ตอนที่ 14 จ่ายค่าตอบแทน
ตอนที่ 14 จ่ายค่าตอบแทน
“ข้าคิดว่าเสี่ยวอันจื่อดูร้อนตัวมากเลยนะ” หงเสายิ้มและพูดเบาๆ แต่ทันใดนั้นนางก็ถูกซูอันจ้องมองด้วยสายตาไม่พอใจ
ชิงหลิงที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าและแอบเห็นด้วยกับคำพูดของหงเสา
“ถ้าเช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าเป็นขุนนางตงฉินตามที่พูด” จักรพรรดินีไม่เถียงเขาและถามแทนว่า “เจ้าบอกแนวทางจัดการกับสองตระกูลนี้มาได้เลย”
“กระหม่อมเป็นขุนนางตงฉินจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” ซูอันยังคงยืนกราน
“พอแล้ว พอแล้ว เลิกพูดเล่นได้แล้ว” จักรพรรดินียกเท้าเตะที่ไหล่ของซูอันทำให้เกิดกลิ่นหอมตามสายลม
นานแล้วที่นางไม่ได้รังแกเสี่ยวอันจื่อ เฮ้อ รู้สึกคิดถึงเขาที่กำลังร้องไห้งอแงแล้วสิ แต่ในฐานะจักรพรรดินีจะต้องวางตัวสุขุมเยือกเย็น!
จักรพรรดินีเตือนตัวเองในใจ
“อะแฮ่ม” ซูอันเกือบจะลุกขึ้นยืน แต่เขายังรู้ตัวแล้วรีบนั่งลงด้วยความสงบ จากนั้นพูดด้วยความเคร่งขรึมว่า “ตระกูลจี้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ปลูกฝังมารและละเมิดกฎหมายของต้าซางขั้นร้ายแรง กระหม่อมแนะนำว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผู้ปลูกฝังมารควรถูกโยนเข้าคุกหลวงและรับโทษประหารชีวิต สำหรับคนตระกูลจี้ที่เหลือทั้งหมดจะถูกเนรเทศไปยังฮวงโจว และผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจี้ต้องถูกลดขั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“สำหรับตระกูลเสิ่น สมควรปล่อยตาเฒ่าเสิ่นฉางเฟิงกลับบ้านเกิดแล้วใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั่น คนผู้นี้แค่ถูกสะกิดนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำให้ตระกูลขุนนางอื่นตื่นตกใจได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นของกระหม่อมผู้ต่ำต้อย ทุกสิ่งยังขึ้นอยู่กับดำริศักดิ์สิทธิ์ของฝ่าบาท”
“ทำตามที่เจ้าบอกนั่นแหละ” ในฐานะจักรพรรดินี แม้จะไม่สนใจสิ่งใดเลย แต่นางยังต้องปราบปรามตระกูลขุนนางขั้นสูงเหล่านั้นเป็นครั้งคราว
หลังจากได้ข้อสรุปที่แน่ชัดแล้ว ซูอันจึงออกจากพระตำหนักไท่หยวน
ชิงหลิงเป็นผู้ส่งเขาออกไป
“หากจะฆ่าเยี่ยเสวียนครั้งต่อไปให้เรียกข้าด้วย ข้าจะช่วยเจ้า”
ชิงหลิงพูดประโยคนี้ขึ้นมาโดยกะทันหัน
หัวใจของซูอันเต้นแรง พี่ชิงหลิงน่าจะเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่หอเฉียนคุนซึ่งเขาไม่ได้เรียกใช้นาง
แต่ในเวลานั้นเป้าหมายหลักของเขาไม่ใช่เยี่ยเสวียนจริงๆ
แต่เขายังพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ครั้งต่อไปข้าจะเรียกหาพี่ชิงหลิง”
“ข้ายังอยากขอให้พี่ชิงหลิงมาปกป้องอยู่ข้างกายด้วย แต่น่าเสียดายที่ฝ่าบาทอาจไม่เห็นด้วย”
ซูอันกางมือออกแบบช่วยไม่ได้
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ข้างกาย’ ชิงหลิงพลันนึกถึงครั้งสุดท้ายที่นางรับบทเป็นสาวใช้ของซูอัน ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามของนางซึ่งไร้อารมณ์มาโดยตลอดก็เปลี่ยนเป็นสีแดงแบบควบคุมไม่ได้
“ข้าส่งแค่นี้นะ ไปก่อนล่ะ”
พูดจบนางก็หันหลังและจากไปด้วยความว่องไวซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังวิ่งหนี
“ฮึ พี่ชิงหลิงอายอีกแล้วสินะ” ซูอันพูดไล่หลังนางไป
ทันใดนั้นย่างก้าวของชิงหลิงก็เร็วขึ้น แสงสีแดงกระจายไปทั่วคอของนางและเพียงไม่กี่ก้าวนางก็หายวับไปจากสายตา
……
ขณะนี้หลี่จื่อซวงกำลังถูกขวางอยู่นอกประตูจวนอู่ซ่วนโหว
“ต้องขอโทษพี่สาวท่านนี้ด้วย แต่พี่ชายพูดไว้ก่อนออกไปว่าห้ามคนนอกเข้าจวนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา” เยี่ยหลีเอ๋อร์ทำตัวเป็นสาวน้อยที่เชื่อฟังคำสั่งมาก
“เป็นเจ้าเองหรือน้องหลีเอ๋อร์ เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ?”
ตระกูลหลี่และตระกูลเยี่ยเป็นสหายกันมาช้านาน แน่นอนว่าหลี่จื่อซวงก็รู้จักเยี่ยหลีเอ๋อร์
การที่นางเห็นเยี่ยหลีเอ๋อร์ยังอยู่ดีมีสุข ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมาก
เยี่ยหลีเอ๋อร์จ้องหน้าหลี่จื่อซวง จากนั้นจึงส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไม่รู้จัก”
นางสามารถตระหนักได้เองว่าเพราะนางไม่มีความทรงจำในอดีตเหลืออยู่แล้ว ทว่านางไม่สนใจ
“พี่ซูอันบอกว่าหากเขาไม่อนุญาตก็ห้ามคนนอกเดินเข้าจวน” เยี่ยหลีเอ๋อร์พูดด้วยความหนักแน่น
เมื่อหลี่จื่อซวงเห็นท่าทางเด็ดขาดของเยี่ยหลีเอ๋อร์ สีหน้าของนางจึงหม่นแสงลง
ตอนนี้นางสิ้นหวังมาก เพราะตระกูลเสิ่นค่อยๆ ถอนการสนับสนุนหลี่เต๋อเฉวียน จึงมีแนวโน้มมากๆ ว่าภายในเดือนหน้าหรืออาจจะพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ นางจะได้รับข่าวว่าบิดาถูกตัดสินให้เนรเทศหรือประหารชีวิต
“แล้วท่านโหวซูจะกลับมาเมื่อใด?” หลี่จื่อซวงถามอีกครั้ง
เยี่ยหลีเอ๋อร์ส่ายหน้าและตอบตามตรงว่า “ไม่รู้”
หลี่จื่อซวงทำได้เพียงหักห้ามหัวใจที่วิตกกังวลและพูดด้วยความแน่วแน่ “เช่นนั้นข้าจะรอท่านโหวซูอยู่ตรงนี้”
“ตามใจท่าน” เยี่ยหลีเอ๋อร์ปิดประตู ทันใดนั้นดวงตาที่ไร้เดียงสาของนางเปลี่ยนไปและนางแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา “อืม~ อยากมัดพี่สาวคนนี้ไว้ในห้องลับจริงๆ นะ”
“แต่พี่ชายสั่งไว้แล้วว่าห้ามให้คนนอกเข้ามา”
ทันใดนั้นนางก็เข้าใจสิ่งที่พี่ชายพูดว่า ‘ปล่อยให้ลูกศรบินต่อไปอีกหน่อย’
จนกระทั่งอาทิตย์ใกล้ตกดิน หลี่จื่อซวงซึ่งนั่งยองอยู่หน้าประตูมาครึ่งวันจึงรู้สึกว่าวันนี้นางอาจจะรอไม่ไหวและกำลังคิดว่าจะกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้
แต่ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา
“เฮ้ นี่คุณหนูหลี่ไม่ใช่หรือ?”
น้ำเสียงของซูอันดูเหลาะแหละและเป็นกันเอง
หลี่จื่อซวงเหมือนได้เห็นผู้ช่วยให้รอดชีวิตจึงลุกพรวดขึ้นมาและทักทายซูอันว่า “ท่านโหวซู ข้ามาวันนี้เพื่อ...”
“หยุด หยุด!” ซูอันรีบหยุดนางไว้ “หากเจ้าต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เจ้าจะต้องคำนวณค่าตอบแทนที่จ่ายไหวก่อน ถ้าไม่ได้คิดให้รอบคอบก็อย่าเสียเวลาเลย”
“เพราะข้ามีพร้อมทุกสิ่งแล้ว”
พูดจบแล้วซูอันก็เดินตรงเข้าไปในจวนโหว เขาไม่สนใจหลี่จื่อซวงที่ยังจมอยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้ง
เขากลับจากวังหลวงนานแล้ว แต่เขาแค่อยากจะถ่วงเวลาเพื่อขจัดความเย่อหยิ่งของนาง
ด้วยเรื่องราวของตระกูลจี้และตระกูลเสิ่นซึ่งเป็นตัวเอกตามบทประพันธ์ ในไม่ช้าคงจะมีคะแนนตัวร้ายเพิ่มขึ้นและซูอันรอคอยด้วยใจจดจ่อ
เขาดึงเยี่ยหลีเอ๋อร์ไปฝึกควบรวมอินหยางอีกรอบ
ในฐานะกายอินบริสุทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในร่างกายเตาหม้อชั้นยอดและให้ผลดีเยี่ยม แม้จะไม่มีผลกระทบแบบก้าวกระโดดเหมือนตอนควบรวมอินหยางครั้งแรก แต่มันยังคงผลักดันพลังวิญญาณของซูอันให้พัฒนาสู่ระดับจื่อฝู่ขั้นกลาง
วันต่อมา
เยี่ยหลีเอ๋อร์มีวันใหม่แสนสดใสก็ต้องตกใจเมื่อนางเปิดประตู
นางเห็นหลี่จื่อซวงยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนว่าหลี่จื่อซวงจะยืนอยู่นอกประตูตลอดทั้งคืน
“ข้าคิดดีแล้ว ข้ายินดีจ่าย”
เสียงที่เคยไพเราะและชัดเจนของหลี่จื่อซวงกลายเป็นเสียงแหบเล็กน้อย
คุณหนูหลี่ผู้สง่างามไม่เคยต้องลำบากใจขนาดนี้มาก่อน
เมื่อคืนนางคิดเรื่องนี้ตลอดทั้งคืนและต่อสู้กับมันทั้งคืนเช่นกัน
การถูกซูอันบีบบังคับจนแทบหายใจไม่ออกได้แสดงให้เห็นว่าหลี่จื่อซวงหมดปัญญามากเพียงใด
จ่ายค่าตอบแทน?
ตอนนี้นางสามารถจ่ายราคาเท่าไรถึงจะทำให้ซูอันพอใจ
ตระกูลหลี่เพิ่งจะเริ่มร่ำรวยในช่วงไม่กี่ปีนี้ เห็นได้ชัดว่ายากจะสร้างความประทับใจให้ซูอันด้วยของเล็กๆ น้อยๆ ที่จวน
ถ้านอกเหนือจากนั้นก็เหลือแค่ตัวนางแล้ว
มันเป็นเพียงการเสนอความบริสุทธิ์ของตัวเองให้อีกฝ่าย
นั่นเป็นเหตุผลที่นางต่อสู้กับความคิดตัวเองทั้งคืน
ความจริงซูอันได้หารือกับจักรพรรดินีถึงแผนการที่จะโจมตีตระกูลจี้แล้ว แม้ว่าหลี่จื่อซวงไม่มาขอร้องซูอัน สุดท้ายตระกูลจี้จะไม่สามารถทำร้ายหลี่เต๋อเฉวียนได้
น่าเสียดายที่นางไม่ทราบเรื่องเหล่านี้
“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเข้ามา” เยี่ยหลีเอ๋อร์ทำตามคำสั่งของซูอันและพาหลี่จื่อซวงเข้ามาในห้อง
ตอนนี้แม้ว่าหลี่จื่อซวงจะเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้ว นางยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
เมื่อไตร่ตรองดีแล้ว หากสุดท้ายเป็นซูอันก็ไม่ใช่ว่านางจะรับไม่ได้
เพราะรูปลักษณ์ของเขาหล่อเหลา ฐานะเป็นที่เคารพนับถือ พรสวรรค์ของเขาค่อนข้างดีและดูเหมือนว่านอกจากบุคลิกที่ดูไม่ใช่คนดีของเขาแล้วจะไม่มีข้อบกพร่องอื่นใด
หากเป็นสถานการณ์ปกติ บางทีนางอาจจะประทับใจกับเขาจริงๆ
แต่ครั้งนี้เป็นเพียงการทำธุรกิจจึงไม่ใช่ความรักที่หลี่จื่อซวงปรารถนา
“แค่ทำเหมือนถูกสุนัขกัดหนเดียว”
นางกำลังสะกดจิตตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องก็เปิดออก
มีเสียงฝีเท้าเดินมา
“พร้อมแล้วหรือ?”