ตอนที่แล้วตอนที่ 48 กล้าแข่งปรุงยากับข้าหรือไม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 การโกง

ตอนที่ 49 นักปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่ง


ตอนที่ 49 นักปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่ง

ยาที่เพิ่งปรุงสดใหม่ ขณะถืออยู่ในฝ่ามือก็ยังคงรับรู้ได้ถึงคลื่นความร้อนอ่อนจาง

จี้เตี๋ยเก็บยาทั้งสามเม็ดลงไป ขณะที่อีกเม็ดหนึ่งนั้นใช้กินเองเพื่อทดสอบ จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เขาจึงลืมตาตื่นขึ้นด้วยความตื่นเต้น

มันเหมือนยาทุ่งสมุทรที่มีขายทั่วไป และสามารถใช้เร่งความเร็วการฝึกฝนได้ดี!

เขาทำได้สำเร็จแล้ว!

ความสามารถปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่งสำเร็จได้ มันคือข้อพิสูจน์ว่าตัวเขาได้เป็นนักปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่งแล้ว!

มันคือความตื่นเต้นยินดีที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานาน เพราะก่อนจะประสบความสำเร็จขั้นนี้ เขาต้องตั้งความหวังและร้อนรนไปไม่ใช่น้อย และภายหลังประสบความสำเร็จ ความรู้สึกยินดีที่บากบั่นจนได้มามันเป็นเช่นนี้!

เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นเพื่อพักผ่อนอยู่ชั่วระยะ ขณะเดียวกันก็ปรับสภาพร่างกายให้พร้อม สุดท้ายจึงลืมตาตื่นขึ้นและนำเอาสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ปรุงยาทุ่งสมุทรออกมาอีกชุดหนึ่ง

เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้คิดเร่งร้อนปรุงยา แต่เลือกที่จะนำสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดใส่ลงหม้อทองแดงเพื่อยกระดับพวกมันเสียก่อน

ถัดจากนั้นเขาจึงค่อยเรียกหม้อปรุงยาออกมาเริ่มดำเนินการ

อัคคีเพลิงจากนาคาอัคคีลุกโชนและเผาไหม้อย่างรุนแรง อุณหภูมิภายในถ้ำเริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง

สมุนไพรวิญญาณเริ่มถูกนำใส่ลงหม้อปรุงยา คัดแยกนำเอาความไม่บริสุทธิ์ออกมากำจัดและดำเนินไปตามขั้นการปรุงยาอย่างถี่ถ้วน เพราะแม้เคยปรุงสำเร็จแล้วครั้งหนึ่ง มันก็ไม่อาจใช่เหตุผลทำให้สามารถผ่อนคลาย

ครึ่งชั่วโมงผ่านพ้นอย่างเงียบงัน ภายในถ้ำจึงฟุ้งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร

จี้เตี๋ยที่เปิดประสาทรับรู้อยู่โดยตลอด สายตากำลังจ้องมองยังหม้อปรุงยาตรงหน้า ยามเมื่อยาทรงกลมทั้งสี่เม็ดปรากฏภายในหม้อ มันสาดส่องประกายแสงอันต้องตายิ่งกว่าอัคคีเพลิงที่ลุกโชน เด็กหนุ่มเร่งร้อนดับอัคคีเพลิง ร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลุกขึ้นขณะยกมือขึ้นไปตบลงที่ฝาหม้อปรุงยา

เสียงดังเกิดขึ้น ฝาหม้อคล้ายถูกกระทบอย่างรุนแรงจนขยับไปด้านข้าง สุดท้ายเม็ดยาทรงกลมทั้งสี่จึงลอยออกมา จนสุดท้ายถูกหย่อนลงบนฝ่ามือของจี้เตี๋ย และผลลัพธ์การปรุงยาครั้งนี้ มันปรากฏว่าสีสันบนพื้นผิวของเม็ดยากระจ่างและสว่างไสวยิ่งกว่าที่เคยเป็น

และทันทีที่เม็ดยาปรากฏออกมาจากหม้อ ทั้งถ้ำจึงอบอวลด้วยกลิ่นหอมของพืชสมุนไพรอันเด่นชัด!

