8

มองดูร่างของหลินเฟิงที่จากไป ดวงตาของซุนหลี่เต็มไปด้วยความตกใจที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้

ใช้เวลาเพียง 4 วันในการฝึกฝนทักษะหมิงจิงให้ถึงขีดสุด แม้แต่ปรมาจารย์ในตำนานต่างๆ ก็ยังไม่เก่งกาจขนาดนี้

เขาฝึกฝนมาทั้งชีวิต ก็แค่ระดับหมิงจิงเท่านั้น และเห็นได้ชัดว่าจุดสูงสุดของหลินเฟิงนั้นสูงกว่านี้มาก แต่เขาก็ไม่สามารถสอนได้อีกแล้ว

การเรียนรู้ของหลินเฟิงกับเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว

สำหรับซุนหลี่ นี่ก็เป็นความรู้สึกพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นกัน

สิ่งเดียวที่ถือว่าเป็นการปลอบใจก็คือหลินเฟิงโอนเงินที่เหลือมาให้ด้วยความเต็มใจ ได้เงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์ในสี่วัน ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินก้อนเล็กๆ

เดิมทีเขาคิดว่าหลินเฟิงเป็นแค่ลูกคนรวยธรรมดาๆ และตั้งใจจะสอนแค่พื้นฐานเท่านั้น ใครจะรู้ว่าความคืบหน้าของหลินเฟิงจะเร็วมาก ความกระหายในการเรียนรู้ก็แรงกล้ามาก ซุนหลี่เองก็ค่อยๆ เข้าสู่สภาวะ และเกิดความรักในตัวลูกศิษย์ จึงถ่ายทอดทุกสิ่งที่เขารู้ให้กับหลินเฟิง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็สอนได้เพียงสี่วันก็ไม่มีอะไรจะสอนแล้ว

เนื่องจากหมิงจิงนั้นลึกลับ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นเพียงเทคนิคการใช้พลังเท่านั้น สำหรับสภาพร่างกายที่ถึงจุดสูงสุดของมนุษย์และพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่ได้รับการเสริมอย่างยิ่งใหญ่ หลินเฟิงจึงละเว้นขั้นตอนที่ต้องฝึกฝนร่างกายและเพิ่มพลังกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง เขาแค่เรียนรู้พื้นฐานและเทคนิคการใช้พลังขั้นสูงในภายหลังเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย

ในตอนแรก ซุนหลี่ก็ยังสามารถเป็นคู่ซ้อมให้กับหลินเฟิงได้ ในช่วงนั้น หลินเฟิงมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่ไม่มีทักษะเพียงพอ ซุนหลี่จึงยังสามารถใช้การฝึกฝนปาจี๋ฉวนของเขาเพื่อต่อสู้ได้สองสามท่า

หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลินเฟิงก็เรียนรู้จนหมดสิ้น และยังเก่งกว่าเดิม ซุนหลี่ก็ไม่กล้าต่อสู้กับเขาอีกแล้ว

พลังหมัดของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมาก และเทคนิคก็เก่งกาจมาก เขาสามารถฆ่าเขาได้ในทันที

ต่างจากซุนหลี่ หลินเฟิงกลับไม่มีความรู้สึกอะไรมากนัก สำหรับเขา นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา ภายใต้การพัฒนาของเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ ก็ไม่ยากที่จะเรียนรู้

เรียนรู้แล้วก็จะเข้าใจในทันที เข้าใจแล้วก็จะเชี่ยวชาญในทันที!

นี่คือสถานะของหลินเฟิงในตอนนี้!

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้หยิ่งผยอง เขารู้ดีว่าเทคนิคการใช้พลังนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อเผชิญกับคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอย่างมาก เว้นแต่ว่าคุณจะมีรัศมีของตัวเอกอย่างกัปตันอเมริกา มิฉะนั้น ในอนาคตก็จะเป็นเพียงแค่ทหารที่เหนือมนุษย์เท่านั้น

ซุนหลี่ไม่มีอะไรจะสอนเขาแล้ว แต่เขาก็ชี้ทางสว่างให้กับเขา ในชุมชนชาวจีนในสหรัฐอเมริกาทุกแห่ง ยังมีผู้เชี่ยวชาญอยู่บ้าง หลังจากบรรลุระดับหมิงจิงแล้ว คุณต้องหาวิธีที่จะก้าวไปสู่ระดับอันจิง จากนั้นก็ฮว๋าจิง แล้วก็บรรลุถึงระดับตันจิงในตำนาน

แม้ว่าพลังของระบบการต่อสู้แบบกังฟูจะเทียบไม่ได้กับระบบที่สามารถทำลายล้างโลกได้ในโลกมาร์เวล แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่เขาจะเพิ่มพลังได้ในตอนนี้ เขาต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่

ด้วยพื้นฐานของปาจี๋ฉวน หลินเฟิงจึงเริ่มต้นการแสวงหาความรู้ของเขา นอกจากปาจี๋ฉวนแล้ว เขายังเรียนไทเก๊ก กัวเจิ้ง และกังฟูอื่นๆ อีกมากมาย

ด้วยการใช้เงินปูทางของเขา เขาจึงประสบความสำเร็จทุกที่ ในปีนี้ มีผู้คนน้อยลงเรื่อยๆ ที่เต็มใจเรียนกังฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างแดน หลินเฟิงให้เงินมากมาย เจ้าของโรงยิมส่วนใหญ่ก็เต็มใจที่จะสอน แม้ว่าในตอนแรกจะไม่เต็มใจที่จะสอนมากนัก แต่ภายใต้พรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของหลินเฟิง พวกเขาก็ค่อยๆ เกิดความรักในตัวลูกศิษย์ และมีไม่น้อยที่ถ่ายทอดวิชาให้โดยไม่ปิดบัง

ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน หลินเฟิงได้ไปเยี่ยมชมโรงยิมกังฟูทั่วทั้งเมืองนิวยอร์ก และได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ในที่สุดก็เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงจากหมิงจิงไปสู่อันจิง และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอันจิงอย่างแท้จริง

แม้แต่ในแวดวงกังฟูของสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดัง ผู้คนจำนวนมากได้ยินมาว่า มีอัจฉริยะที่ปรากฏตัวในนิวยอร์ก รวบรวมจุดแข็งของทุกคน และสร้างสำนักของตัวเอง

ในแวดวงนี้ ตราบใดที่บรรลุถึงระดับหมิงจิง ก็สามารถเปิดโรงยิมของตัวเองได้แล้ว และเมื่อบรรลุถึงระดับอันจิง ก็ยิ่งหาผู้เชี่ยวชาญได้น้อยลงในเมือง

ท้ายที่สุดแล้ว ปรมาจารย์ฮว๋าจิงหายากมาก ยิ่งในต่างแดนยิ่งน้อยลงไปอีก

หลินเฟิงในตอนนี้ กล่าวได้ว่าเป็นกำปั้นครองเมืองนิวยอร์กโดยไม่มีปัญหาใดๆ   

หมัดระดับหมิงจิงจะถูกเขาฆ่าตาย หมัดระดับอันจิง หมัดเดียวก็บาดเจ็บสาหัส อาจมีเพียงฮว๋าจิงเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับเขาได้ นี่คือการเพิ่มพลังครั้งใหญ่ที่เกิดจากร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาเอง

หลินเฟิงสวมชุดลำลอง เสื้อฮู้ด เดินอยู่บนถนน ราวกับนักเรียนที่ยังเรียนอยู่ ขณะเดินไป เขาก็คิดไปด้วยว่าจะไปเรียนที่ไหนต่อไปเพื่อไปถึงระดับฮว๋าจิงให้เร็วที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น พลังการต่อสู้ของเขาจะก้าวขึ้นไปอีกขั้น

ในช่วงเดือนนี้ เขาเขียนไดอารี่ไปด้วย ฝึกฝนวิชากังฟูไปด้วย เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้น หลอดพลังงานในสมองของเขาก็เต็มอีกครั้ง และเขาก็ได้จับสลากอีกครั้ง ใครจะรู้ว่าคราวนี้ไม่ได้จับอะไรดีๆ ได้มาแค่เงินทุนสองพันล้านดอลลาร์

แม้ว่าสำหรับคนทั่วไปแล้วจะเป็นทรัพย์สินมหาศาลที่ไม่อาจจินตนาการได้ และเพียงพอที่จะทำให้คนร่ำรวยเป็นอิสระได้โดยตรง แต่สำหรับหลินเฟิงในตอนนี้ มันกลับเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งก็ยังเป็นเรื่องที่ดี หลินเฟิงจึงไม่ท้อแท้

หลังจากมีเงินมากมายขนาดนี้ การใช้เงินปูทางของหลินเฟิงก็ยิ่งราบรื่นมากขึ้น แม้แต่ประตูของผู้เชี่ยวชาญอันจิงก็สามารถเปิดได้

ทันใดนั้น เขาก็หยุดอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ริมถนน มีโทรทัศน์เครื่องหนึ่งอยู่ข้างใน กำลังออกอากาศการสัมภาษณ์พิเศษ การสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของกลุ่มอุตสาหกรรม สตาร์ก อีกคนหนึ่ง นั่นก็คือ โอบาเดอา

ในนั้น โอบาเดอา กำลังแบ่งปันเรื่องราวสนุกๆ ในวัยเด็กของ โทนี สตาร์ก กับพิธีกรด้วยรอยยิ้ม เหมือนเป็นลุงที่ดี และไม่หยุดเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ โทนี สตาร์ก นั้นดีเพียงใด

แต่คงไม่มีใครรู้ยกเว้นหลินเฟิงว่าลึกๆ แล้วเขาอยากจะฆ่า โทนี สตาร์ก

"รู้หน้าไม่รู้ใจ!" หลินเฟิงถอนหายใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นจากด้านหลัง

"เฮ้ ไอ้ลิงเหลือง ส่งเงินและกระเป๋ามา!"

หลินเฟิงหันกลับไปมอง เห็นคนผิวสีร่างใหญ่หลายคนถือมีดผลไม้เข้ามาหาเขา เห็นได้ชัดว่าดูจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แล้วน่าจะรวย

"กลางวันแสกๆ แสงแดดจ้าเนี้ยนะ..." หลินเฟิงรู้สึกพูดไม่ออก

เอาเถอะ นี่คืออเมริกา นี่เป็นเรื่องปกติ!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนผิวเหลือง ที่นี่ถือเป็นกลุ่มต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารทางสังคม แม้แต่คนผิวสีก็ยังรังแกได้

"ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องเหรอ" คนผิวสีที่เป็นหัวหน้าคิดว่าหลินเฟิงเป็นชาวต่างชาติ ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง จึงพูดซ้ำอีกครั้ง

แต่ก่อนที่เขาจะตั้งตัวทัน ร่างของหลินเฟิงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หมัดหนึ่งพุ่งออกไป

"อ๊าก!"

ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้อง คนผิวสีที่เป็นหัวหน้าก็กระเด็นออกไปหลายเมตร ซี่โครงของเขาหักไปหลายซี่

เมื่อคนผิวสีคนอื่นๆ เห็นดังนั้น พวกเขาก็โกรธจัดและพุ่งเข้ามา

แต่ก็ยังคงเป็นหมัดต่อหมัดเท่านั้น และก็ถูกจัดการในทันที