สามารถเทียบกับราคาของอาวุธเหล่านี้ได้เลย

เมื่อเห็นราคาแล้วชูเหลียงก็คิดว่าสร้อยข้อมือกระบี่บินแห่งฉูซานที่ใช้กันเป็นมาตรฐานนั้นมีประโยชน์มาก มันเพียงพอที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี

โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์ระดับเขาที่อยู่ในระดับตระหนักรู้ทางวิญญาณ แม้จะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงอย่างสม่ำเสมอก็ยากที่จะได้เหรียญกระบี่ถึงหนึ่งร้อยเหรียญในหนึ่งเดือน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาเช่นเครื่องมือต่างๆ อาหารเสริม และเครื่องราง เป็นต้น

เมื่อไหร่ข้าจะสามารถซื้อกระบี่เหล่านี้ได้นะ..

ในขณะที่ชูเหลียงหันหลังออกจากโถง ผู้ดูแลสังเกตเห็นเขาและเข้าหาเขาอย่างใกล้ชิด

ผู้ดูแลเป็นเด็กผู้หญิงตัวสูง เธอยิ้มแย้มแจ่มใสและคว้าชูเหลียงไว้ไม่ให้ไป

เธอพูดว่า "ท่าน ข้าเดาว่าท่านสนใจที่จะซื้ออาวุธของตัวเองใช่หรือไม่"

"เป็นเช่นนั้น" ชูเหลียงพยักหน้า

"ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านได้เลือกชิ้นที่ถูกใจแล้วหรือยัง" ผู้ดูแลสาวเอ่ยถาม

ชูเหลียงเองก็มิได้รู้สึกอึดอัดใจกับเรื่องนี้ เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "ข้าแค่มาลองดู ข้าไม่มีเหรียญมากเพียงพอ"

ผู้ดูแลตอบด้วยรอยยิ้มว่า อาจจะมิใช่เสียทั้งหมด บอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าท่านมีงบประมาณเท่าใด”

"ข้ามีเหรียญกระบี่เพียงห้าสิบเหรียญเท่านั้น" ชูเหลียงกล่าว "แต่เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่ชิ้นที่ถูกที่สุดก็มีราคาถึงสามร้อยเหรียญแล้ว..."

"อืม..."

ผู้ดูแลสาวดูเหมือนจะไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินงบประมาณของชูเหลียง อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของเธอก็สดใสขึ้นอีกครั้ง

เธอบอกว่า "มิใช่ปัญหา ฮ่าๆ ท่านมาถูกที่แล้ว เราเพิ่งเปิดใช้วิธีการชำระแบบใหม่ นั่นคือท่านสามารถผ่อนชำระได้"

ชูเหลียงกะพริบตา "ผ่อนชำระงั้นหรือ"

ว้าว! ตอนนี้ฉูซานมีอะไรแบบนี้ด้วยหรือ...

"นั่นหมายความว่าท่านสามารถจ่าย 50 เหรียญกระบี่ก่อนแล้วจึงจ่าย 10 เหรียญกระบี่ต่อเป็นเวลาอีก 50 เดือนได้ มันทำให้ค่อนข้างสะดวกในการซื้อขาย ท่านว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ผู้ดูแลสาวอธิบาย

หลังจากชำระเงินครั้งแรก 50 เหรียญจะมียอดคงเหลืออีก 250 เหรียญกระบี่มิใช่หรือ หากข้าต้องจ่าย 10 เหรียญกระบี่ต่อเดือนเป็นเวลา 50 เดือนรวมก็เท่ากับ 500 เหรียญกระบี่.. ชูเหลียงคิดในใจอย่างรวดเร็ว กล่าวอีกนัยหนึ่งมันคือเงินกู้สี่ปีที่มีอัตราดอกเบี้ย 100%.. ช่างไร้ยางอาย..

ชูเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฟังดูน่าดึงดูดเสียจริงๆ แต่ตอนนี้ข้าขอผ่านก่อนแล้วกัน โอกาสหน้าข้าจะมาดูอีกที”

ผู้ดูแลสาวยังคงพยายามที่จะโน้มน้าวให้เขาซื้อ

อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงหันหลังและจากไปซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่สนใจ

ในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องโถง เขาบังเอิญเดินไปจนเกือบจะชนเข้ากับร่างร่างหนึ่ง

"นี่" หญิงสาวที่น่ารักในชุดสีเขียวอ่อนพูดอย่างโกรธเคือง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นว่าคนที่เธอเกือบจะชนคือชูเหลียง เธอก็ประหลาดใจมาก

เธอร้องด้วยความดีใจในทันทีว่า “พี่ชู”

"ศิษย์น้องซู"

ชูเหลียงเองก็แปลกใจเมื่อเห็นเธอ ซูจื่อชิงศิษย์น้องจากยอดเขายู่เจียนที่เพิ่งทําภารกิจกับเขา

"ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เจอท่านที่นี่ พวกเราต้องถูกลิขิตแน่ๆ " ซูจื่อชิงยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยว

"เจ้ามาซื้อกระบี่งั้นหรือ" ชูเหลียงถามอย่างกระตือรือร้น

"ใช่! นี่เป็นภารกิจแรกของข้า และข้าก็ทํามันได้สำเร็จ พี่ชายของข้าบอกว่าเขาจะให้รางวัลแก่ข้าเป็นกระบี่บิน เขาให้ข้าเลือกเอง" ซูจื่อชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ชูเหลียงฟังแล้วอดคิดไม่ได้ เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจปราบปีศาจไปมากมายกว่าจะได้ของแต่ละอย่าง แต่ซูจื่อชิงนั้นได้รับรางวัลจากพี่ชายอย่างดี มันมิได้ง่ายและตรงไปตรงมาเกินไปหรือ

"ยอดไปเลยมิใช่หรือ" ชูเหลียงกล่าวอย่างจริงใจ

"ว่าแต่ พี่ชู ท่านซื้อสิ่งใดมาเล่า" ซูจื่อชิงถาม

“ข้ามิได้ซื้อ กระบี่บินที่นี่แพงสำหรับข้า เหรียญกระบี่ที่ข้ามีนั้นยังมิเพียงพอ” ชูเหลียงตอบอย่างตรงไปตรงมา

"หืม" หญิงสาวก้มหน้าลงและกระซิบ แล้วทันใดนั้นเธอก็พูดว่า "ท่านชอบใจชิ้นใดบ้างหรือไม่ ข้าให้มันเป็นของขวัญแก่ท่านได้นะ"

"ไม่ไม่ ข้ารับไว้มิได้หรอก" ชูเหลียงโบกมือปฏิเสธทันที "กระบี่บินมีราคาสูงมาก ข้าจะรับไว้เป็นของขวัญได้อย่างไร"

"เหตุใดจะไม่ได้เล่า ก็เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมิใช่" ซูจื่อชิงกล่าวพลางคว้าแขนเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใส

"ไม่ ข้ารับไว้มิได้จริงๆ เพราะเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันข้าจึงรับไว้มิได้หรอก" ชูเหลียงส่ายหัวอย่างเด็ดเดี่ยว

เขารับของที่ราคาไม่สูงอย่างยาพลังชี่ได้ แต่เขาจะรับกระบี่บินราคาแพงลิบเช่นนี้ไม่ได้อย่าง

"เจ้าค่ะๆ ..." ซูจื่อชิงใจอ่อนแล้วและปิกปากอย่างผิดหวังเล็กน้อย

"เอาล่ะ ศิษย์น้องซูเจ้าค่อยๆ เลือกอาวุธของเจ้าเถิด ข้าขอตัวกลับก่อน" ชูเหลียงกล่าว

"ท่านยังเรียกข้าว่าน้องอีกหรือ.. ในเมื่อเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เช่นนั้นโปรดทำเหมือนคนอื่น เรียกข้าว่าจื่อชิงเถอะ" เธอกล่าว

"..ได้สิ จื่อชิง" ในที่สุดชูเหลียงก็ตอบตกลง

ระหว่างที่คนสองคนคุยกันอยู่นั้นก็มีคนเดินลงมาจากชั้นบน

คนนั้นเห็นซูจื่อชิงก็ทักทายทันที "ศิษย์น้องจื่อชิง"

ซูจื่อชิงและชูเหลียงหันไปมองชายคนนั้นและเห็นว่าเขาเป็นศิษย์หนุ่มที่ผอม โหนกแก้มสูงและมีดวงตาที่เรียวยาว เขาแต่งกายดูเป็นนักวิชาการ แต่ไม่มีความสง่างามของปัญญาชนแต่อย่างใด

ตามมาด้วยลูกศิษย์ชาย 2 คน พวกเขาแต่งตัวคล้ายกันและดูเหมือนสุนัขรับใช้ของเขา

พอซูจื่อชิงเห็นคนที่ตะโกนเรียกเธอ เธอก็ขมวดคิ้วทันที

อย่างไรก็ตาม เธอตอบอย่างจนใจว่า "ศิษย์พี่ชาง"

เธอวางท่าเย็นชา แต่มันสู้ความหลงใหลที่ร้อนแรงของศิษย์พี่ชางคนนั้นไม่ได้เลย

ศิษย์พี่ชางเดินเข้ามาและหยุดต่อหน้าซูจื่อชิง

เขาหัวเราะและพูดว่า "ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ นี่ต้องเป็นชะตาลิขิตเป็นแน่"

"..เจ้าค่ะ ท่านมาซื้อกระบี่บินด้วยหรือ" ซูจื่อชิงตอบโดยหลีกเลี่ยงสายตา

"ฮ่าๆ " ชายหนุ่มยืดอกอย่างภาคภูมิใจ "เมื่อวานข้าพาคณะของข้าไปปราบสัตว์ประหลาดน้ําในแม่น้ำฮวาหลี่ ท่านพ่อของข้าก็เลยให้รางวัลข้าเป็นกระบี่บินน่ะสิ"

"เช่นนั้นเองหรือเจ้าคะ.." ซูจื่อชิงพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

จากนั้นเธอก็พยายามจะออกไป

ทว่าชายคนนั้นก็รีบมาขวางทางทันที

เขายิ้มและถามว่า "เจ้าล่ะจื่อชิง เจ้ามาซื้ออะไรหรือ"

"ข้ายังไม่ได้ซื้อ ข้าเพียงแค่มาดูชมเท่านั้น" ซูจื่อชิงตอบ

"งั้นหรือ" ชายคนนั้นปรบมือ "ถ้าอย่างนั้น เจ้าชอบชิ้นใดเล่า ข้าจะให้มันเป็นของขวัญแก่เจ้า"

"มิได้ ข้ารับมิได้หรอก" ซูจื่อชิงขมวดคิ้วและส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก "มันแพงเกินไป ข้าไม่อยากรบกวนท่าน"

"ทําไมจะไม่ได้ล่ะ พวกเราไม่ใช่... เพื่อนสนิทกันหรือ" ศิษย์พี่ชางถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"ไม่ได้ ถ้าไม่มีงานก็รับค่าตอบแทนไม่ได้" ซูจื่อชิงพูดอย่างไม่พอใจ

ใบหน้าของเธอเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าปฏิเสธที่จะรับของขวัญจากศิษย์พี่ชาง

“ก็ได้”

ศิษย์พี่ชางยอมแพ้

"เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อนศิษย์พี่" ซูจื่อชิงกล่าว

เธอตัดสินใจไม่เลือกซื้ออาวุธแล้ว เธอหันหลังแล้วก็จากไปพร้อมลากชูเหลียงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ศิษย์พี่ชางไล่ตามไป "เจ้ายังเรียกข้าว่าศิษย์พี่ชางอยู่อีกหรือ มันฟังดูเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้า เรียกข้าว่าพี่จื่อเหลียงสิ"

"เจ้าค่ะ ศิษย์พี่ชาง"

เมื่อเธอตะโกนออกมา ซูจื่อชิงก็เดินมาไกลกับชูเหลียงแล้ว...

"เห้อ..." ชางจื่อเหลียงถอนหายใจอย่างหนัก "บอกข้าสิว่าข้าเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา สง่างามและมีความสามารถ แต่จื่อชิงมักจะไม่สนใจข้า.. เหตุผลคืออะไรกัน"

ผู้ติดตามสองคนของซางจื่อเหลียงยืนอยู่ข้างหลังเขาและตอบเขาอย่างรวดเร็ว

"ไม่มีเหตุผลเลยขอรับ"

"ช่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง"

"แต่แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เล่า" ชางจื่อเหลียงเงยหน้ามองท้องฟ้าและครุ่นคิด

"นายท่าน ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่... ศิษย์น้องจื่อชิงชอบพอกับคนอื่นแล้ว นี่จะสามารถอธิบายความไม่แยแสของเธอที่มีต่อท่านได้พอดี"

"หืม? " ชางจื่อเหลียงขมวดคิ้ว "เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ"

“ข้าคิดว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นคนข้างๆ เธอ” ผู้ติดตามอีกคนกล่าวเสริม "สายตาที่เธอมองผู้ชายคนนั้นก่อนหน้านี้ค่อนข้างผิดปกติ"

"ไม่ใช่แค่การแสดงออกที่แปลกประหลาดของเธอ แต่ข้าได้กลิ่นแปลกๆ ออกมาจากพวกเขาสองคน... "

"ฮึ่ม..." ชางจื่อเหลียงหัวเราะ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไปสํารวจเขามา ชื่อของเขา เขาเป็นคนจากยอดเขาใดกัน ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร.. เจ้าคนที่กล้าแย่งศิษย์น้องจื่อชิงไปจากข้า มันเป็นใครกัน!!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด