ตอนที่แล้วบทที่ 13 ไฟแห่งวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 พลังแห่งศรัทธา

บทที่ 14 แปลเปลี่ยนพลังวิญญาณ


ป้าวัวหน้าซีดที่กำลังเก็บมอสอยู่ เธอมีลูกถึงสามคน ทุกคนเป็นนักกินตัวยง กินจนแทบจะหมดเนื้อหมดตัว โชคดีที่พวกเขาเป็นคนหัววัว สามารถกินหญ้าได้ ถึงจนถึงขนาดต้องกินหญ้า ก็ไม่อดตาย

แต่ในโลกนี้ไม่มีแม้แต่หญ้า มีเพียงมอสที่มีกลิ่นเหม็นเน่า หากไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ ป้าวัวคงไม่เลือกกินของพวกนี้แน่ ถึงแม้พวกเขาจะกินของพวกนี้เข้าไปทั้งครอบครัวแต่ก็ยังซูบผอม หากกินไม่ระวังเป็นโรคทางลำไส้เข้าล่ะก็ ยุ่งแน่

ดังนั้น เมื่อมีคนโยนถุงอาหารมาตรงหน้าเธอ ถามว่าเชื่อใน 'ความไม่ตาย' ไหม ป้าวัวก็คุกเข่าลงทันที กอดถุงอาหารแน่นไม่ปล่อย พูดด้วยความตื่นเต้นว่า "เชื่อเจ้าข้า เชื่อ ข้าเชื่อใน 'ความไม่ตาย' จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น"

ทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ งั้นก้คุกเข่าเสียเถอะ

เขาพาป้าหน้าวัวมาที่หน้าแท่นบูชา "ศรัทธาแน่วแน่ ขอองค์ราชา ขอพระราชทานอาหาร"

ตุบตุบตุบ ป้าวัวกราบลงพื้นศีรษะกระทบพื้น จนดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่อิฐหน้าแท่นบูชาก็ยังสั่น เปลวไฟวิญญาณลุกโชนขึ้นฟ้า ผู้ที่หิวโหยมานาน เมื่ออยู่ต่อหน้าอาหาร ย่อมศรัทธายิ่งกว่าผู้เคารพศรัทธาคนใด

เมื่อกราบถึงครั้งที่สิบห้า เปลวไฟสีฟ้าอมเขียวก็ลอยออกมาจากตัวป้าวัว มุ่งสู่เปลวไฟวิญญาณ

ในขณะที่เปลวไฟสีฟ้าอมเขียวไหลเข้าสู่เปลวไฟวิญญาณ อังเกอร์กลับรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกว่าในขณะนั้น ระหว่างตัวเขา ป้าวัว เปลวไฟวิญญาณ และซอมบี้ตัวน้อย เชื่อมต่อกันเป็นร่างแห อันนี้คือเครือข่ายวิญญาณงั้นหรือ

"ใช่แล้ว เครือข่ายวิญญาณไง แต่เจ้าโกงข้านะ นี่มันการซื้อใจชัดๆ!" เนเกริสในร่างกิ้งก่าพูดด้วยความไม่พอใจ เขารออยู่นานแล้ว ไม่ได้ไปไหน กฎที่ว่าถามได้วันละหนึ่งคำถามถูกเขาปัดทิ้งไปนานแล้ว

อังเกอร์ชี้ไปที่ป้าวัวด้วยความงุนงง พูดว่า "ผู้ศรัทธา"

ไม่ใช่ว่าขอแค่ศรัทธาอย่างแรงกล้าก็พอหรอกเหรอ?

เนเกริสจุกจนแทบหายใจไม่ออก จริงอยู่ การแจกของเล็กๆน้อยๆ ตอนเผยแพร่ความเชื่อ สามารถให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าได้ แม้แต่เขาเองที่เป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ ยังเคยแจกเครื่องหมายต่างๆ เวลาเผยแพร่ความเชื่อ เช่น เหรียญรางวัลการแข่งขันความรู้อันดับหนึ่ง สอง สาม เป็นต้น

แต่อังเกอร์โยนถุงอาหารทั้งถุงให้แบบนี้ มันไม่ใช่แค่ของเล็กๆน้อยๆแล้ว ต่อให้ซื้อใจคนได้ชั่วคราว...

พอคิดถึงตรงนี้ เนเกริสก็พลันตระหนักได้ว่า อังเกอร์ดูเหมือนแค่ต้องการซื้อใจชั่วคราวเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เขาไม่มีแนวคิดหรือความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความเชื่อเลย

เขาแค่ทำตามคำแนะนำของเนเกริส เพื่อพิสูจน์สิ่งที่ไม่แน่ใจก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง

แบบนี้ก็ถือว่าพิสูจน์แล้วไม่ใช่เหรอ?

"ก็ได้ เจ้ามีเหตุผล เครือข่ายวิญญาณย้ายมาอยู่กับเจ้าจริงๆ แต่ปัญหาคือเจ้าไม่ใช่ราชา ก็ไม่มีฐานะเป็นเทพ แล้วนายไปขโมยเครือข่ายวิญญาณมาได้ยังไง?" เนเกริสคิดยังไงก็นึกไม่ออก

สิ่งที่เนเกริสยังไม่เข้าใจ อังเกอร์ยิ่งไม่คิดจะสนใจ พอให้อาหารกับป้าวัวแล้ว เขาก็อยากจะออกไปจากตรงนี้

"เฮ้ยๆๆ จะไปแล้วเหรอ? ไม่เสริมความแข็งแกร่งหน่อยเหรอ? ไม่พัฒนาอะไรต่อเหรอ? เสียของชะมัด" เนเกริสถามรัวๆ จุดเปลวไฟวิญญาณได้แล้ว สืบทอดเครือข่ายวิญญาณแล้ว ยังซื้อใจผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสได้สำเร็จด้วย จะเดินหันหลังให้แบบนี้เลยเหรอ?

น่าเสียดายที่ตัวเองถูกผนึก ไม่อย่างนั้นถ้ามีเงื่อนไขแบบอังเกอร์ เนเกริสคงอยากสร้างฐานะเป็นเทพอีกองค์เลยล่ะ

"อาหาร เอาออกมาไม่ได้" อังเกอร์พูด เขาเพิ่งรับคริสตัลวิญญาณจากฟิลินมาหนึ่งอัน สามารถย้ายถุงอาหารได้ห้าถุง ใช้ไปหนึ่งถุงแล้ว สี่ถุงที่เหลือจะพัฒนาอะไรต่อนี่ยากมาก

"มีศรัทธาแล้วยังกลัวไม่มีพลังงานวิญญาณอีกเหรอ? พอมีผู้นับถือศาสนาเยอะๆ รับรองคริสตัลวิญญาณของเจ้าใช้ไม่หมดหรอก" เนเกริสจูงใจ เขาไม่อยากปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ไปจริงๆ

"ใช้ไม่หมดเหรอ?" อังเกอร์เอียงศีรษะ ถามว่า "หนังสือทองแดง ต้องใช้เท่าไหร่?"

อังเกอร์หมายถึงการย้ายหนังสือทองแดงออกมา จะต้องใช้คริสตัลวิญญาณเท่าไหร่?

คำถามนี้ทำให้เนเกริสตกใจ "เจ้าจะใช้แผนนี้กับข้าด้วยเหรอ? ตอนนายมีพลังทางเทพเท่ากับข้า ก็น่าจะได้แหละ"

หนังสือทองแดง เป็นสมบัติวิเศษที่ใช้ผนึกเนเกริส ใครครอบครองมันก็เท่ากับครอบครองพลังของเทพเจ้าแห่งความรู้ ในโลกนี้ ผู้ที่สามารถควบคุมเทพได้ เรียกว่าผู้ควบคุมเทพ

ไอ้หนุ่มหัวกระดูกอย่างอังเกอร์ กลับมีความมุ่งมั่นใหญ่โตขนาดนี้เชียว?

แต่เนเกริสก็รู้ในไม่ช้า ว่าจริงๆแล้วอังเกอร์แค่หาอะไรสักอย่างมาเทียบเคียง และเขาเป็นแค่สิ่งหนึ่งที่ถูกใช้เปรียบเทียบเท่านั้น "พลังเทพของเจ้า เท่ากับคริสตัลวิญญาณกี่อัน?"

"..."

ด้วยแรงดึงดูดของคริสตัลวิญญาณ "เท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการ" อังเกอร์จึงตกลงตามคำแนะนำของเนเกริส ที่จะพัฒนาศาสนาต่อไป

วิธีก็ง่าย แค่ไปหาป้าวัว พูดตามที่เนเกริสสอน "ราชาผู้ไม่มีวันตายรับรู้ถึงหายนะ สั่งให้ข้าช่วยพวกเจ้า ศรัทธาผู้ไม่มีวันตาย พวกเจ้าจะอิ่มท้อง จงไปบอกลูกๆ สามี และญาติพี่น้องของเจ้าด้วย ผู้ศรัทธาอย่างแรงกล้า จะอิ่มท้อง"

อังเกอร์ให้ถุงอาหารทั้งถุง เนเกริสจึงลดลงเหลือแค่ให้กินอิ่มแค่

เสร็จแล้วเขายังบอกป้าวัวเป็นพิเศษว่า "ผู้ชี้นำผู้อื่น อาจกินได้มาก" หมายถึงพาคนมาได้จะแบ่งให้เพิ่ม

คำพูดอำพรางเหล่านี้ ทำให้ป้าวัวฟังแล้วหัวหมุน แต่กลับรู้สึกทรงพลังอย่างประหลาด

พอเข้าใจความหมายแล้ว ดวงตาป้าวัวก็ทอประกาย เบิกกว้างจนเกือบเท่าระฆังทองเหลือง

ลูกทั้งสามในบ้านเป็นตัวกินเก่งทั้งนั้น ปกติกินอิ่มบ้างหิวบ้าง ตอนนี้ศรัทธาในผู้ไม่มีวันตายก็จะได้กินอิ่ม?

เชื่อสิ ต้องเชื่อ ไม่เชื่อเหรอ? ไม่รู้ว่าป้าวัวจะหักขาพวกมันรึเปล่า

ไม่ต้องหักขาหรอก พอสามตัวน้อยลูกวัวได้ยินว่าจะได้กินอิ่ม ตาก็แดงก่ำ วิ่งพรวดพราดมาด้วยความเร็วของกระทิงป่า ตุบตุบตุบ กราบจนหัวสนั่นหวั่นไหว เปลวไฟวิญญาณถูกพวกมันปลุกจนลุกโชนขึ้นฟ้า สูงกว่าของป้าวัวเสียอีก

แน่นอน สำหรับเด็กวัยรุ่น ศรัทธาที่จะได้กินอิ่มนั้นแรงกล้ากว่า

แต่เนเกริสเริ่มรู้สึกเสียใจ เพราะเขาสัญญาว่าจะได้กินอิ่ม แต่ลืมไปว่าอีกฝ่ายเป็นวัว เอาละลูกวัวตัวหนึ่งกินอาหารไปหนึ่งถุงกว่าๆ คริสตัลวิญญาณหนึ่งอันแลกมาห้าถุง นอกจากถุงของป้าวัวแล้ว อีกสี่ถุงโดนลูกวัวสามตัวกินจนหมด

หนึ่งคริสตัลวิญญาณ ห้าถุงอาหาร ซื้อใจวัวสี่ตัวที่กินเก่งให้ศรัทธา ไม่รู้ว่าขาดทุนหรือกำไร น่าจะกำไรนะ วัวแต่ละตัวถวายเปลวไฟวิญญาณอย่างน้อยหนึ่งอัน เท่ากับปริมาณสี่คริสตัลวิญญาณ

แต่พลังงานเหล่านี้ ต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อนมาก ถึงจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานวิญญาณแล้วดึงออกมาได้

"เอาล่ะ เปลวไฟวิญญาณ เครือข่ายวิญญาณ ปล่อยให้มันหมุนเวียน ใช่ๆ พลังในเปลวไฟวิญญาณ ควบคุมมัน ให้มันไหลเข้าหาเจ้า เอาล่ะ ลองทำให้วิญญาณของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น รู้สึกอะไรมั้ย? มีความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นรึยัง?"

“ให้ตายเถอะ เจ้าเป็นโครงกระดูกจริงๆเหรอเนี่ย? ทำไมถึงชำนาญจัง เจ้าเคยฝึกมาก่อนรึเปล่า? นี่มันกระบวนการที่ซับซ้อนมาก ต่อให้เจ้ารู้ว่าต้องทำไง ก็ต้องฝึกเป็นเวลานานกว่าจะใช้ได้ ทำไมข้าพูดปุ๊บเจ้าก็ทำได้ปั๊บ? นายเป็นโครงกระดูกเทพีแห่งโชคดีรึไง?”เนเกริสพึมพำ

เมื่อกระบวนการที่เนเกริสคิดว่าซับซ้อน ถูกอังเกอร์ทำสำเร็จในครั้งเดียว พลังงานทั้งหมดในเปลวไฟวิญญาณก็ถูกสกัดออกมา

"ลม หมุนเวียน" อังเกอร์ชี้ที่เหนือศีรษะ กระบวนการซับซ้อนนี้ก็เหมือนตอนเขาเอื้อมมือออกไปในโพรงใต้ดิน นำทางกระแสลมเย็นยะเยือกจากสายลมแห่งชีวิตนั่นแหละ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด