บทที่ 61 ต่อรองราคา
บทที่ 61 ต่อรองราคา
ได้ยินดังนั้น
ลั่วหลียื่นมืออันขาวเนียนข้างหนึ่งออกมา จากนั้นก็ยื่นมืออีกข้างออกมาอย่างระมัดระวัง “มากกว่าแสนหินจิตวิญญาณนิดหน่อย”
ได้ยินดังนั้น
เฉินเต้าเสวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เพียงพอแล้ว!
มีแสนหินจิตวิญญาณก็พอ!
ณ ตอนนี้ ในคลังของตระกูลเฉินยังมีหินจิตวิญญาณอยู่สองพันก้อน บวกกับแสนหินจิตวิญญาณนี้ ย่อมเพียงพอแล้วสำหรับตระกูลเฉินในการสร้างเส้นพลังปราณ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินเต้าเสวียนก็พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ไม่มีปัญหา ไม่ทราบว่าคุณหนูลั่วหลีนำแร่จิตวิญญาณอะไรมาบ้าง?”
เมื่อเห็นว่าเฉินเต้าเสวียนไม่ได้โกรธ แต่กลับมีสีหน้าที่ดูเป็นมิตรและพูดจาไพเราะ
ลั่วหลีก็ยิ่งประทับใจเขามากขึ้น นางกลับรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ริมฝีปากสีแดงของนางขยับเบาๆ เสียงเพลงที่ไพเราะก็ดังออกมาจากปากเล็กๆ ของนาง
ในไม่ช้า
เงือกตัวแล้วตัวเล่าก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล พวกเขาคือลูกน้องที่ลั่วหลีพามา
เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว เงือกเหล่านี้ต่างก็ถือหอยเชลล์สีขาวขนาดใหญ่อยู่ในมือ
ในหอยเชลล์สีขาว บรรจุหินจิตวิญญาณ แร่จิตวิญญาณ ไข่มุกจิตวิญญาณ และสมบัติล้ำค่าอื่นๆ
ลั่วหลีหันหลัง ตบมือให้กับชนเผ่าในทะเล เงือกเรียงแถวกัน เปิดหอยเชลล์สีขาวขนาดใหญ่ในมือพร้อมกัน
ชั่วลมหายใจต่อมา แสงวิญญาณก็ส่องประกายไปทั่วท้องทะเล ทำให้คนตาพร่ามัว
เมื่อมองไปที่หินจิตวิญญาณและแร่จิตวิญญาณเหล่านี้ เฉินเต้าเสวียนก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีด ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำเล็กน้อย
เมื่อเห็นเขาทำตัวตื่นตระหนก ลั่วหลีก็อดไม่ได้ที่จะเผยความภาคภูมิใจบนใบหน้าอันงดงามของนาง ในที่สุดนางก็ไม่ต้องอายกับท่าทีที่เสียกิริยาของตัวเองเมื่อครู่นี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลั่วหลีก็แนะนำอย่างมีความสุข “นี่คือแร่เหล็กน้ำค้างที่เจ้าพูดถึงในครั้งที่แล้ว ชนเผ่าของเราขุดหินชนิดนี้ได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้”
เฉินเต้าเสวียนมองไปในทิศทางที่ลั่วหลีชี้นิ้ว
แร่เหล็กน้ำค้างขนาดเท่ากำปั้น กองอยู่ในหอยเชลล์สีขาวแต่ละอัน เปล่งประกายจิตวิญญาณที่น่าตกใจ
ลั่วหลีแนะนำต่อไป “นี่คือหินอีกชนิดหนึ่งที่เราพบในทะเล...”
“แร่ทองแดง!”
สำหรับเฉินเต้าเสวียนที่เคยมีเส้นแร่ทองแดงในตระกูล เขาย่อมคุ้นเคยกับแร่ชนิดนี้เป็นอย่างดี
แร่ทองแดงเป็นแร่จิตวิญญาณระดับหนึ่ง มีการกระจายอย่างกว้างขวางในทะเลหมื่นดวงดาวและแคว้นเซียนหยุน เป็นรองเพียงแร่เหล็กดำเท่านั้น
เฉินเต้าเสวียนไม่แปลกใจที่มีแร่ชนิดนี้อยู่ใต้ทะเล
“ถูกต้อง แร่ทองแดง!”
ลั่วหลีพยักหน้า “หินชนิดนี้ เป็นวัตถุดิบที่พวกเจ้าใช้สร้างอาวุธวิเศษใช่ไหม?”
แม้ว่าเผ่าเงือกจะไม่รู้วิธีหลอมอาวุธวิเศษ แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถแยกแยะความเข้มข้นของออร่าจิตวิญญาณได้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็มีจิตสัมผัสที่ล้ำลึก
“ใช่”
เฉินเต้าเสวียนพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง
เมื่อเห็นทัศนคติที่จริงใจของเขา ลั่วหลีก็พยักหน้าพอใจ “ในเมื่อหินชนิดนี้เป็นวัตถุดิบที่พวกเจ้าใช้หลอมอาวุธวิเศษ ราคาน่าจะสูงมาก บอกมาสิ มันควรจะได้ราคาเท่าไหร่?”
ลั่วหลีทำท่าทางเหมือนคนขี้งกทันที
เฉินเต้าเสวียนขมวดคิ้ว “ราคาของแร่ทองแดงในเมืองกวงอันอยู่ที่สามหินจิตวิญญาณต่อหนึ่งจิน พวกเจ้าคิดว่าจะขายให้ข้าในราคาเท่าไหร่ดี?”
“หา?”
เมื่อได้ยินราคา ลั่วหลีก็ตกตะลึง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าแร่เหล็กน้ำค้างเพียงไม่กี่ก้อน ก็สามารถแลกเปลี่ยนอาวุธวิเศษได้หนึ่งชิ้น
แล้วทำไมหินชนิดนี้ถึงถูกจัง? ราคาต่างกันหลายสิบเท่า
สิ่งนี้ทำให้ลั่วหลีอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า เฉินเต้าเสวียนกำลังหลอกลวงนางอยู่หรือเปล่า?
เมื่อเห็นลั่วหลีไม่พูด เฉินเต้าเสวียนจึงกระแอม และอธิบายว่า “คุณหนูลั่วหลี เจ้ารู้ไหมว่าการที่มนุษย์เราจะหลอมอาวุธวิเศษได้หนึ่งชิ้นนั้น ยากลำบากแค่ไหน?”
พูดจบ เขาก็ถอนหายใจ “ยกตัวอย่าง กระบี่บินระดับหนึ่งขั้นต่ำที่ธรรมดาที่สุด ผู้ฝึกตนที่เชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธวิเศษอย่างข้า ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวันเต็มๆ ถึงจะสร้างเสร็จ เผ่าเงือกของพวกเจ้าขุดแร่ คงไม่เหนื่อยขนาดนั้นมั้ง?”
“อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินว่า การสร้างอาวุธวิเศษหนึ่งชิ้นต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวัน ลั่วหลีก็พูดไม่ออก
มันต้องเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ!
จากมุมมองนี้ การขุดแร่ของชนเผ่าพวกนางกลับง่ายกว่ามาก…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลั่วหลีกลับรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ท้ายที่สุดแล้ว นางก็รู้ว่าการขุดหินไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมาก เป็นแค่งานใช้แรงงาน
ส่วนเงือกชายไม่เหมือนเงือกหญิง เงือกหญิงยังสามารถเลี้ยงหอยวิญญาณได้ เงือกชายไม่มีความสามารถอะไร นอกจากมีเรี่ยวแรง
แบบนี้นับว่า เผ่าเงือกของพวกเขาก็แค่ใช้แรงงานเล็กน้อย ก็สามารถแลกเปลี่ยนอาวุธวิเศษของตระกูลเฉินได้ ช่างคุ้มค่าสุดๆ!
เมื่อเห็นลั่วหลีรู้สึกผิด เฉินเต้าเสวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หวุดหวิด … เด็กคนนี้ฉลาดขึ้นแล้ว!
เขาจงใจเพิกเฉยต่อมูลค่าของแร่จิตวิญญาณ และเปลี่ยนมุมมองของมูลค่าไปที่แรงงานที่ทั้งสองฝ่ายจ่ายไป
เรียกได้ว่าเป็นการเล่นลิ้น
โชคดีที่ลั่วหลีไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ
บางทีในสายตาของลั่วหลี หินไร้ค่าเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรเลย
ไข่มุกจิตวิญญาณที่หอยวิญญาณที่พวกเขาเลี้ยงผลิตออกมานั้น อย่างน้อยก็ยังสามารถใช้ตกแต่งถ้ำได้
หินไร้ค่าเหล่านี้มีประโยชน์อะไร? กินไม่ได้ ใช้ไม่ได้ แล้วยังน่าเกลียดอีก
หากเฉินเต้าเสวียนไม่ได้ระบุว่าต้องการหินไร้ค่าเหล่านี้ เผ่าเงือกคงไม่สนใจพวกมัน
ดูเหมือนว่าลั่วหลีจะรู้สึกผิดที่สงสัยเฉินเต้าเสวียน น้ำเสียงของนางในระหว่างการสนทนาต่อจากนี้จึงอ่อนโยนลง
“นี่คือสินค้าพิเศษที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าเงือกของเรา… ไข่มุกจิตวิญญาณวารี แต่พวกเจ้าเรียกมันว่า ลูกแก้วจิตวิญญาณวารี”
ลั่วหลีชี้ไปที่ไข่มุกจิตวิญญาณวารีในมือของชนเผ่า ทันใดนั้นน้ำเสียงของนางก็เศร้าลง
เฉินเต้าเสวียนรู้ว่า เผ่าเงือกถูกตระกูลโจวกดขี่ข่มเหงมานานหลายร้อยปี ก็เพราะไข่มุกจิตวิญญาณวารีนี้
สำหรับเรื่องนี้ เฉินเต้าเสวียนก็ไม่กล้าพูดปลอบใจ
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับตระกูลโจว การที่ลั่วหลีไม่เกลียดชังเขาก็นับว่ามีเหตุผลมากพอแล้ว
“ไม่ทราบว่าไข่มุกจิตวิญญาณนี้ ราคาเท่าไหร่?”
ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองเฉินเต้าเสวียน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเต้าเสวียนมองสีหน้าของลั่วหลี พลางกล่าวอย่างระมัดระวัง “ราคาของไข่มุกจิตวิญญาณวารีระดับหนึ่ง ในเมืองกวงขายอันอยู่ที่ 50 หินจิตวิญญาณต่อหนึ่งเม็ด ไม่ทราบว่าคุณหนูลั่วหลีต้องการขายให้ข้าในราคาเท่าไหร่?”
(ต่อไปจะเรียกว่า ไข่มุกจิตวิญญาณวารี แทนลูกแก้วจิตวิญญาณวารีนะครับ)
เขาพูดว่า 50 หินจิตวิญญาณ ลั่วหลีก็ไม่สามารถตั้งราคาสูงกว่านี้ได้
จริงๆ แล้ว แม้ว่าไข่มุกจิตวิญญาณวารีที่ตระกูลโจวขายจะมีราคา 50 หินจิตวิญญาณต่อหนึ่งเม็ด แต่ผู้ฝึกตนอิสระทั่วไป และศิษย์ของตระกูลขนาดเล็กไม่มีช่องทางในการซื้อ
สมบัติที่ช่วยในการบ่มเพาะพลังเช่นนี้ ถูกจองโดยตระกูลใหญ่ในเมืองกวงอัน หรือแม้แต่เมืองอื่นๆ ในแคว้นชางโจวไปนานแล้ว
แม้ว่าจะมีเศษอาหารเหลือตกถึงมือผู้ฝึกตนอิสระ พวกเขาก็มักจะขายในราคาสูง
ตัวอย่างเช่น ครั้งที่แล้วเฉินเต้าเสวียนซื้อไข่มุกจิตวิญญาณวารีไม่กี่เม็ดในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ เขาก็ต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดสองเท่า
ส่วนลั่วหลี เมื่อได้ยินว่าไข่มุกจิตวิญญาณวารีสิบเม็ด สามารถแลกเปลี่ยนอาวุธวิเศษได้หนึ่งชิ้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดกับราคานี้
นางเอ่ยตะกุกตะกัก พูดไม่ออก
จริงๆ แล้วนางอยากจะบอกว่าขาย 50 หินจิตวิญญาณ แต่เมื่อได้ยินว่าเฉินเต้าเสวียนทำงานอย่างหนักถึงเจ็ดวันเพื่อสร้างอาวุธวิเศษหนึ่งชิ้น
ส่วนเผ่าเงือกของพวกเขากลับใช้ไข่มุกจิตวิญญาณเพียงสิบเม็ดในการแลกเปลี่ยน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ทำให้ลั่วหลีรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เงียบไปครู่หนึ่ง
ลั่วหลีที่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักในใจก็เงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างจริงจัง “เฉินเต้าเสวียน เจ้าเป็นคนที่มีจิตใจดี ในเมื่อตระกูลเฉินของเจ้าจริงใจกับเผ่าเงือกของเรา พวกเราก็ไม่สามารถทำเงินจากเจ้าได้อย่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไข่มุกจิตวิญญาณวารีนี้ พวกเราขายให้เจ้า 10 หินจิตวิญญาณต่อหนึ่งเม็ด”
เมื่อได้ยินราคานี้ เฉินเต้าเสวียนเกือบจะนั่งไม่ติด เขาเกือบจะตกจากม้านั่งหิน