และก็เหมือนดังก่อนหน้า จี้เตี๋ยเก็บสามเม็ดใส่ถุงมิติ อีกเม็ดหนึ่งใช้กินเอง ภายหลังเวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เขาจึงลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกราวกับตื่นเต้น

“เป็นอย่างที่คิด สรรพคุณของตัวยาที่ปรุงขึ้นจากสมุนไพรวิญญาณที่ถูกยกระดับแล้ว มันไกลห่างเกินกว่ายาปกติจนไม่อาจเทียบ ยาทุ่งสมุทรเม็ดนี้ได้ผลลัพธ์มากกว่าครึ่งหนึ่งจากยาชุดเดิมที่เราทำ!”

หากซูลั่วทราบคงต้องตื่นตะลึง เพราะแม้นางที่เป็นนักปรุงยาขั้นสูงก็ยังไม่อาจปรุงยาทุ่งสมุทรที่มีสรรพคุณอันยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ออกมาได้!

หัวใจของจี้เตี๋ยเต้นแรงประหนึ่งเสียงก้อนหินกลิ้งร่วงหล่น ครั้งนี้ที่เขากล้ารับปากเซี่ยปิน ก็เพราะว่ามีหม้อทองแดงอยู่!

อย่างไรแล้วพอถึงเวลาแข่งขันปรุงยาจริง สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ที่ว่าใครปรุงยาที่มีสรรพคุณดีเยี่ยมยิ่งกว่าออกมาได้!

อีกฝ่ายเรียนรู้การปรุงยามาก่อน ด้วยสถานการณ์ปกติแล้วต่อให้เขาสำเร็จเป็นนักปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่ง ผลลัพธ์การแข่งก็ถือเป็นเรื่องคาดเดาได้ไม่ยาก

เพียงแต่ที่เขามีความมั่นใจก็เพราะสามารถยกระดับคุณสมบัติของสมุนไพรวิญญาณ ถึงเวลาจะยิ่งทำให้ยาที่ปรุงขึ้นมีฤทธิ์ที่แรงมากขึ้นโดยหลีกเลี่ยงข้อสงสัยได้

แม้ว่าฟังดูไปแล้วเหมือนโกงการแข่งขัน แต่แล้วผู้ใดบ้างสนใจ เพราะขอเพียงแค่ชนะก็ถือว่าเพียงพอแล้ว จี้เตี๋ยไม่มีความจำเป็นต้องรู้สึกผิดแต่อย่างใด และภายหลังพักผ่อนสักระยะ เขาจึงเริ่มทำการปรุงยาต่อ

เนื่องจากเพิ่งได้เป็นนักปรุงยาขั้นกลางระดับที่หนึ่ง การปรุงยาขั้นกลางระดับที่หนึ่งจึงยังมีความเสี่ยงจะล้มเหลว และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มันเกิดขึ้น เขาจำเป็นต้องฝึกซ้อมให้มากขึ้น

หากไม่แล้วเกิดปรุงยาล้มเหลวระหว่างการแข่งขัน ถึงตอนนั้นคิดร้องไห้ก็สายเกินไป…

.....

แม่น้ำสายยาวที่ลากผ่านจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออก มันคือเส้นแบ่งสำนักเจ็ดลึกล้ำออกเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ กระแสน้ำจากยอดเขาทางฝั่งใต้ก่อให้เกิดเป็นแม่น้ำ สายน้ำไร้สิ้นสุดไหลบ่า จนสุดท้ายนำไปสู่มหาสมุทรอันยิ่งใหญ่

ปัจจุบันที่พื้นผิวเหนือแม่น้ำ เพราะเป็นช่วงวสันตฤดูที่เริ่มอุ่น ปูแม่น้ำจึงกระโดดพรวดออกมาจากแม่น้ำให้พบเห็น และตอนนี้เองเหยี่ยวผู้หิวโหยมายาวนาน ได้บินโฉบลงจากฟากฟ้าเพื่อมาล่าเหยื่อหาอาหาร

