ตอนที่ 119 ออร่าไร้สี นี่ข้าจุติพลังแล้วใช่ไหม (อ่านฟรี 17/12/2567)
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
“เป็นยังไงกันบ้าง ?” อันหลานที่เดินออกมาช้าที่สุดกล่าวถามเพื่อนของเธอทั้งสามคน
“ฉันได้ออร่าสีทอง เหยาเซียงก็เหมือนกัน แต่ว่า...” หลี่กงเหมินตอบกลับไปก่อนจะเว้นช่วงไว้นิดนึง
“แต่อะไรล่ะ ? อย่าบอกนะว่าได้พลังที่ไร้ประโยชน์น่ะ ?” อันหลานที่เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปจึงกล่าวถามด้วยความอยากรู้ ถึงแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เถอะ
“จะบ้ารึไง! จะรู้ว่าพลังมีประโยชน์ไหมก็ต้องไปห้องทดสอบก่อนเท่านั้นแหละ เธอก็รู้นี่” หลี่กงเหมินตอบกลับเพื่อนของเขาไปด้วยใบหน้าที่บอกว่าทำไมต้องถามคำถามที่รู้อยู่แล้วด้วย ?
“แล้วอะไรอ่ะ ? บอกฉันสักที!” อันหลานที่ขี้เกียจจะเถียงแล้ว เธอเลยเดินไปเขย่าแขนของชายร่างใหญ่ตรงหน้าจนอีกฝ่ายตัวสั่นไปหมด
“รู้แล้ว ๆ เลิกเขย่าสักที! ซางเว่ยได้ออร่าสีดำ!” หลี่กงเหมินยืนเชิดหน้ากอดอกอย่างภาคภูมิใจ เหมือนกับว่าเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องของตัวเองไม่มีผิด
“สีดำ! สุดยอดไปเลยนะเนี่ย!” อันหลานตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะได้รับออร่าสีดำแบบนี้
“ขนาดฉันกับเหยาเซียงยังได้แค่สีทองเอง” อันหลานกล่าวออกมาต่อด้วยความอิจฉา ถึงเธอจะรู้อยู่แล้วว่าซางเว่ยเป็นอัจฉริยะยิ่งกว่าเธอก็เถอะ แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเหนือกว่าขนาดนี้
ถ้าผู้จุติพลังออร่าสีทองมีจำนวนเพียงหนึ่งในร้อยของผู้ที่มีสิทธิจุติพลังแล้วล่ะก็ ออร่าสีดำก็น้อยยิ่งกว่าด้วยจำนวนแค่หนึ่งในพันเท่านั้นเอง
“ซางเว่ยนี่เป็นอัจฉริยะจริง ๆ เลยนะ นายต้องเป็นผู้นำในกลุ่มผู้จุติพลังรุ่นใหม่ได้แน่ ๆ” เหยาเซียงกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม เธอไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งมีผู้จุติพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร มนุษย์ก็ยิ่งปลอดภัยจากเหล่ามอนสเตอร์มากขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นกลุ่มพวกเธอยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีกด้วย
“แล้วคุณเย่ซีล่ะ ?” อันหลานมองรอบตัวก่อนจะกล่าวถามออกมา
“ยังไม่ออกมาจากในห้องเลย พวกเราก็เพิ่งจะออกมากันเมื่อสักครู่นี้เอง” ซางเว่ยตอบคำถามของอีกฝ่ายกลับไปก่อนจะชวนทุกคนไปนั่งรอที่ห้องด้านนอก
“พวกนายว่าเขาจะได้ออร่าสีอะไรอ่ะ ? ฉันว่าอย่างน้อย ๆ ต้องสีดำแน่นอน !” อันหลานที่หยิบขนมมานั่งกินเปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมา ความจริงเธอคิดว่าชายคนนั้นน่าจะได้ออร่าสีขาวเลยมากกว่า
“ฉันก็ว่าน่าจะได้สีดำอย่างน้อยเหมือนกันนะ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป บางทีเขาอาจจุติพลังไม่สำเร็จก็ได้” หลี่กงเหมินตอบกลับไปด้วยความไม่แน่ใจ
ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกอคติหรืออะไร แต่เป็นเพราะมันมีตัวอย่างให้เห็นเยอะเหมือนกันที่ผู้ซึ่งมีสิทธิจุติพลัง แต่พอจุติพลังแล้วดันไม่สามารถจุติพลังได้สำเร็จ
“นั่นสินะ ฉันหวังว่าคุณเย่ซีจะจุติพลังสำเร็จนะ” เหยาเซียงกล่าวออกมาเป็นเชิงเห็นด้วยกับหลี่กงเหมิน
...
ภายในห้องจุติพลังของเย่ซี
“ทำไมมันไม่สำเร็จสักทีวะเนี่ย!” ชายหนุ่มเพียงคนเดียวภายในห้องตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาพยายามอยู่นานนับชั่วโมงแต่ก็ยังจุติพลังไม่สำเร็จเสียที
[“ระบบ ทำไมข้าจุติพลังไม่สำเร็จ ? หรือข้าจะไม่มีพรสวรรค์ ?”] เย่ซีหมดหนทางจนกล่าวถามระบบออกมาอย่างไม่คาดหวัง เผื่อว่ามันจะมีคำตอบอะไรดี ๆ เสียบ้าง
[“เนื่องจากท่านไม่ใช่คนของโลกนี้ ถ้าท่านไม่จำลองการโคจรพลังแบบพวกเขาท่านก็ไม่สามารถเรียกพลังเวทย์จากก้อนคริสตัลออกมาได้ ลองมองดูให้ดีแล้วท่านจะพบหนทางเอง”] เสียงของระบบดังขึ้นทำให้เย่ซีนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดพลาดทั้งหมด!
ครึ่งหลัง
เพราะภาพโฮโลแกรมมันทำเพียงยืนถือก้อนคริสตัลสีรุ้งเอาไว้ เย่ซีเลยลองทำตามแต่มันก็ไม่เป็นผล พอเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มเลยลองโคจรพลังลมปราณทุกวิธีทาง แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากโลกใบนี้ไม่มีพลังปราณนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อได้คำแนะนำจากระบบจึงทำให้เขาตาสว่างขึ้นมา เย่ซีทำการเปิดใช้งานนัยน์ตามังกรเทพมายาของตน เขาพบว่ามันสามารถใช้งานได้ปกติ! ชายหนุ่มมองเห็นพลังงานบางอย่างที่อยู่ในก้อนคริสตัลสีรุ้งซึ่งถูกวางเอาไว้บนแท่นด้านหน้าของเขา
“มันเป็น...พลังงานบางอย่าง ข้ามองเห็นแล้วแต่จะต้องทำยังไงต่อกันแน่ ? ตามคู่มือแนะนำที่ให้ไว้บอกว่าให้ปล่อยพลังเวทย์ของตนใส่เข้าไปในก้อนคริสตัลสีรุ้งเพื่อกระตุ้นการทำงาน”
“แต่ข้าไม่มีพลังเวทย์ แถมพลังปราณก็ใช้ไม่ได้อีกด้วย” ชายหนุ่มเดินวนไปมาพลางวิเคราะห์ไปด้วย
“ไม่สิ! ระบบบอกว่า ‘เรียกพลังงานจากก้อนคริสตัลออกมา’ ไม่ใช่ปล่อยพลังเวทย์เข้าไป แสดงว่ามันอาจมีวิธีอื่นอยู่อีก!” เย่ซีนึกถึงคำพูดของระบบก่อนจะทำการเพ่งมองไปยังพลังบางอย่างที่อยู่ในก้อนคริสตัล แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่อาจทำอะไรต่อได้
“ตรวจสอบ!” ชายหนุ่มเรียกใช้ทักษะทันที เขาก็ลืมไปเลยว่าเขาอาจจะใช้ทักษะนี้ได้ เพราะมันไม่ได้ใช้ลมปราณในการเรียกใช้นั่นเอง
ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยลองใช้มันเลยก็เป็นเพราะทักษะอื่นเขาไม่อาจใช้ได้นั่นแหละ ทำให้เขาคิดไปเองว่าทุกทักษะก็คงใช้ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด
[เศษชิ้นส่วนมิติบราลัค
รายละเอียด : เป็นพลังงานที่ตกค้างแล้วคงสภาพอยู่ในรูปของแข็งของมิติบราลัค มันมีพลังงานที่ไม่อาจคาดเดาได้อยู่ภายใน เมื่อทำการกระตุ้นด้วยพลังใด ๆ มันจะสะท้อนกลับพลังงานส่วนหนึ่งให้เป็นสิ่งตอบแทนแบบสุ่ม]
‘ไม่น่าเชื่อ! แสดงว่าออร่าที่ผู้จุติได้รับก็เป็นแค่พลังงานส่วนหนึ่งของเศษชิ้นส่วนมิติเท่านั้นน่ะสิ! แถมไอ้เรื่องที่ว่ามีแต่ผู้ที่พร้อมจุติพลังเท่านั้นถึงใช้ได้ก็เป็นการโกหกทั้งเพ!’
‘ข้าสามารถหาก้อนคริสตัลเหล่านี้ได้จากไหนกันนะ ถ้านำกลับไปให้ฟิชและเยี่ยหลิงได้ทดลองใช้อาจจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากก็ได้’ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ในใจ เขากลัวว่าภายในห้องจะมีเครื่องดังฟังหรือกล้องอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นอาจจะมีปัญหาภายหลงได้ถ้าเขาหลุดปากออกไป
‘เดี๋ยวนะ! บนโลกใบนี้จำกัดความคำว่าพลังเวทย์เอาไว้ก็คือ พลังที่มีอยู่ทุกหนแห่งภาย เป็นพลังแห่งธรรมชาติ ขอแค่สัมผัสถึงมันได้เราก็สามารถชักนำพลังเวทย์เข้าสู่หัวใจเพื่อกักเก็บเอาไว้ได้’
‘มันค่อนข้างคล้ายคลึงกับพลังปราณเพียงแต่แตกต่างกันตรงที่พลังปราณนั้นคือพลังแห่งฟ้าดิน ทุกสรรพชีวิตมีลมปราณอยู่ภายในตน แต่จะใช้ออกได้ไหมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง รวมถึงพลังปราณถูกกักเก็บไว้ในตันเถียนเท่านั้น’
‘เช่นนั้น... ถ้าข้าชักนำพลังเวทย์ด้วยจิตแล้วดึงมันเข้าสู่หัวใจ ข้าอาจจะใช้พลังเวทย์ได้!’
เมื่อได้ข้อสรุปเย่ซีก็ทำการเปิดใช้นัยน์ตามังกรเทพมายาเพื่อมองทุกอย่างรอบตัวให้ละเอียดอีกครั้ง คราวนี้เมื่อเขาตั้งใจมองให้ดีก็พบว่าทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่ลอยวนเวียนอยู่ มันเป็นพลังที่มีแสงเฉพาะตัวสีฟ้าอ่อน ต่างจากลมปราณที่มีสีทอง
ชายหนุ่มทำการใช้จิตดึงพลังที่ลอยอยู่ตามอากาศเข้าสู่ร่างกายของตนเอง เขาชักนำพลังงานเหล่านั้นให้ไหลเข้าสู้ปลายนิ้วมือก่อนเพื่อเป็นการทดสอบ ถ้ามีอะไรผิดพลาดเขาจะตัดมือข้างนั้นทิ้งทันที!
แต่ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี พลังงานนั้นไหลผ่านนิ้วมือไปต่อที่ต้นแขนก่อนจะค่อย ๆ ไหลเวียนทั่วร่างกายแล้วมุ่งหน้าไปจบที่บริเวณหัวใจของเขา