บทที่ 59 ขยายขนาดการค้า
บทที่ 59 ขยายขนาดการค้า
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในพริบตา สามเดือนก็ผ่านไป
ภูเขาวานรปีศาจน้ำใต้ทะเล อยู่ห่างจากตระกูลเฉินบนเกาะซวงหูไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลหมื่นดวงดาวไปประมาณหนึ่งหมื่นลี้
มองไปรอบๆ จะเห็นเผ่าเงือกจำนวนมากกำลังขุดถ้ำอยู่ทั่วภูเขาแห่งนี้
ภูเขาวานรปีศาจน้ำ
ภายในถ้ำที่กว้างขวางที่สุด
เงือกชายร่างกำยำ ผิวสีทองแดง กำลังนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำ ดูจากลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอของเขา เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก
“ท่านพ่อ!”
ร่างเล็กๆ บุกเข้าไปในถ้ำอย่างกะทันหัน เงือกตัวน้อยถือสมุนไพรจิตวิญญาณที่เปล่งประกายอยู่ในมือ พลางกล่าวอย่างตื่นเต้น “ท่านดูสิ ข้าหาสมุนไพรจิตวิญญาณที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของท่านพ่อได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก
ผู้นำเผ่าเงือกค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองสมุนไพรจิตวิญญาณในมือของบุตรสาว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสาร “ลั่วเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าลำบากมากจริงๆ”
ลั่วหลีได้ยินดังนั้น ก็ส่ายหน้า “ท่านพ่ออย่าพูดแบบนั้น ท่านต่อสู้กับผู้นำเผ่าวานรปีศาจน้ำจนบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้ชนเผ่าของเรามีที่อยู่อาศัย เมื่อเทียบกับท่านแล้ว สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ข้าทำไม่นับเป็นอะไรเลย”
เมื่อได้ยินลั่วหลีพูดถึงการต่อสู้กับผู้นำเผ่าวานรปีศาจน้ำ แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะผ่านมานานเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ผู้นำเผ่าเงือกก็ยังคงหวาดกลัวทุกครั้งที่นึกถึงมัน
ในตอนนั้น เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้วจริงๆ!!
เขาเกือบจะตายไปพร้อมกับผู้นำเผ่าวานรปีศาจน้ำ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผู้นำเผ่าเงือกก็กล่าวด้วยความโล่งใจ “พูดตามตรง ที่ข้าสามารถเอาชนะไอ้เวรผู้นำเผ่าวานรปีศาจน้ำได้ ก็เพราะเจ้าและชนเผ่าเอาชนะฝูงวานรปีศาจน้ำได้ก่อน แล้วรีบมาช่วยข้า มิฉะนั้น ข้าคงต้องตายไปพร้อมกับมัน”
เมื่อได้ยินบิดาพูดเช่นนี้ ลั่วหลีกลับรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“ข้าก็ไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของชนเผ่าที่ใช้อาวุธกับไม่ใช้อาวุธจะแตกต่างกันมากขนาดนี้”
ลั่วหลีนึกถึงฉากที่ชนเผ่าของเผ่าเงือกถืออาวุธวิเศษ ไล่ฆ่าฝูงวานรปีศาจน้ำอย่างดุเดือด ใบหน้าอันงดงามของนางก็แดงก่ำด้วยความตื่นเต้น “ท่านพ่อ การค้าขายกับตระกูลเฉินบนเกาะซวงหูครั้งนี้ เราต้องซื้ออาวุธวิเศษให้มากขึ้น”
“ข้าก็คิดแบบนั้น”
ผู้นำเผ่าเงือกยิ้ม แต่แล้วเขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ข้าจำได้ว่าหินจิตวิญญาณที่ชนเผ่าพกติดตัวมานั้นเหลือน้อยแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความตื่นเต้นของลั่วหลีก็หายไป
แต่ในพริบตานางก็นึกอะไรขึ้นได้ พลางกล่าวอย่างมีความสุข “ไม่เป็นไร ครั้งที่แล้วเฉินเต้าเสวียนจากตระกูลเฉินให้แผนผังแร่ธาตุและสมุนไพรล้ำค่าต่างๆ แก่ข้า เราสามารถใช้สิ่งเหล่านี้แลกเปลี่ยนอาวุธวิเศษกับพวกเขาได้”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของผู้นำเผ่าเงือกก็ดีขึ้นเล็กน้อย
เขาสั่ง “ลั่วเอ๋อร์ การค้าขายกับตระกูลเฉินครั้งนี้สำคัญมาก ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ แม้ว่าพวกเราจะยึดภูเขาวานรปีศาจน้ำได้แล้ว แต่ฐานที่มั่นก็ยังไม่มั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้อาการบาดเจ็บของข้าก็รุนแรงมาก ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากต้องการปกป้องชนเผ่า เราต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งของชนเผ่า การซื้ออาวุธวิเศษให้กับชนเผ่าเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง”
“ท่านพ่อ วางใจเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
ลั่วหลียิ้มออกมา
…..
เกาะซวงหู
ถ้ำบนภูเขาทองแดง
เฉินเต้าเสวียนลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลางกล่าวด้วยความดีใจ “ข้าทะลวงผ่าน… ขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นห้าแล้ว!”
เมื่อรู้สึกถึงปราณแก่นแท้ในตำนเถียนที่ขยายใหญ่ขึ้นสามส่วน เฉินเต้าเสวียนก็ตื่นเต้นมาก
หลังจากทะลวงขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นสี่ได้ไม่ถึงครึ่งปี เขาก็ทะลวงระดับไปถึงขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นห้า ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรนี้ แม้จะเทียบกับศิษย์หลักของตระกูลใหญ่ มันก็ไม่ได้ช้าไปกว่ากันเลย
ทว่าเฉินเต้าเสวียนย่อมรู้ดี
ที่เขาบำเพ็ญเพียรได้เร็วขนาดนี้ นอกจากลูกแก้วจิตวิญญาณวารี และโอสถรวบรวมพลังปราณที่ช่วยในการบำเพ็ญเพียรแล้ว
ผลของการบ่มเพาะกายเนื้อของ “วิชางูเหลือมมังกรกลืนสวรรค์” ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น ปริมาณพลังปราณที่เขากลั่นได้ในแต่ละวันก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งเร่งความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ เนื้ออสรพิษลายโลหิตของเขากินหมดแล้ว หลังจากขาดแร่ธาตุสำหรับการฝึกฝนร่างกาย ความคืบหน้าในการฝึกฝน “วิชางูเหลือมมังกรกลืนสวรรค์” ก็ช้าจนน่าตกใจ
และเมื่อเร็วๆ นี้
เฉินเต้าเสวียนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ดวงตาแห่งจิตวิญญาณในห้องบำเพ็ญเพียร เริ่มไม่สามารถรองรับการบำเพ็ญเพียรความเร็วสูงเช่นนี้ของเขาได้อีกต่อไป
ปัญหาพลังปราณไม่เพียงพอ ถูกหยิบยกขึ้นมาต่อหน้าเฉินเต้าเสวียนอีกครั้ง
ในช่วงสามเดือนนับตั้งแต่เขากลับมาที่เกาะซวงหู
เฉินเต้าเสวียนไม่ได้พักผ่อนเลยสักวัน เวลาที่วุ่นวายในแต่ละวันนั้นน่ากลัวกว่าการทำงานล่วงเวลาที่โรงงานในโลกเดิมเสียอีก
อย่างน้อยการทำงานล่วงเวลาในโลกเดิมก็ยังมีเวลานอน
ส่วนเฉินเต้าเสวียนในตอนนี้ นอกจากการบำเพ็ญเพียรตามปกติแล้ว เขาก็ยุ่งอยู่ตลอดเวลา
ในระหว่างวัน เขาเร่งผลิตกระบี่บินเงาแดงที่โรงงานกระบี่บินหงอิน ทำงานประมาณห้าชั่วยาม
ในตอนเย็น
หลังจากตรวจสอบงานของเฉินจือและคนอื่นๆ แล้ว เขาก็กลับมาที่ถ้ำเพื่อสอนการบำเพ็ญเพียรให้กับต้นกล้าเซียนแปดคนของตระกูลเฉิน ซึ่งใช้เวลาสองถึงสามชั่วยาม
บวกกับการบำเพ็ญเพียรสี่ชั่วยามทุกวัน
ตารางเวลาในแต่ละวันแน่นเอียด ไม่มีเวลาว่างเลย!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นตระกูลค่อยๆ เติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นในมือของเขา ความรู้สึกพึงพอใจนี้ คนนอกยากที่จะเข้าใจ
นอกจากผลผลิตกระบี่บินที่มั่นคงของโรงงานกระบี่บินหงอินแล้ว สิ่งที่ทำให้เฉินเต้าเสวียนตื่นเต้นที่สุดในช่วงเวลานี้คือ เฉินเต้าฉูเป็นต้นกล้าเซียนรากจิตวิญญาณขั้นสูง
แบบนี้นับว่า
แม้ว่าตระกูลเฉินจะมีผู้บำเพ็ญเพียรเพียงสิบเอ็ดคน แต่มีต้นกล้าเซียนรากจิตวิญญาณขั้นสูงถึงสามคน
ต้องบอกว่า โชคดีมากจริงๆ!
โดยปกติแล้ว การที่จะมีต้นกล้าเซียนรากวิญญาณขั้นสูงสามคน ต้องมีผู้บำเพ็ญเพียรที่มีรากจิตวิญญาณอย่างน้อยหลายสิบคน…
หลังจากบำเพ็ญเพียรมาทั้งคืน
เฉินเต้าเสวียนลุกขึ้น เดินออกจากถ้ำ
เมื่อออกจากถ้ำ
เขาเห็นต้นกล้าเซียนแปดคนของตระกูลเฉินกำลังฝึกฝนกระบี่อยู่บนลานเล็กๆ นอกถ้ำ เฉินเต้าเสวียนก็ไม่ได้รบกวนพวกเขา แต่บินตรงไปยังเกาะหงซาน
ใช่แล้ว
วันนี้เขาโดดงาน ไม่ได้ไปโรงงานกระบี่บินหงอิน
เพราะเมื่อวานนี้เขาได้ติดต่อกับลั่วหลีของเผ่าเงือกแล้ว วันนี้เป็นวันที่เขานัดค้าขายกับเผ่าเงือกเป็นครั้งที่สอง
เมื่อเทียบกับการค้าขายอย่างเร่งรีบในครั้งแรก ขนาดของการค้าขายในครั้งนี้ใหญ่กว่ามากอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงเท่านั้น
เฉินเต้าเสวียนมอบแผนผังแร่ธาตุ สมุนไพรล้ำค่าต่างๆ ให้กับเผ่าเงือกในครั้งที่แล้ว เชื่อว่าครั้งนี้จะมีการเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดคิด
อย่างน้อยที่สุด เขาต้องการซื้อลูกแก้วจิตวิญญาณวารีจากเผ่าเงือก
หลังจากบำเพ็ญเพียรด้วยลูกแก้วจิตวิญญาณวารีมาเป็นเวลานาน เขารู้สึกว่าตัวเองขาดมันไม่ได้แล้ว
ท้ายที่สุด หลังจากได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของการบำเพ็ญเพียรความเร็วสูงแล้ว ใครจะอยากกลับไปสู่สถานะการบำเพ็ญเพียรแบบช้าๆ ในอดีต?
เฉินเต้าเสวียนคาดว่า
หากลูกแก้วจิตวิญญาณวารี โอสถ และทรัพยากรบ่มเพาะอื่นๆ ของเขายังคงเพียงพอ เขามั่นใจว่าจะไปถึงระดับขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นเก้าก่อนอายุยี่สิบปี
แม้ว่าจะยังคงห่างไกลจากโจวมู่ไป๋ที่สร้างรากฐานได้สำเร็จเมื่ออายุยี่สิบเอ็ดปี
แต่ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรนี้ หากนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ฝึกตนอิสระและศิษย์ของตระกูลขนาดเล็ก คงจะทำให้คนอื่นตกตะลึง
….
เกาะหงซาน
เมื่อเทียบกับภูมิประเทศที่ซับซ้อนของเกาะซวงหู อย่างเช่น ที่ราบ ทะเลสาบ ภูเขา รูปแบบของเกาะหงซานนั้นชัดเจนกว่ามาก
มีเพียงที่ราบกว้างใหญ่และทะเลสาบน้ำจืดจำนวนมาก ดูเหมือนว่าทั้งเกาะจะไม่มีทิวทัศน์อะไรมากมาย นอกจากป่าสนแดงอันกว้างใหญ่
หากเกาะแบบนี้อยู่บนโลก แน่นอนว่าต้องเป็นเกาะมหาสมบัติ
ทรัพยากรที่ดินบนเกาะอุดมสมบูรณ์ ทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และมีทรัพยากรน้ำจืดมากมาย เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์
แต่ในโลกนี้ เพียงแค่ไม่มีเส้นพลังปราณ ก็หมายความว่ามันจะกลายเป็นเกาะร้างที่ไม่มีคนอาศัยอยู่
เฉินเต้าเสวียนมาถึงเกาะแห่งนี้อีกครั้ง
เมื่อมองไปรอบๆ
เขาก็บินไปทางเหนือของเกาะ