ตอนที่ 50 การโกง
ตอนที่ 50 การโกง
เพียงแค่ชั่วพริบตา ระยะเวลาสามวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว บริเวณยอดเขาโอสถ ซูลั่วกำลังยืนอยู่หน้าถ้ำของตนเอง ขณะสายตากวาดส่องมองลงไปยังด้านล่างของภูเขา
ใจนางเกิดความรู้สึกผสมปนเป แม้ว่าวันก่อนจะมอบยาเสริมวิญญาณให้จี้เตี๋ยไปสองเม็ด กระนั้นกลับไม่ได้ช่วยทำให้นางมั่นใจในตัวอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด กระทั่งว่าไม่อยากให้เขามาด้วยซ้ำ
เซี่ยปินที่ยืนอยู่ไม่ไกลกำลังมองมาทางเด็กสาวที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายเขาจึงหัวเราะ “อย่ากังวลจนเกินไปเลยศิษย์น้องหญิงซู ข้าจะสั่งสอนมันแต่พอดี”
ซูลั่วเปรยสายตามองตอบอย่างเย็นชา สุดท้ายจึงเมินเฉย
“ศิษย์น้องหญิงซูคงไม่ได้คิดอะไรที่เหมือนกับการหลอกตัวเองอยู่กระมัง หากคิดว่ามันจะเอาชนะข้าได้นั้น ก็คงต้องบอกว่าไม่ต่างอะไรกับฝันกลางวัน! นอกจากนี้แล้วกรรมการยังเป็นผู้อาวุโสเถียน อย่างไรมันก็ต้องพ่ายแพ้” เซี่ยปินแค่นเสียงเย้ย
“กระนั้นหากให้ข้าคาดเดาต่อ มันคงไม่กล้ามาเข้าร่วมการแข่งขัน… ที่ข้าพูดไปทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ศิษย์น้องได้เห็นความจริง…”
“น่ารำคาญยิ่งนัก!” ซูลั่วตะโกนคำขึ้นมาขัด
พบเห็นซูลั่วไม่พอใจ เซี่ยปินจึงเพียงแค่ยิ้มรับโดยไม่กล่าวคำอื่นใดเพิ่ม เพียงแต่ภายในใจกำลังก่อเกิดความดำมืด
นางแพศยา! ตลอดมาทำเป็นเมินข้า! สักวันข้าจะทำให้เจ้า…
เพียงไม่ช้าจึงถึงช่วงกลางวัน ข่าวคราวที่ว่าจี้เตี๋ยกำลังจะแข่งขันปรุงยากับศิษย์ทางฝั่งเหนือ มันลุกลามออกไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ทั้งหมดก็เพราะเซี่ยปินเป็นคนตั้งใจป่าวประกาศให้เรื่องมันแพร่ไปทั้งฝั่งใต้
เพียงไม่ช้า เหล่าศิษย์เริ่มพูดคุยกันจนทุกหัวมุมของฝั่งใต้ต่างได้ทราบเรื่องราว
อย่างไรแล้วสองฝ่ายที่แข่งขันปรุงยาครั้งนี้ต่างก็มีชื่อเสียงกันทั้งคู่
หนึ่งคือศิษย์จากฝั่งเหนือ เพียงแค่ประเด็นนี้ก็มาพอเป็นจุดสนใจ
แม้ว่าจี้เตี๋ยจะไม่ใช่ศิษย์ของฝั่งเหนือ แต่เขาก็มีชื่อเสียงที่ยอดเขาสรรพสัตว์ไม่ใช่น้อย กระทั่งตอนนี้ยังมีคนพูดถึงเรื่องของเขากับเจียงโม่หลีอยู่บ้าง
เพียงแต่ไม่ว่าจะเรื่องทำให้ผู้อาวุโสต้องเสียหน้า หรือการเอาชนะศิษย์กลั่นลมปราณขั้นที่ห้าได้ในการโจมตีหนึ่งครั้ง ไม่ว่าเรื่องใดต่างก็เป็นวีรกรรมที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาพุ่งสูงจนไม่ด้อยไปกว่าศิษย์ฝั่งเหนือ!
แม้ว่าน้อยคนในยอดเขาโอสถจะรู้จักจี้เตี๋ย แต่ก็มีข่าวลือว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับซูลั่ว ด้วยเหตุนี้ความสนใจจากทุกทิศจึงยิ่งมุ่งมา
“คิดว่าการแข่งขันครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ?” ชายหนุ่มร่างผอมกลั่นลมปราณขั้นที่สามจากยอดเขาโอสถเอ่ยถาม เขากำลังคาดเดาว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นเช่นไร
“ไม่เห็นต้องพูดให้มากความ ชัยชนะก็ต้องเป็นของศิษย์พี่เซี่ยจากฝั่งเหนืออยู่แล้ว ต่อให้ไม่ใช่นักปรุงยาขั้นสูงระดับหนึ่ง แต่ชัยชนะแทบจะวางกองรออยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่ทราบด้วยซ้ำ ว่าจี้เตี๋ยอะไรนั่นปรุงยาเป็นหรือไม่” ศิษย์อีกคนที่สำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สี่เข้าร่วมการสนทนา และคำของเขาก็มีคนเห็นด้วยไม่ใช่น้อย
“หึ! ไอ้หนูนั่นคิดอยากแข่งขันปรุงยากับศิษย์จากฝั่งเหนือ แส่หาความอับอายมาสู่ตนโดยแท้!” ปัจจุบันข่าวคราวแพร่กระจายไปทั่วทั้งยอดเขาสรรพสัตว์ สิงจงที่พอทราบข่าวจึงเย้ยหยันออกหน้า กระทั่งว่าหากจี้เตี๋ยพ่ายแพ้จนอับอายจะรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำ
เจิ้งอี้ที่เป็นผู้อาวุโสยอดเขาสรรพสัตว์ ยามได้ทราบข่าวว่าจี้เตี๋ยจะแข่งขันปรุงยากับเซี่ยปินผู้เป็นศิษย์จากฝั่งเหนือก็ประหลาดใจไม่ใช่น้อย
“ไอ้เด็กนี่มันบ้าไปแล้วหรือไร? ถึงขั้นกล้าไปท้าผู้อื่นแข่งปรุงยา ด้วยช่วงเวลาไม่กี่เดือนนับตั้งแต่เข้าสำนักก็ฝึกตน แม้จะเก่งกาจแค่ไหนแต่จะมีเวลาใดไปฝึกปรุงยา? ต่อให้พอทราบหลักการอยู่บ้าง แต่จะเทียบเปรียบกับศิษย์จากฝั่งเหนือได้เช่นไร…” เขาส่ายศีรษะ ราวกับได้เห็นผลลัพธ์การแข่งขันแล้วก็ไม่ปาน
ผู้อื่นคิดเห็นเช่นไร หรือมีข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างไร จี้เตี๋ยหาได้สนใจไม่
และตลอดระยะเดินทางมาจนถึงยอดเขาโอสถ เขาได้ยินศิษย์มากมายเอ่ยคำชื่นชมเซี่ยปินไม่ขาดปาก
ไม่ช้าเด็กหนุ่มจึงปรากฏตัวในระยะสายตาของซูลั่วที่ยืนอยู่หน้าถ้ำ อีกฝ่ายกำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ทีละน้อย
“นึกว่าเจ้าจะหางจุกก้นไม่กล้ามาแล้วเสียอีก!” เซี่ยปินเริ่มข่มด้วยคำพูด “เอาเป็นว่าข้าให้โอกาสสักครั้งเป็นไร หากคุกเข่าและคืนของมา ภายหลังก็จงอยู่ให้ห่างจากศิษย์น้องหญิงซู แค่นี้เจ้าก็หลีกเลี่ยงเรื่องอับอายขายขี้หน้าได้แล้ว!”
“พูดถึงเรื่องการแข่งขันจะดีกว่า” จี้เตี๋ยพุ่งตรงเข้าประเด็น
“ก็ไม่มีอะไรมาก ผู้ใดปรุงยาที่ดีที่สุดในระยะเวลาที่สั้นที่สุดจะเป็นผู้ชนะ! ข้าได้เชิญผู้อาวุโสเถียนมาเป็นกรรมการให้เรียบร้อยแล้ว”
“เนื่องจากผู้อาวุโสเป็นนักปรุงยาขั้นสูงที่สามารถจำแนกคุณภาพของตัวยาได้ และยังจะได้ร่วมเป็นสักขีพยานถึงความพ่ายแพ้ของเจ้าอีกด้วย” เซี่ยปินยังคงปรามาสไม่เลิก เพียงแต่จี้เตี๋ยแสร้งทำเป็นหูหนวกไม่ได้ยิน
ผู้อาวุโสเถียนพยักหน้ารับ
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้ามีการเดิมพันกันด้วย เพียงแต่เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดกับข้า ขอถามว่าตอนนี้พร้อมสำหรับการแข่งขันหรือยัง?”
เขาพอสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างจี้เตี๋ยและซูลั่วที่น่าจะไม่ธรรมดา เพราะครั้งก่อนซูลั่วถึงขั้นออกหน้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้แก่เด็กหนุ่ม… เขาจึงจดจำเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
“พร้อมทุกเมื่อขอรับ”
ซูลั่วที่ได้รับฟัง เวลานี้จ้องมองมา ราวกับลังเลที่จะพูดกล่าวอะไรสักอย่าง
“ถ้าเช่นนั้นเริ่มการแข่งขันได้ พวกเจ้าทั้งสองจงเข้าไปในห้องหินเพื่อปรุงยาของตนเอง ระหว่างการแข่งขันห้ามผู้ใดเข้ารบกวน และเนื่องจากถ้ำของศิษย์สำนักซูนั้นทางสำนักเป็นผู้จัดเตรียม มันจึงมีความพร้อมที่จะตัดขาดจากภายนอกและพลังจิตได้!”
“ผู้ใดใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุดปรุงยาที่ประสิทธิภาพดีที่สุดได้จะเป็นผู้ชนะ” ผู้อาวุโสเถียนประกาศกฎการแข่งขันอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
จี้เตี๋ยไม่มีอะไรคัดค้านพร้อมเดินเข้าไปด้านในถ้ำ แต่ขณะกำลังจะเดินเข้าไปด้านในของห้องปรุงยา ตอนนี้เองที่ซูลั่วพลันขมวดคิ้วและชี้ไปยังห้องหินอีกห้องหนึ่ง
“เจ้าใช้ห้องทางด้านนั้น!”
“ขอรับ” จี้เตี๋ยหันไปมองพร้อมจดจำได้ ว่ามันเป็นห้องนอนของนาง ภายหลังลังเลชั่วครู่เขาจึงเดินเข้าไป
“ช้าก่อน!” ตอนนี้เองที่มีอีกเสียงหนึ่งเรียกหยุดเอาไว้
“มีเรื่องราวใด?” จี้เตี๋ยหยุดเท้าและหันมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาทราบดีว่าอีกฝ่ายคงไม่เรียกหยุดเพราะคิดยอมรับความพ่ายแพ้
“เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีใครโกงโดยใช้ยาที่มีการปรุงไว้อยู่ก่อนแล้ว ข้าขอเสนอให้นำเพียงแค่หม้อปรุงยาและสมุนไพรวิญญาณเข้าไปด้านในห้องหิน ส่วนถุงมิตินั้นขอให้ฝากเอาไว้ด้านนอก”
คำว่า ‘มีใครโกง’ ของอีกฝ่าย มันหมายถึงจี้เตี๋ยอย่างไม่ต้องสงสัย
“ศิษย์พี่หญิงซู ไม่เป็นไร…”
พบเห็นสีหน้าบึ้งตึงของซูลั่ว จี้เตี๋ยหันไปยิ้มให้เป็นการตอบรับ ตอนนี้เองที่เขาเรียกหม้อปรุงยาออกมาจากถุงมิติ รวมถึงสมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นต้องใช้งาน
“หญ้าเซียนวิญญาณ ดอกบัวอัคคีสีชาด บุปผาเหมันต์ทมิฬ เถาวัลย์ราชันพฤกษา… ทั้งหมดนี้เป็นสมุนไพรวิญญาณสำหรับใช้ปรุงยาฟื้นฟู…” ผู้อาวุโสเถียนเริ่มพิจารณาสมุนไพรวิญญาณก่อนจะพยักหน้ารับ
พวกมันเป็นสมุนไพรวิญญาณพื้นฐาน ที่ใช้เพื่อปรุงเป็นยาฟื้นฟู
และยังเป็นยาขั้นกลางระดับหนึ่ง ที่สามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณระดับกลางสามารถฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บได้เร็วขึ้น
ขณะที่เขากำลังจะหันไปนั้นเอง ตอนนี้กลับได้พบเห็นอะไรบางอย่างจนต้องหันศีรษะและจ้องมองอย่างแข็งทื่อ
“ไม่สิ หญ้าเซียนวิญญาณกับดอกบัวอัคคีสีชาดพวกนี้เหมือนจะ…”
ขณะพิจารณามองให้ดี เขาจึงได้พบว่าสมุนไพรวิญญาณที่จี้เตี๋ยนำออกมามีคุณภาพสูงล้ำ อย่างที่สมุนไพรวิญญาณแบบเดียวกันตามปกติแล้วไม่อาจเทียบ!
ยกตัวอย่างเช่นใบของหญ้าเซียนวิญญาณที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว มันน่าจะมีอายุเกือบสองร้อยปี…
ส่วนดอกบัวอัคคีสีชาด กลีบของดอกบัวถึงขั้นปรากฏจำนวนหกกลีบ… ในกรณีของดอกบัวอัคคีสีชาดตามปกติแล้วจะเติบโตจนมีเพียงแค่ห้ากลีบ ส่วนหกกลีบนั้นแทบเป็นอะไรที่ไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นมาก่อน
ขณะที่บุปผาเหมันต์ทมิฬและเถาวัลย์ราชันพฤกษาก็มีสภาพคล้ายคลึงกัน…
กล่าวคือสมุนไพรวิญญาณที่จี้เตี๋ยนำออกมาล้วนแล้วแต่เป็นของหายาก! สรรพคุณที่ได้จากการปรุงยาด้วยพวกมันจะเป็นอะไรที่ยาชนิดเดียวกันไม่อาจเทียบเปรียบ! มันแทบจะเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นที่เป็นหลักประกันถึงชัยชนะก่อนการปรุงยา!
“บัดซบ!” เซี่ยปินเองก็พบเห็นสมุนไพรวิญญาณที่จี้เตี๋ยนำออกมาเช่นกัน
เดิมนั้นเขามีความมั่นใจในการแข่งขันครั้งนี้ล้นพ้น จนไม่เก็บเอาเรื่องการแข่งขันมาใส่ใจเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าจะแง่ฝีมือการปรุงยาหรือการจัดหาทรัพยากร เขาก้าวหน้ากว่าจี้เตี๋ยตั้งไม่รู้กี่เท่า
แต่พอได้เห็นจี้เตี๋ยนำเอาสมุนไพรวิญญาณคุณภาพเลิศล้ำมากมายออกมา ความมั่นใจที่เคยมีของเขามันแทบจะเลือนหาย!
“ศิษย์น้องหญิงซูทุ่มเทช่วยมันเกินไปแล้ว! ถึงขั้นรวบรวมสมุนไพรวิญญาณหายากระดับนี้มา! นี่มันไม่ต่างจากการโกง! ไอ้หนู เจ้าไม่อาจใช้สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ปรุงยาในการแข่งขันที่ยุติธรรมได้!”