บทที่ 65 เลือกสถานที่สำหรับเส้นพลังปราณ
บทที่ 65 เลือกสถานที่สำหรับเส้นพลังปราณ
ภายในถ้ำ
หน้าโต๊ะน้ำชา
ทั้งสองนั่งหันหน้าเข้าหากัน
เฉินเต้าเสวียนรินชาให้เฉินเซียนเหอด้วยตัวเอง พลางยิ้มกล่าวว่า “เรื่องราวก็เป็นแบบนี้”
เฉินเซียนเหอรับชาที่เฉินเต้าเสวียนยื่นให้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เต้าเสวียน ทำไมเจ้าถึงให้เผ่าเงือกใช้คะแนนสะสมของตระกูลเฉิน? ข้าจำได้ว่าตระกูลเฉินของเราไม่มีคะแนนสะสม”
เห็นได้ชัดว่าเฉินเซียนเหอไม่เข้าใจว่า อธิปไตยทางการเงินคืออะไร?
เฉินเต้าเสวียนไม่สามารถอธิบายให้เขาฟังได้ในคราวเดียว จึงได้แต่อธิบายง่ายๆ “อย่างแรกคือ เพื่อความสะดวกในการค้าขายระหว่างเผ่าพันธุ์ของเรา อย่างที่สองคือ เพื่อให้เผ่าเงือกสามารถค้าขายกับตระกูลเฉินของเราได้แบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคล”
“การค้าขายแบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคล?”
เฉินเซียนเหอจับประเด็นสำคัญในคำพูดของเฉินเต้าเสวียนได้
ในไม่ช้า เขาก็เข้าใจว่าการค้าขายแบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคลหมายถึงอะไร
ในกระบวนการค้าขายอย่างต่อเนื่อง เมื่อเผ่าเงือกมีคะแนนสะสมของตระกูลเฉินจำนวนมาก ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเลือกค้าขายกับตระกูลเฉินได้เท่านั้น จะใช้คะแนนสะสมของตระกูลเฉินค้าขายกับตระกูลอื่นได้อย่างไร?
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้ สายตาที่เฉินเซียนเหอมองเฉินเต้าเสวียนก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อเห็นเฉินเซียนเหอมองตัวเองแบบนี้ เฉินเต้าเสวียนก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เขารีบเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ ท่านลุงสิบสาม ท่านคิดว่า ควรจะวางเส้นพลังปราณของตระกูลเฉินไว้ที่ไหนดี?”
เมื่อได้ยินเรื่องเส้นพลังปราณ เฉินเซียนเหอก็ลืมเรื่องที่เผ่าเงือกใช้คะแนนสะสมของตระกูลเฉินไปจริงๆ
แววตาของเขาเป็นประกาย จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่า ภูเขาทองแดงน่าจะเหมาะสมที่สุด”
“ทำไมท่านถึงคิดแบบนั้น?”
เฉินเต้าเสวียนถาม
“ภูเขาทองแดงเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรของบรรพบุรุษตระกูลเฉินมาหลายชั่วอายุคน มีบรรยากาศการบ่มเพาะพลังที่เข้มข้น และถ้ำของเราก็ส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนภูเขาทองแดง และ...”
เฉินเซียนเหอพูดไป พบว่าตัวเองพูดถึงข้อดีไม่ได้มากนัก
ดูเหมือนว่านอกจากร่องรอยของบรรพบุรุษตระกูลเฉินแล้ว ภูเขาทองแดงก็ไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ
ส่วนถ้ำ เพียงแค่ระดมคนของตระกูลเฉิน พวกเขาก็สามารถสร้างได้มากเท่าที่ต้องการ
หลังจากคิดอยู่นาน เมื่อเห็นเฉินเต้าเสวียนมองเขาอย่างใจเย็น เฉินเซียนเหอก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “เอาล่ะ อย่าอ้ำอึ้ง บอกมาสิ เจ้าคิดว่าควรสร้างเส้นพลังปราณไว้ที่ไหนดี? ดูจากท่าทางของเจ้า น่าจะมีแผนอยู่ในใจแล้ว”
เฉินเต้าเสวียนวางถ้วยชาลง พยักหน้า “ข้ามีแผนอยู่บ้าง”
เฉินเซียนเหอเงยหน้าขึ้น “งั้นเจ้าพูดมาสิ”
เฉินเต้าเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านลุงสิบสาม ท่านคิดว่าสถานที่ที่สำคัญที่สุดของตระกูลเฉินของเราในตอนนี้คือที่ไหน?”
“ไม่ต้องพูดถึง แน่นอนว่าต้องเป็นโรงงานกระบี่บินหงอิน!”
เฉินเซียนเหอตอบโดยไม่ต้องคิด
แม้ว่าโรงงานกระบี่บินหงอินจะมีห้องผลิตเพียงห้าห้อง คนงานรวมกันเพียงสิบห้าคน แม้จะรวมเฉินเต้าเสวียนเข้าไปด้วย ก็มีเพียงสิบหกคนเท่านั้น
แต่คนทั้งสิบหกคนนี้ กลับบรรลุความปรารถนาที่บรรพบุรุษตระกูลเฉินไม่สามารถทำได้ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา นั่นคือ การหาเส้นพลังปราณให้กับตระกูล!
จริงอยู่…
สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ตระกูลเฉินได้รับเส้นพลังปราณเส้นนี้ คือผลกำไรมหาศาลที่หาได้จากการค้าขายกับเผ่าเงือก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะจินตนาการได้จากโลกภายนอก
แต่ต่อให้ไม่มีเผ่าเงือก ด้วยกำลังการผลิตอันน่าทึ่งของโรงงานกระบี่บินหงอิน ตระกูลเฉินก็สามารถหาหินจิตวิญญาณได้เพียงพอสำหรับการสร้างเส้นพลังปราณได้ อย่างมากก็แค่ช้ากว่าสองสามปีเท่านั้น
เฉินเซียนเหอที่ทำธุรกิจกระบี่บินในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระของเมืองกวงอันจนเฟื่องฟู เขาเชื่อมั่นอย่างมากในเรื่องนี้
“ในเมื่อโรงงานกระบี่บินเป็นหัวใจสำคัญของตระกูลเฉินของเรา และเส้นพลังปราณก็เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ฝึกตนของตระกูลเฉินของเรา ทำไมทั้งสองอย่างนี้ถึงไม่รวมกันล่ะ?”
เฉินเต้าเสวียนถามกลับ
“เจ้าหมายถึง...”
ดวงตาของเฉินเซียนเหอเป็นประกาย
“ถูกต้อง ข้าแนะนำให้วางเส้นพลังปราณไว้ในเขตอุตสาหกรรมของเกาะซวงหู”
สำหรับชื่อแปลกๆ ของเขตอุตสาหกรรมที่เฉินเต้าเสวียนตั้งขึ้น แม้ว่าเฉินเซียนเหอจะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่เขาก็ไม่เคยคัดค้าน
เหมือนกับที่เขาตั้งชื่อโรงงานหลอมอาวุธวิเศษว่า โรงงานกระบี่บินหงอินนั่นแหละ!
เฉินเซียนเหอไม่สามารถเข้าใจการกระทำของเฉินเต้าเสวียนหลายอย่าง แต่กลับมีบทบาทที่ดีในการพัฒนาตระกูล
นานวันเข้า เฉินเซียนเหอก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
แม้ว่าเฉินเซียนเหอจะอยากวางเส้นพลังปราณไว้ที่ภูเขาทองแดง แต่คำพูดของเฉินเต้าเสวียนนั้นมีเหตุผลมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนว่า นอกจากร่องรอยของบรรพบุรุษตระกูลเฉินแล้ว ภูเขาทองแดงก็ไม่มีอะไรให้น่าจดจำจริงๆ
แร่ทองแดงเองก็หมดไปแล้ว ตอนนี้มีโรงงานกระบี่บินหงอินที่ทันสมัยกว่า แม้แต่ห้องไฟดินก็ถูกปิดผนึกมานานแล้ว
คิดดูดีๆ
ดูเหมือนว่าภูเขาทองแดงจะไม่มีอะไรที่มีค่า นอกจากดวงตาแห่งจิตวิญญาณที่กำลังจะแห้งเหือดของเฉินเต้าเสวียน
ภูเขาที่ไม่มีค่าแบบนี้ จะมีอะไรให้น่าจดจำอีก ใข่ไหม?
“เฮ้อ—”
เฉินเซียนเหอคิด พลางถอนหายใจ
“เกิดอะไรขึ้น ท่านลุงสิบสาม ท่านรู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?”
“ไม่มี ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม การตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง ดีมาก!”
เฉินเซียนเหอทำหน้าเหงาๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้ม
เฉินเต้าเสวียนไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของเฉินเซียนเหอได้ ในตอนนี้เขาจมอยู่กับความคาดหวังในการพัฒนาในอนาคตของตระกูลเฉิน
การสร้างเส้นพลังปราณ การคัดเลือกต้นกล้าเซียนจำนวนมาก การฝึกฝนศิษย์ช่างหลอมอาวุธวิเศษ การขยายขนาดของโรงงานกระบี่บิน การยึดครองตลาดกระบี่บินของผู้ฝึกตนอิสระในเมืองกวงอัน หรือแม้แต่เมืองอื่นๆ ทีละขั้นตอน
เรียกได้ว่า
ตามแผนของเฉินเต้าเสวียน ตระกูลเฉินบนเกาะซวงหูจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน
อาจจะเผชิญกับการกดดันจากกองกำลังของตระกูลบางกองกำลังในระหว่างการผงาดขึ้น แต่ด้วยการควบคุมของนิกายกระบี่เฉียนหยวนที่มีต่อทะเลหมื่นดวงดาว เฉินเต้าเสวียนเชื่อว่า เขาสามารถทนต่อการกดดันเหล่านี้ได้
ท้ายที่สุดแล้ว ทะเลหมื่นดวงดาวในปัจจุบัน ไม่ใช่ทะเลหมื่นดวงดาวที่วุ่นวายเมื่อพันปีก่อน ที่ไร้กฎเกณฑ์ใดๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำลัง
ในทะเลหมื่นดวงดาวปัจจุบัน ตราบใดที่เจ้าไม่ฝ่าฝืนกฎหมายของนิกายกระบี่เฉียนหยวน โดยทั่วไปแล้วเจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะมีตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่ตระกูลใด กล้าบุกมาทำลายล้างตระกูลขนาดเล็กอย่างโจ่งแจ้ง
นี่คือเหตุผลที่ตระกูลขนาดเล็กอย่างตระกูลเฉิน แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แต่ก็ยังไม่ถูกตระกูลขนาดใหญ่ทำลายล้างเพื่อแย่งชิงทรัพยากรบ่มเพาะนั่นเอง
ในแง่หนึ่ง เป็นเพราะตระกูลขนาดเล็กอย่างตระกูลเฉินมีทรัพยากรน้อย ตระกูลขนาดใหญ่ไม่สนใจ อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ การยับยั้งของนิกายกระบี่เฉียนหยวน ทำให้ตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่ในทะเลหมื่นดวงดาวไม่กล้าล้ำเส้น
ในตอนที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนเพิ่งรวมทะเลหมื่นดวงดาวใหม่ๆ มีตระกูลระดับทารกวิญญาณตระกูลหนึ่งไม่เชื่อเรื่องนี้ โดยอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเอง ทำลายล้างตระกูลระดับสร้างรากฐานตระกูลหนึ่งจนหมดสิ้น แม้แต่คนธรรมดาของอีกฝ่ายก็ไม่เว้น
ด้วยเหตุนี้ นิกายกระบี่เฉียนหยวนจึงโกรธแค้น ผู้นำสำนักรุ่นก่อนลงมือด้วยตัวเอง สังหารหยวนอิงเจิ้นจวินที่ปกป้องตระกูลระดับทารกวิญญาณ และประหารชีวิตผู้ฝึกตนทั้งหมดของตระกูลนั้น
(เจิ้นจวิน 真君 คำเรียกขานทางลัทธิเต๋าของจีน ยกย่องเป็นเทพหรือเทวดา ส่วนหยวนอิงคือขอบเขตทารกวิญญาณ)
ส่วนคนธรรมดาของตระกูลระดับทารกวิญญาณนี้ ก็ถูกขายเป็นทาสไปยังเมืองต่างๆ ในทะเลหมื่นดวงดาว
ตระกูลระดับทารกวิญญาณที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จู่ๆ ก็ถูกทำลายล้างอย่างน่าอนาถ
นับตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่ตระกูลใด กล้าเพิกเฉยต่อกฎหมายที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนประกาศใช้อีกเลย
อย่างน้อยก่อนที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนจะเสื่อมถอยลง ย่อมไม่มีตระกูลใดกล้าล้ำเส้น
นับประสาอะไรกับตอนนี้ ที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนรุ่งเรืองถึงขีดสุด กดขี่พันธมิตรเสวียนชิงเต๋าในอาณาจักรฉู่หยุนจนเงยหน้าขึ้นไม่ได้
เพราะเหตุนี้ ตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่ในทะเลหมื่นดวงดาว ยิ่งไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
บางทีพวกเขาอาจจะกล้าเสี่ยงทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ลับหลัง แต่การบุกไปทำลายล้างทั้งตระกูลแบบนี้ ไม่มีตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่ตระกูลใดในทะเลหมื่นดวงดาวกล้าทำอย่างเด็ดขาด!