ภาพฉากเหล่านี้ไม่มีใครได้พบเห็น และเพียงแค่ชั่วพริบตา ระยะเวลาสามวันได้ผ่านพ้น จี้เตี๋ยใช้เวลาทั้งหมดขลุกตัวอยู่ในถ้ำตลอดสองวันไม่เคยออกไปไหน

ระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาขอให้อู๋ฮั่นคอยวิ่งไปจัดแจงซื้อสมุนไพรวิญญาณมากมายหลากหลาย ทั้งหมดคือวัตถุดิบสำหรับใช้ปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่งที่ต่างชนิดกัน

ยาทุ่งสมุทรที่เขาปรุงขึ้นมาก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงแค่ยาขั้นกลางระดับหนึ่งที่ปรุงได้ไม่ยาก

แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในด้านการปรุงยาจนก้าวหน้า แต่คำชี้แนะและคำสอนของซูลั่วคือเครื่องบอกทาง เขาจะไม่ปรุงยาเดิมซ้ำเป็นเวลานาน เพราะหากไม่แล้วจะขาดแคลนประสบการณ์ในการปรุงยาตัวอื่น

และหากว่าเกิดความล้มเหลว มันถือเป็นเรื่องเข้าใจได้ เป็นเหตุให้สองวันที่ผ่านพ้นต้องเสียสมุนไพรวิญญาณไปไม่ใช่น้อย

เพียงแค่ชั่วพริบตา ระยะเวลาที่เหลือหนึ่งวันก่อนกำหนดที่ตกลงเอาไว้ก็หมดลง จี้เตี๋ยจึงออกจากถ้ำมาผ่อนคลายยืดเส้น

สองวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาปรุงยาไปไม่น้อย ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้าอยู่พอสมควร

การฝึกฝนจำเป็นต้องมีสมดุลระหว่างความตึงเครียดและความผ่อนคลาย ไม่ว่าจะการฝึกตนหรือการปรุงยาล้วนจำเป็นต้องยึดหลักการเดียวกันนี้

เด็กหนุ่มที่ออกมาจากถ้ำเพื่อผ่อนคลายและหย่อนใจ เขาเริ่มปรับสภาพอารมณ์จนกลับคืนสู่ความมั่นคงเช่นที่เคยเป็น ขณะสายตาหันมองไปยังโรงนาที่ตนเองเคยแวะเวียนไปทุกวัน เวลานี้จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป

เนื่องจากปัจจุบันนาคาวารีทมิฬถูกเจียงโม่หลีพาไปด้วยแล้ว เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องดูแลมันอีก สุดท้ายจึงแค่ยืนอยู่หน้าคอกและนิ่งอยู่เช่นนั้นสักพักหนึ่ง

ระยะเวลาสองเดือนกว่าที่ไม่ได้พบเจอเจียงโม่หลีเลย มันทำให้เขานึกสงสัยว่านางไปได้ดีที่ฝั่งเหนือหรือไม่

จี้เตี๋ยส่ายศีรษะขณะพยายามปลดเปลื้องความเหนื่อยล้า สุดท้ายเขาจึงออกจากโรงนาเพื่อเตรียมกลับไปยังถ้ำและฝึกซ้อมการปรุงยาต่อ แต่กระนั้นตอนนี้เองที่ได้พบเห็นร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าถ้ำ

อีกฝ่ายเป็นเด็กสาว สวมใส่ชุดกระโปรงสีครามอ่อนและรองเท้าผ้าปักสีขาว ใบหน้าที่กลมทว่างดงามนั้นเปรียบเสมือนเด็กน้อยน่าหยิกแก้มคนหนึ่ง

สองมือของนางไพล่หลังขณะสายตาสำรวจมองรอบด้านราวกับซุกซน เพียงแต่หากมองให้ดีจะพบเห็นว่านางคือผู้มากด้วยสติปัญญา

“ศิษย์พี่หญิงซู…” จี้เตี๋ยเดินเข้าไปใกล้ และความเหนื่อยล้าที่เคยปรากฏบนใบหน้า ยามนี้เลือนหายไปได้มากแล้ว

“เจ้าไปไหนมา? ช่างเถอะ เอ้านี่ รับเอาไว้” ขณะเด็กสาวพบเห็นเด็กหนุ่ม นางเกิดรู้สึกโล่งอกก่อนจะเชิดคางกลมสูงขึ้น สุดท้ายจึงยื่นมือน้อยที่ซุกซ่อนไว้ด้านหลังและโยนสิ่งของให้ประหนึ่งทำทาน

“ศิษย์พี่หญิงซู…” จี้เตี๋ยมองขวดน้อยในมือพลางแสดงความสงสัยและลังเลออกมา

จากพลังจิตของเขาจึงทำได้ตระหนักได้ว่าด้านในคืออะไร มันคือยาเสริมวิญญาณที่เหลือมาจากวันนั้น

“ยาเสริมวิญญาณสองเม็ดแรกถึงจะได้สรรพคุณสูงสุด เพียงแต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเพิ่ม พลังจิตรับรู้ของเจ้าที่แข็งแกร่งมากขึ้น คือโอกาสประสบความสำเร็จในการปรุงยาที่มากขึ้นเช่นกัน…” เด็กสาวเดิมคิดอยากรอจี้เตี๋ยมาร้องขอ แต่สุดท้ายกลับใจอ่อนและร้อนรนจนต้องมามอบให้ด้วยตนเองเช่นนี้

เพราะผู้ใดกันคาดคิด ว่าสองวันที่ผ่านมาจี้เตี๋ยไม่เคยแวะมาเสนอหน้าให้พบเห็น จนนางต้องเป็นฝ่ายมาพบด้วยตนเองเช่นนี้

“ศิษย์พี่หญิงซู… มาที่นี่เพื่อมอบให้แก่ข้าหรือขอรับ?” จี้เตี๋ยมองเด็กสาวตรงหน้าที่สูงราวครึ่งศีรษะของตนเอง ในใจของเขาพลันบังเกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด

เนื่องจากสูญเสียพ่อและแม่ตั้งแต่ยังเด็ก บุคคลที่ช่วยดูแลเขาในหมู่บ้านก็มีแค่ผิงผิง ภายหลังมาเยือนสำนักเจ็ดลึกล้ำ นางถือเป็นคนแรกที่มอบความห่วงหาเช่นนี้ให้

ซูลั่วแค่นเสียงขึ้นจมูกก่อนจะเชิดคางขึ้น “อย่าคิดอะไรให้มากความ ข้าเป็นคนสอนวิชาแก่เจ้า หากพ่ายแพ้ก็เท่ากับทำข้าเสียหน้า”

“ขอบพระคุณศิษย์พี่หญิงซูขอรับ… ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องอับอาย แม้ว่าการได้เป็นนักปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่งจะไม่ได้มีอะไรน่าโอ้อวดก็ตามขอรับ” จี้เตี๋ยมองร่างแก้มยุ้ยตรงหน้า ขณะในใจแทบไม่อาจหักห้ามความอยากเข้าไปหยิก

โชคดีที่เด็กสาวไม่ได้ทราบความคิดกระทำเรื่องราวอันเป็นการไม่ให้เกียรติ

“เจ้ามีช่วงเวลาได้ฝึกปรุงยาน้อยนิด ต่อให้ฝืนปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่งได้ก็เถอะ… เฮ้อ! อย่าลืมว่าเซี่ยปินใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ปรุงยามามากกว่า เจ้าไม่ควร…”

เด็กสาวเกิดนึกถึงเนื้อความที่เด็กหนุ่มพูดคุยกับเซี่ยปินเมื่อวันนั้นที่กล่าวว่า ‘หากพ่ายแพ้ ก็ต้องตีตัวออกหากจากนางและไม่อนุญาตให้พบเจอ’

บรรยากาศกลับกลายเป็นเงียบงัน และเพราะนางไม่คิดพูดอะไรที่จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของผู้เข้าแข่งขัน ขณะนี้จึงหันศีรษะหลบหน้าและทอดสายตามองออกไปไกล

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด