บทที่ 15 หุ่นกระบอก
ท่ามกลางแดดจัดและดอกไม้บานสะพรั่ง
ยอดเขาหยินเจี้ยนปกคลุมไปด้วยความงามยามเช้าที่สมบูรณ์แบบ ด้วยท้องฟ้าสดใสและแอ่งน้ำริสุทธิ์ ธรรมชาติส่งกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงนกร้องอันไพเราะอย่างต่อเนื่อง
ชูเหลียง เดินออกมาจากบ้านไม้สภาพทรุดโทรมและเหยียดร่างอย่างเกียจคร้านเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
สองวันที่อาจารย์ของเขาไม่อยู่ เขากลายเป็นผู้รักษาการเจ้าแห่งยอดเขาเจี้ยนหยิน สิ่งนี้ทําให้เขามีความรู้สึกถึงอํานาจและความรับผิดชอบ แม้เมื่อตี้หนิวเฟิ่งกลับมา เขาก็ยังคงเป็นผู้ช่วยของปรมาจารย์แห่งยอดเขาอยู่ดี
หลังจากอาบแดดยามเช้าสักครู่เขาก็กลับไปที่ห้องและปิดประตูด้านหลังอย่างระมัดระวัง
เขายังต้องทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ
ขณะที่เขากลับจากเขาปราการใต้เมื่อคืนที่ผ่านมามันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว เขาได้แยกทางกับศิษย์ของยู่เจียนและกลับมาที่หยินเจี้ยน เมื่อกลับมาถึงยอดเขา ชูเหลียงก็หลับไปในทันที
ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาจะให้รางวัลตัวเองแล้ว
เขาปล่อยให้สติเขาจมลงไปในจิตสํานึกอีกครั้งและมาถึงเจดีย์ขาว ร่างทองที่มีศีรษะขนาดใหญ่ถูกคุมขังในกรงเหล็ก เหมือนเช่นเคย ชูเหลียงกดฝ่ามือบนคำว่าชำระล้าง
ครืนน..
แสงสีแดงเข้มส่องสว่าง
ชูเหลียงเหลือบไปเห็นแสงระยิบระยับที่ลอยอยู่และสนใจมันในทันที
[หุ่นกระบอก] : หุ่นกระบอกฝึกการไหลเวียนชี่[1] มันใช้ยาพลังชี่เพียงหนึ่งเม็ดในตอนกลางวันและสองเม็ดในตอนกลางคืนซึ่งสามารถฝึกฝนได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่วนความคืบหน้าทั้งหมดในการบ่มเพาะนั้นจะส่งต่อให้เจ้าของหุ่นโดยตรง โปรดทราบว่าหุ่นตัวนี้ควรใช้เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับการบ่มเพาะเพียงเท่านั้นและมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายหากใช้ไม่ถูกต้อง]
"หือ"
ชูเหลียงอุ้มตุ๊กตาหัวใหญ่สูง 3 ฟุตด้วยอาการตกใจ
มันมีรูปร่างคล้ายกับเซียวหน้าคน มันมีลำตัวที่เล็กและลักษณะเหมือนหยกขาว
ในตอนนี้อาจเป็นเพราะมันไม่มีสีหน้าแล้วก็เลยดูน่ารักขึ้น
แต่ความตื่นเต้นของชูเหลียงไม่ใช่เพราะความน่ารัก
มันเป็นเพราะ... หุ่นตัวนี้เป็นผู้ช่วยบ่มเพาะ มันจะทํางานอย่างไม่หยุดยั้ง วันแล้ววันเล่า ตลอดทั้งปี ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของมันจะส่งมาที่เขาโดยตรง นี่ไม่ได้หมายความว่าความเร็วในการฝึกฝนของเขาอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือ
ไม่สิ มันอาจเกินผลทวีคูณเสียด้วยซ้ำ
เส้นทางของการบ่มเพาะแบ่งออกเป็น 3 ด่าน แต่ละด่านประกอบด้วยสามระดับ ในด่านสุดท้าย ด่านสวรรค์ มุ่งเน้นการพัฒนาตนด้วยการตื่นรู้ แม้การตื่นรู้เพียงชั่วพริบตาก็สามารถนํามาซึ่งความก้าวหน้าที่เทียบเท่ากับการปฏิบัติตนมาหลายสิบปี จากด่านที่ 2 ด่านแห่งโลก ซึ่งด่านนี้เน้นการฝึกฝนบ่มเพาะโดยพึ่งทรัพยากรเป็นหลัก การบ่มเพาะด้วยตัวบุคคลเองเป็นบทบาทรอง ในทางกลับกัน ในด่านแรกที่เรียกว่า ด่านมนุษย์ การบ่มเพาะด้วยตัวเองนั้นมีความสำคัญมาก
ในระดับแรก ระดับการปรับแต่งร่างกายของด่านมนุษย์ มุ่งเน้นไปที่การออกกำลังฝึกฝนร่างกาย ในขณะที่ระดับที่สองระดับการบ่มเพาะชี่มุ่งเน้นไปที่การขยายตัวของตันเถียน [2] และทะเลแห่งชี่ [3] ในระดับที่สามซึ่งเป็นระดับสุดท้ายของด่านมนุษย์ ระดับการตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณ ในระดับนี้เน้นไปที่ความประณีตของประสาทสัมผัสของบุคคล ในระดับนี้ความก้าวหน้าของการฝึกฝนจะขึ้นอยู่กับการทําสมาธิการไตร่ตรองและการกระตุ้นการไหลเวียนของพลังงานซึ่งมักเรียกว่าการไหลเวียนชี่
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนมีเวลาในการบ่มเพาะที่จำกัด นอกจากสิ่งจําเป็นในชีวิตประจําวันเช่นการรับประทานอาหารและการพักผ่อนแล้ว คนคนหนึ่งสามารถใช้เวลาในการบ่มเพาะได้สูงสุดประมาณ 16 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ ผู้ฝึกตนไม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนชี่เพียงอย่างเดียวได้ พวกเขายังต้องการเวลาในการฝึกฝนทักษะอื่นๆ และในกรณีของนิกายฉูซาน พวกเขาต้องใช้เวลาในการทำภารกิจเพื่อหาสมบัติและยารวมถึงทำหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้บ่มเพาะที่สามารถรักษาการไหลเวียนของพลังงานและการบ่มเพาะเป็นเวลาแปดถึงสิบชั่วโมงได้ถือว่าขยันอย่างผิดปกติ สำหรับคนที่เดินทางบ่อยอย่างชูเหลียง การบ่มเพาะได้เพียงวันละสี่ถึงหกชั่วโมงก็ถือเป็นเรื่องปกติแล้ว
ต้องเน้นย้ำว่าต้องเป็นการใช้เวลาในการบ่มเพาะอย่างมีประสิทธิภาพเพราะหากทำอย่างหย่อนยานมันก็จะไม่ได้เพิ่มความก้าวหน้าในบ่มเพาะแต่อย่างใด
แต่ว่า
ด้วยหุ่นกระบอกตัวใหญ่ตัวนี้ ชูเหลียงก็จะได้ผลจากการฝึกฝนบ่มเพาะเพิ่มเข้าไปอีก 24 ชั่วโมง
นั่นหมายความว่าเขาจะฝึกได้เร็วขึ้น 4-5 เท่า!
นั่นหมายความว่าเขาจะสามารถใช้เวลาไปกับการล่าปีศาจให้มากขึ้นได้ หุ่นกระบอกตัวนี้เหมาะกับความต้องการของเขาในปัจจุบันอย่างมาก
เมื่อชูเหลียงนึกถึงตรงนี้เขาก็รอไม่ไหวแล้ว เขาเอาหุ่นหัวโตวางบนพื้นเขายืนอยู่หน้ามันและวางยาพลังชี่ให้กับหุ่นนี้
จากนั้นเขาก็เอามือวางบนหัวของมันและกระตุ้นการบ่มเพาะชี่
วิธีการบ่มเพาะของชูเหลียงเป็นวิธีการฝึกฝนดั้งเดิมของนิกายฉูซานที่เรียกว่า "การฝึกจิตเซียนล้ำลึกทั้งเก้า: ตำราแห่งการตื่นรู้ทางวิญญาณ"
วิธีการฝึกฝนของนิกายฉูซานเป็นที่รู้กันว่าขาดซึ่งเอกลักษณ์ แต่มันก็เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงและเสถียรอย่างมาก ตราบใดที่ศิษย์แห่งฉูซานฝึกฝนอย่างหนัก ความแข็งแกร่งโดยรวมมักจะเกินกว่าผู้อื่นที่อยู่ในระดับการบ่มเพาะที่เท่าเทียมกัน
เมื่อชูเหลียงใช้ทักษะการบ่มเพาะชี่ ร่างกายของหุ่นกระบอกหัวโตก็โปร่งใส เส้นสีขาวเคลื่อนไปตามเส้นทางสลับซับซ้อนระยิบระยับ
เมื่อชูเหลียงเสร็จสิ้นการไหลเวียนของชี่และเรียกฝ่ามือคืน ใบหน้าและร่างของหุ่นหัวโตก็กลายเป็นเขาอย่างน่าประหลาดใจ มันยังคงเปล่งประกายด้วยปราณของมันซึ่งเป็นสัญญาณว่ามันเข้าสู่สภาพการบ่มเพาะแล้ว
ชูเหลียงเข้าใจว่าหุ่นตัวนี้กลายเป็นภาพสะท้อนทั้งภายในและภายนอกของเขา
ค่าใช้จ่ายคือยาพลังชี่เพียงวันละ 3 เม็ด มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าสูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับผลที่จะได้จากการบ่มเพาะอย่างหนักตลอดทั้งวัน มันนับว่าเป็นการจ่ายที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง
ชูเหลียงตั้งใจว่าจะไม่ให้หุ่นหัวโตตัวนี้หยุดฝึกฝนเลย
อย่างไรก็ตาม น่าแปลกที่หุ่นหมุนเวียนชี่ตัวนี้ไม่มีปัญญาอะไรเลย มันเป็นเพียงแค่เครื่องบ่มเพาะ ไม่มีความรู้สึก มันกินยาพลังชี่ทั้งวันทั้งคืนแต่ก็ยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากมนุษย์
มันกินหนึ่งเม็ดในตอนกลางวัน และสองเม็ดในตอนกลางคืน
ชูเหลียงคิดสั้นๆ เขาหวังให้หุ่นหัวโตตัวนี้เป็นมนุษย์
หากเป็นเช่นนั้นเขาสามารถตั้งเป้าให้มันไปไม่ถึง เช่น ไปถึงระดับแกนทองคำภายใน 3 วัน และลงโทษมันที่ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายด้วยการหักยาพลังชี่ หากล้มเหลวก็จะต้องทำงานล่วงเวลาเป็นต้น
...
ชูเหลียงเลือกที่จะไม่นำหุ่นหัวโตออกมาและปล่อยให้มันทำงานในเจดีย์ขาว
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้ดูแปลกเกินไป มันไม่เหมาะสมกับการที่คนอื่นจะมองเห็น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจนำมาเก็บไว้ในเจดีย์ขาว
พื้นที่ของเจดีย์สีขาวนั้นแปลกและมหัศจรรย์มาก ชูเหลียงยังสำรวจได้ไม่เต็มที่ เขารู้เพียงว่าเจดีย์ขาวสามารถใช้เป็นที่เก็บเครื่องมือวิเศษได้ แต่เฉพาะสิ่งของที่เจดีย์ขาวมอบให้เท่านั้นที่สามารถเข้าออกเจดีย์ขาวได้
จากนั้นชูเหลียงก็ออกเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา
หลังจากเพื่อนร่วมคณะจากยอดเขายู่เจีนนเสร็จสิ้นภารกิจ พวกเขาคิดว่าชูเหลียงประสบความสูญเสียอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง เขาได้กำไรมากจนเขารู้สึกผิดพอสมควร
แม้ว่าเครื่องรางวิญญาณแมวจะมีค่ามาก แต่เขาก็ไม่ได้ใช้เงินแม้แต่แดงเดียว เขาได้รับยาแก้พิษร้อยดอก ที่สามารถรักษาพิษได้ร้อยชนิด และได้หุ่นกระบอกที่มีประโยชน์มาก นี่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลยว่ามันเป็นกำไรมหาศาลทีเดียว
นอกจากนั้นยังได้ค่าตอบแทนเป็นเหรียญกระบี่ 50 เหรียญ
โดยปกติ เขาจะได้รับเหรียญกระบี่ประมาณสิบเหรียญต่อภารกิจ ถ้าคนจากยู่เจียนไม่ได้มอบมันให้เขาเขาก็คงไม่ได้เหรียญกระบี่มามากเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ชูเหลียงมีเงินก้อนโตขนาดนี้
ตอนนี้ในฐานะคนที่เคยหมดตังค์มาก่อน จู่ๆ เขาก็รวยขึ้น เขารู้ว่าเขาต้องใช้เงินบ้างเสียแล้ว
เขาไปที่หอแปรธาตุก่อนและซื้อยาพลังชี่มาหนึ่งถุงซึ่งเพียงพอสําหรับหุ่นกระบอกหัวโตที่จะใช้ได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นเขาก็ไปที่หออาวุธ
หออาวุธดูแลสิ่งประดิษฐ์ที่น่าหลงใหลและกระบี่บินแห่งนิกายฉูซาน เมื่อชูเหลียงเข้าไปในห้องโถง เขาก็ตรงไปที่แผนกขายกระบี่ทันที
1. การไหลเวียนชี่ : พฤติกรรมการหมุนเวียนพลังงานในร่างกาย
2. ตันเถียน : หมายถึงศูนย์พลังงานในร่างกายที่ซึ่งชี่พื้นฐานจะถูกบ่มเพาะ จัดเก็บและหมุนเวียน มีตันเถียนหลักสามจุดในร่างกายของมนุษย์ได้แก่ ตันเถียนบน (หัว) , ตันเถียนกลาง (รอบหน้าอกหรือหัวใจ) และตันเถียนล่าง (บริเวณช่องท้องส่วนล่าง)
3. ทะเลแห่งชี่ : อยู่บริเวณช่องท้องส่วนล่างซึ่งถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของการจัดเก็บและการไหลเวียนของชี่