ระบบตกตะลึงไร้เทียมทาน ตอนที่ 29 แค่บำเพ็ญเพียรพวกเจ้าก็ตกตะลึงแล้วหรือ
ระบบตกตะลึงไร้เทียมทาน ตอนที่ 29 แค่บำเพ็ญเพียรพวกเจ้าก็ตกตะลึงแล้วหรือ
ขณะที่ทุกคนเงียบงัน หลิงอ่าวก็กลับส่งเสียงเย็นชา
"แค่ศิษย์ระดับขอบเขตวิญญาณประจักษ์จะนำพาศิษย์บำเพ็ญได้หรือ? ตัวเองยังไม่รอด จะไปสนใจคนอื่นได้อย่างไร? ช่างน่าขันเสียจริง!"
เบื้องหลังหลิงอ่าวคือสำนักสุญตาโงรธา บิดาของเขาเป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตจักรพรรดิเทพ
เขาจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอะไรมากนัก หลังพูดเช่นนี้ เขาไม่ต้องหวาดกลัวเหมือนอัจฉริยะคนอื่น ๆ
แม้อัจฉริยะคนอื่นจะไม่กล้าพูด แต่ก็พอเห็นด้วยกับคำพูดของหลิงอ่าว
เป็นแค่ขอบเขตวิญญาณประจักษ์เท่านั้น ยังจะนำพาศิษย์คนอื่นบำเพ็ญเพียรได้อีกหรือ บำเพ็ญเพียรให้ตัวเองจนหัวปักหัวปำก็พอแล้วกระมัง?
ทุกคนเย้ยหยันในใจ
หลี่ฉางเซิงหัวเราะแห้ง พลางมองหลิงอ่าวแล้วส่ายหัว เขาพูดว่า "คำพูดของศิษย์น้องหลิงอ่าวผิดไปแล้ว การบำเพ็ญเพียรกับผู้ก่อตั้งทำให้ศิษย์ไม่น้อยรับรู้ได้ชัดเจนว่าพลังของตนแข็งแกร่งขึ้น"
เมื่อเผชิญคำพูดของหลี่ฉางเซิง หลิงอ่าวเพียงแค่เย้ยหยันเสียงเบาเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ
อัจฉริยะกลุ่มอื่นก็ไม่เชื่อเช่นกัน ตามผู้ก่อตั้งขอบเขตวิญญาณประจักษ์คนนี้แล้วจะรับรู้ได้ว่าตนแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?
หลี่ฉางเซิงยิ้ม แม้พวกเขาไม่เชื่อ เขาก็ไม่คิดจะโต้แย้งอะไร
เขานำพากลุ่มอัจฉริยะออกจากผาแสงจันทร์ไปยังเวทีแลกเปลี่ยนเต๋า
แต่ตอนนั้นเอง ด้านล่างผาแสงจันทร์ก็มีเสียงดีใจดังขึ้น
"ฮ่าฮ่า! ข้าทะลวงระดับแล้ว!"
"คอขวดที่ขวางกั้นข้าเป็นเวลาครึ่งเดือน พอบำเพ็ญเพียรกับผู้ก่อตั้งเพียงครึ่งวันก็ทะลวงอย่างง่ายดาย!"
"ข้าก็ด้วย ข้าก็ทะลวงแล้ว!"
"ฮ่าฮ่า!"
"ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะผู้ก่อตั้ง!"
ศิษย์กลุ่มหนึ่งที่กำลังบำเพ็ญเพียรทันใดก็รู้สึกว่าปราณวิญญาณในร่างกายปะทุออกมา และทะลวงระดับทันที
จากนั้น พวกเขาก็ทยอยทะลวงกันทีละคน...
เมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มอัจฉริยะทั้งหลายตะลึงงันในทันที สายตาฉายแววตกตะลึง
นี่มหัศจรรย์ขนาดนี้เชียวหรือ?
แม้แต่การทะลวงขอบเขตก็ยังทะลวงไปพร้อม ๆ กันเลยหรือ?
เป็นเพราะชายหนุ่มบนยอดผาคนนั้นหรือ?
ใบหน้าของหลิงอ่าวแสดงความไม่พอใจ เขารู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง!
เขาสะบัดแขนเสื้อ หันหน้าเดินต่อด้วยความโมโห
หลี่ฉางเซิงกระตุกมุมปาก เผยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็หันไปบอกกลุ่มอัจฉริยะ "ทุกคน ตามข้ามาเถิด ใกล้ถึงเวลาการแลกเปลี่ยนเต๋าแล้ว"
"เข้าใจแล้ว"
กลุ่มอัจฉริยะพยักหน้า แต่ในใจยังคงความประหลาดใจไม่หาย
ผู้ก่อตั้งในตำนานของนิกายมารสวรรค์คนนี้ดูเหมือนเทพจริง ๆ!
สตรีศักดิ์สิทธิ์กาสารหยกจ้องมองหนิงเทียนบนผาแสงจันทร์ นางเผยรอยยิ้มงดงามเล็กน้อยพลางพึมพำ "ผู้ก่อตั้งนี่... ช่างน่าสนใจไม่น้อย..."
หลังกลุ่มอัจฉริยะจากไป
หนิงเทียนก็ยืดเส้นยืดสาย ปราณวิญญาณในร่างเพียงพอให้เขาค่อย ๆ ดูดซึมต่อ
"หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ใน 2 เดือน ข้าคงจะมีโอกาสทะลวงขอบเขตราชันปฐพี..." เขาพึมพำ และค่อย ๆ ลุกขึ้น
จากนั้น เสียงระบบก็ดังขึ้น
[ท่านทำให้กลุ่มอัจฉริยะตกตะลึง ได้รับรางวัล วรยุทธ์เจตจำนงกระบี่ [กระบี่]!]
[ขณะนี้ กำลังใช้ความเร็วเข้าใจวรยุทธ์เจตจำนงกระบี่ [กระบี่] 10 เท่า!]
[วรยุทธ์เจตจำนงกระบี่เข้าใจถึงขั้นชำนาญแล้ว!]
เมื่อเสียงระบบจบลง ในสมองหนิงเทียนก็ปรากฏวิธีใช้เจตจำนงกระบี่มากมาย
แต่ว่า...
ข้าทำให้กลุ่มอัจฉริยะตกตะลึงเมื่อใดกัน?
หนิงเทียนเกาหัว พลางรู้สึกแปลกใจ
"ผู้ใช้ กลุ่มอัจฉริยะเพิ่งจากไปเมื่อครู่นี้"
หนิงเทียนนึกออกแล้ว วันนี้เป็นวันแลกเปลี่ยนเต๋า หากจะไปเวทีแลกเปลี่ยนเต๋าก็ต้องผ่านผาแสงจันทร์
แต่ว่า...
เขาแค่บำเพ็ญเพียรเท่านั้น อัจฉริยะพวกนั้นใจบางถึงขั้นตกตะลึงเชียวหรือ...
"แต่การแลกเปลี่ยนเต๋าก็น่าสนใจไม่น้อยนะ ข้าลองไปดูดีกว่า" หนิงเทียนบ่นพึมพำ แล้วหันไปบอกศิษย์กลุ่มหนึ่งด้านล่างว่าเขาจะไปแล้ว
พอศิษย์พวกนั้นได้ยินว่าผู้ก่อตั้งจะไปแล้ว พวกเขาก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย
เพราะพอผู้ก่อตั้งไป ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรก็จะช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากหนิงเทียนออกจากผาแสงจันทร์ เขาก็ปิด [บำเพ็ญศรัทธา] แล้วรีบตรงไปยังเวทีแลกเปลี่ยนเต๋าทันที
...
นิกายมารสวรรค์ เวทีแลกเปลี่ยนเต๋า
เวทีหินใหญ่ที่ตั้งตระหง่านบนยอดเขา บนเวทียังมีที่นั่งมากมาย
ศิษย์นิกายมารสวรรค์บางส่วนก็มาถึงแล้ว
บนเวทียังมีอีกชั้นหนึ่ง
หลัวหวู่ชิง ผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสอื่น ๆ กำลังนั่งอยู่
"อัจฉริยะจากขุมอำนาจต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?" หลัวหวู่ชิงมองผู้อาวุโสใหญ่อย่างเฉยชา และถามขึ้น
ผู้อาวุโสใหญ่นิ่งเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบว่า "ตามข่าวที่ศิษย์ฉางเซิงบอกมา มีอัจฉริยะมาร่วมประมาณ 200 คน"
"200 คนหรือ?"
"อัจฉริยะมาร่วมกันมากเพียงนั้นเลยหรือ?"
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ รอบข้างต่างตกตะลึงในใจไม่น้อย และตื่นเต้นยินดี
อัจฉริยะมาร่วมมากแสดงว่าขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาต่างอยากคบหากับนิกายมารสวรรค์ทั้งนั้น และยังบ่งบอกว่านิกายมารสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน
เหล่าผู้อาวุโสไม่รู้ว่าขุมอำนาจเหล่านี้ที่มาแลกเปลี่ยนเต๋าล้วนเป็นเพราะเห็นทัณฑ์สายฟ้าของนิกายมารสวรรค์เมื่อหลายวันก่อน พวกเขาต่างก็คิดว่าจักรพรรดินีทะลวงขอบเขตแล้ว จึงคิดที่จะมาเอาอกเอาใจอีกฝ่าย
แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าคนที่ก่อให้เกิดทัณฑ์สายฟ้าไม่ใช่จักรพรรดินี
แต่เป็นหนิงเทียนต่างหาก
"มี 200 คนเลยรึ"
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า สีหน้าของเขาจริงจังมากขึ้น "ในนั้น มี 3 คนที่น่าสนใจมากที่สุด"
"คนแรก หลิงอ่าวจากสำนักสุญตาโกรธา"
"สำนักสุญตาโกรธาหรือ? หลิงอ่าว?"
"ไม่นึกเลยว่าเขาจะมาด้วย"
"เด็กคนนี้ถูกขนานนามว่าเป็นอนาคตของสำนักสุญตาโกรธา! แม้แต่ทายาทตำแหน่งจ้าวสำนักก็กำลังจะถูกส่งมอบให้เขา"
ผู้อาวุโสหลายคนรู้สึกประหลาดใจ
"คนที่สองนั้น หยินซานซือจากสำนักมารเงา..." เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"สำนักมารเงา?"
"พวกเขาก็มาแลกเปลี่ยนเต๋าด้วยหรือ?"
ผู้อาวุโสหลายคนรู้สึกแปลกใจ ความสัมพันธ์ระหว่างนิกายมารสวรรค์กับสำนักมารเงานั้นละเอียดอ่อนมาก พวกเขาไม่ถูกกันมาโดยตลอด
หยินซานซือมาแลกเปลี่ยนเต๋าครั้งนี้เหมือนกับเป็นจิ้งจอกมาอวยพรไก่ เขาคงมีเจตนาไม่ดีเป็นแน่
ผู้อาวุโสหลายคนมองหลัวหวู่ชิง และพบว่าจักรพรรดินีมีสีหน้าเย็นชา ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
"เช่นนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ แล้วคนสุดท้ายเป็นใครหรือ?" ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ได้แต่มองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ แล้วเอ่ยถาม
ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะและพูดว่า "คนสุดท้ายนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์กาสารหยก"
"สตรีศักดิ์สิทธิ์กาสารหยก?"
"แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กาสารหยกก็มาด้วยหรือ?"
เมื่อได้ฟังดังนั้น เหล่าผู้อาวุโสต่างตะลึงงัน แม้แต่หลัวหวู่ชิงก็ยังหรี่ตาลงเล็กน้อย
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กาสารหยกเป็นหนึ่งในขุมอำนาจที่ลึกลับที่สุดในดินแดนเทียนหลิง พลังที่แท้จริงของพวกเขาไม่มีใครคาดเดาได้
ที่ผ่านมา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กาสารหยกไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสำนักใด ๆ เลย
มักจะวางตัวเป็นกลาง แม้แต่พิธีสมรสของจักรพรรดินีก็ไม่เห็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์กาสารหยกมาแม้แต่คนเดียว ไม่นึกเลยว่าวันนี้ อีกฝ่ายจะส่งสตรีศักดิ์สิทธิ์กาสารหยกมาด้วยตนเอง!
"นี่..."
ผู้อาวุโสหลายคนรู้สึกสงสัยไม่เข้าใจและพากันวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่
"มีอะไรต้องประหลาดใจถึงเพียงนั้นหรือ?"
หลัวหวู่ชิงมองเหล่าผู้อาวุโสอย่างเย็นชา และกล่าวเรียบ ๆ "ก็แค่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กาสารหยกเท่านั้น ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่ต้องกังวลอะไรไป"
"จักรพรรดินีพูดถูก"
"พวกเราเข้าใจแล้ว..."
ได้ยินดังนั้น กลุ่มผู้อาวุโสก็ไม่พูดอะไรอีก ถึงอย่างไร พวกเขาก็มีจักรพรรดินีอยู่ทั้งคน ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก