ตอนที่แล้วบทที่ 43 แผนการขยายตระกูล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 45 สนทนายามค่ำคืน

บทที่ 44 พรสวรรค์ทางธุรกิจของเฉินเซียนเหอ


บทที่ 44 พรสวรรค์ทางธุรกิจของเฉินเซียนเหอ

“ขอรับ”

  

เฉินจือรับคำสั่งแล้วถอยออกไป

  

ในใจเขาพอจะเดาออกแล้วว่า ผู้นำตระกูลรุ่นเยาว์จะใช้วิธีใดในการขยายประชากรหญิงในตระกูล

  

ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่กองกำลังผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดในทะเลหมื่นดวงดาวกำลังทำอยู่ นั่นคือการซื้อทาสหญิงจากอาณาจักรฉู่หยุน

(ขอเปลี่ยนเป็น อาณาจักรฉู่หยุนนะครับ ในจีนใข้คำว่า 出云国 ฉู่หยุนกั๋ว 国(กั๋ว) คือประเทศ ส่วนเมืองกวงอันนั้นใช้คำว่า 广安府 กวงอันฝู  府(ฝู) ที่หมายถึงอาณาเขต สเกลทั้งสองน่าจะต่างกัน ส่วนแคว้นเซียนหยุน仙云洲 น่าจะใหญ่กว่า 洲(โจว) แปลว่ามณฑลหรือแคว้น )

  

สงครามระหว่างนิกายกระบี่เฉียนหยวนกับอาณาจักรฉู่หยุนของแคว้นเซียนหยุน ดำเนินมาเป็นเวลาสี่ร้อยปีแล้ว

  

ในช่วงสี่ร้อยปีนี้

  

ไม่ว่าจะเป็นเชลยศึกของผู้ฝึกตนของอาณาจักรฉู่หยุน หรือคนธรรมดา ต่างก็ถูกขายมายังทะเลหมื่นดวงดาวจำนวนมาก พวกเขากลายเป็นทาสของกองกำลังผู้ฝึกตนต่างๆ ในทะเลหมื่นดวงดาว

  

เชลยศึกที่เป็นผู้ฝึกตนของอาณาจักรฉู่หยุนยังดีกว่าหน่อย

  

หากกองกำลังของศัตรูสามารถจ่ายหินจิตวิญญาณได้ นิกายกระบี่เฉียนหยวนอนุญาตให้อีกฝ่ายไถ่ตัวเชลยศึกได้โดยการจ่ายหินจิตวิญญาณ

  

อาณาจักรฉู่หยุนก็ปฏิบัติต่อเชลยศึกของนิกายกระบี่เฉียนหยวนเช่นเดียวกัน

  

ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันมาหลายปี ได้สร้างกฎที่ไม่ได้พูดออกมาเป็นชุดๆ

  

ทุกคนต่างต่อสู้ภายใต้กฎที่ไม่ได้พูดนี้

  

มิฉะนั้น หากทั้งสองฝ่ายไม่ทำตามกฎใดๆ เลย ผู้ฝึกตนระดับสูงของทั้งสองฝ่ายจะสังหารผู้ฝึกตนระดับล่างของอีกฝ่ายอย่างไม่เลือกหน้า การกระทำเช่นนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสร้างความเสียหายให้กับกองกำลังของศัตรูและทำลายรากฐานของศัตรู

  

แต่ไม่ว่าจะเป็นนิกายกระบี่เฉียนหยวน หรือนิกายที่อยู่เบื้องหลังอาณาจักรฉู่หยุน ต่างก็ไม่ได้เลือกวิธีนี้

  

และในสายตาของเฉินเต้าเสวียน

  

ผู้ฝึกตนระดับสูงนั้นเปรียบเสมือนอาวุธนิวเคลียร์ เป็นกำลังทางยุทธศาสตร์ของกองกำลังผู้ฝึกตน

  

ส่วนสงครามระหว่างทะเลหมื่นดวงดาวกับอาณาจักรฉู่หยุน เป็นการค่อยๆ บั่นทอนกำลังของอีกฝ่าย

  

โดยอาศัยเมืองเซียนทั้งเจ็ดแห่งที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนสร้างขึ้น ไม่สิ ตอนนี้เหลือแค่หกแห่ง ทุกๆ ปีต่างก็คร่าชีวิตผู้ฝึกตนของทั้งสองฝ่ายไปมากมาย

  

หลังจากทำสงครามกันมาหลายปี

  

ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆ อีกต่อไป

  

หากการที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนโจมตีอาณาจักรฉู่หยุนในตอนแรกเป็นเพียงผลประโยชน์และการแก้แค้น

ทว่าตอนนี้ ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่ผลประโยชน์อีกต่อไป แต่ยังรวมถึงความแค้นที่สั่งสมมาสี่ร้อยปีด้วย!

  

ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลเฉินบนเกาะซวงหูสูญเสียผู้ฝึกตนสิบสองคนในสนามรบอาณาจักรฉู่หยุน แล้วพวกเขาจะไม่เกลียดชังผู้ฝึกตนของอาณาจักรฉู่หยุนได้อย่างไร?

  

มันต้องเกลียดแน่นอนอยู่แล้ว!

  

ทัศนคติของผู้ฝึกตนของอาณาจักรฉู่หยุนที่มีต่อผู้ฝึกตนของทะเลหมื่นดวงดาวก็เช่นเดียวกัน

  

แต่จากผลการทำสงครามของทั้งสองฝ่ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นิกายกระบี่เฉียนหยวนมีชัยเหนือกว่ามาโดยตลอด และยังคงรักษาความได้เปรียบในการโจมตีอาณาจักรฉู่หยุนไว้ได้เสมอ

  

นอกจากการสูญเสียเมืองเซียนไปหนึ่งแห่งในสงครามเมื่อห้าสิบปีก่อน นิกายกระบี่เฉียนหยวนก็ไม่ค่อยพ่ายแพ้ในสงครามกับอาณาจักรฉู่หยุนอีกเลย…

  

หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ ในตระกูล เฉินเต้าเสวียนนำกระบี่บินเงาแดงที่เหลืออีกกว่าห้าสิบเล่ม เดินทางไปยังเมืองกวงอัน

  

หนึ่งเดือนต่อมา

  

บนดาดฟ้าเรือมังกรฟ้าง

  

“ฟู่—!”

  

เฉินเต้าเสวียนยืดเส้นยืดสาย มองดูท่าเรือเมืองกวงอันที่เต็มไปด้วยเรือใบสีขาวสุดลูกหูลูกตา ผ่อนลมหายใจออกมา

  

“ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง มันก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าช่างยิ่งใหญ่อลังการ!”

  

แม้จะมองด้วยสายตาของคนจากโลกเดิม

  

ปริมาณการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเมืองกวงอัน ก็เกินกว่าท่าเรือสมัยใหม่ใดๆ ในโลกเดิมมาก

  

เท่าที่เฉินเต้าเสวียนรู้

  

มีคนของตระกูลโจวอาศัยอยู่ในเมืองกวงอันมากกว่าหนึ่งล้านคน

  

ต้องรู้ก่อนว่า นี่ไม่ใช่เมืองสมัยใหม่ที่มีตึกสูงระฟ้าอยู่ทั่วไป งเมืองกวงอันไม่มีอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กมากมายขนาดนั้น ที่สามารถเพิ่มความหนาแน่นของประชากรในเมืองได้

  

ที่เมืองกวงอันสามารถรองรับประชากรได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะเขตเมืองที่กว้างใหญ่ไพศาล มองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ใหญ่กว่าเมืองในโลกเดิมมากมายหลายเท่า!

  

เมื่อมาถึงเมืองกวงอันเป็นครั้งที่สอง

  

เฉินเต้าเสวียนเริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี

  

ในไม่ช้า เขาก็จัดหาที่พักให้กับคนในตระกูลที่เดินทางมาด้วยกันที่โรงเตี๊ยมสำหรับคนธรรมดาในเมือง

  

หลังจากจัดการเรื่องที่พักของคนในตระกูลแล้ว

  

เฉินเต้าเสวียนก็เดินไปยังตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระในเขตเมืองชั้นในของเมืองกวงอันเพียงลำพัง

  

เขาต่อแถว เข้าเขตเมืองชั้นใน

  

หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ เวลาก็ใกล้จะถึงพลบค่ำแล้ว

  

เฉินเต้าเสวียนไม่กล้าเสียเวลา จึงเรียกรถม้าสัตว์อสูรเหยียบเมฆาไปยังร้านกระบี่บินหงอิน(ร้านกระบี่เหินเสียงสายรุ้ง) ในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระทันที

  

หนึ่งก้านธูปต่อมา

  

เฉินเต้าเสวียนลงจากรถ

  

หลังจากลงจากรถ เขาก็แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

  

ในตอนนี้ ร้านกระบี่บินหงอินถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ฝึกตนอิสระ และผู้ฝึกตนจากตระกูลขนาดเล็กที่อยู่ในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ

  

“เถ้าแก่ รีบเริ่มเถอะ เวลาใกล้จะมืดแล้ว!”

  

“ใช่ๆ รีบจับฉลากเร็วเข้า!”

  

“เถ้าแก่เฉิน รีบเริ่มเร็วๆ ข้ามาเป็นเดือนแล้ว ไม่เคยจับฉลากได้เลย ข้าไม่เชื่อว่าโชคของข้าจะแย่ขนาดนี้ จับฉลากสักครั้งก็ไม่ได้!”

  

“เจ้ายังนับว่าอะไร ข้ายืนรออยู่ที่นี่ตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว!”

  

“...”

  

เฉินเต้าเสวียนยืนอยู่นอกฝูงชน ฟังเสียงพูดคุยกันจอแจ มองดูร้านกระบี่บินหงอินที่ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน ในที่สุดเขาก็รู้เรื่องราวทั้งหมด

  

ปรากฏว่า กระบี่บินระดับหนึ่งขั้นต่ำ และระดับหนึ่งขั้นหลาง ทั้งหมดหลายสิบเล่มขายหมดเกลี้ยงไม่นานหลังจากเปิดร้านในวันแรก

  

เฉินเต้าเสวียนเตรียมใจไว้แล้วว่ากระบี่บินในร้านกระบี่บินหงอินจะขายดี

  

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ได้ทำการสำรวจตลาดอย่างละเอียดก่อนเปิดร้าน

  

คุณภาพของอาวุธวิเศษในร้านอาวุธวิเศษอื่นๆ นั้นเทียบไม่ได้กับร้านกระบี่บินหงอิน

  

เพราะฉนั้น เป็นไปไม่ได้ที่กระบี่บินของตระกูลเขาจะขายไม่ออก

  

แต่เฉินเต้าเสวียนไม่เคยคิดเลยว่า ร้านกระบี่บินหงอินจะสร้างความฮือฮาในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระเช่นนี้

  

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาให้กระบี่บินเฉินเซียนเหอไปไม่ถึงสี่สิบเล่ม

  

ตามความนิยมที่เฉินเต้าเสวียนเห็น น่าจะขายหมดไปนานแล้ว ไม่น่าจะมีฉากแบบนี้สิ ใช่ไหม?

  

สาเหตุที่ร้านกระบี่บินหงอินได้รับความนิยมเช่นนี้ เป็นเพราะเฉินเซียนเหอเล่นกลยุทธ์การตลาดแบบ "สร้างความต้องการเทียม" หรือ "ทำให้สินค้าดูขาดตลาด"

  

ในวันแรกที่ร้านกระบี่บินหงอินเปิดทำการ เฉินเซียนเหอก็รู้ว่ากระบี่บินของตระกูลเขาจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

  

แต่เขาก็รู้ดีว่า สินค้าในร้านกระบี่บินหงอินไม่สามารถตอบสนองตลาดขนาดใหญ่ของผู้ฝึกตนอิสระได้

  

ต้องรู้ก่อนว่า

  

มีผู้ฝึกตนประจำอยู่หลายแสนคนในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระของเมืองกวงอัน นับประสาอะไรกับผู้คนที่เดินทางไปมาทุกวัน

  

ตามสถิติของตระกูลโจว มีผู้ฝึกตนเดินทางเข้าออกเมืองกวงอันมากกว่า 500,000 คนต่อวัน

  

นี่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองกวงอัน

  

ด้วยตลาดขนาดใหญ่เช่นนี้ สินค้าเพียงเล็กน้อยในร้านกระบี่บินหงอิน มันก็เหมือนกับน้ำหยดเดียวในมหาสมุทร

  

เฉินเซียนเหอไม่สามารถขายกระบี่บินทั้งหมดในวันแรก แล้วปิดร้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าได้

  

ดังนั้น

  

เฉินเซียนเหอที่ฉลาดหลักแหลมจึงคิดหาวิธี นั่นคือ… การจับฉลาก!

  

ในช่วงแรกที่ร้านกระบี่บินหงอินเปิดทำการ เขาจะจับฉลากลูกค้าผู้โชคดีหนึ่งคนในแต่ละวัน เพื่อรับสิทธิ์ในการซื้อกระบี่บินจากร้านกระบี่บินหงอินในราคาตลาด

  

เฉินเต้าเสวียนทิ้งอาวุธวิเศษระดับหนึ่งขั้นต่ำไว้ 23 เล่ม และอาวุธวิเศษระดับหนึ่งขั้นกลางไว้ 11 เล่ม

  

ในอัตราเช่นนี้ จะสามารถรองรับได้นานที่สุดเพียงเดือนกว่าๆ ร้านกระบี่บินหงอินก็ต้องปิดตัวลง

  

เฉินเซียนเหอที่จนตรอก จึงต้องขยายช่วงเวลาของการจับฉลากแต่ละครั้ง

  

จนถึงตอนนี้ เฉินเซียนเหอจับฉลากสัปดาห์ละครั้ง ในที่สุดก็รอจนกระทั่งเฉินเต้าเสวียนมาเติมสินค้า

  

เฉินเซียนเหอกวาดสายตามองไปรอบๆ ขณะกำลังจะเริ่มจับฉลาก สายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินเต้าเสวียนในฝูงชนพอดี ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

  

เฉินเต้าเสวียนพบว่า แม้จะเจอกันเพียงไม่กี่เดือน แต่สีหน้าของท่านอาสิบสามกลับดีกว่าตอนอยู่ที่ตระกูลมาก

  

มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อไม่มีเรื่องน่ารำคาญใจในตระกูล ประกอบกับธุรกิจของร้านกระบี่บินหงอินที่เฟื่องฟู สีหน้าของเฉินเซียนเหอจะไม่ดีได้อย่างไร ใช่ไหม?

  .

“เถ้าแก่เฉิน รีบจับฉลากเถอะ! ทุกคนรออยู่”

  

“ใช่ รีบจับฉลากเถอะ ข้ารอมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว”

  

“รีบจับฉลากเถอะ!”

  

“...”

  

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของทุกคน เฉินเซียนเหอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกล่องหินสีดำ

  

เฉินเซียนเหอมองดูกระดาษแผ่นนั้น “ยินดีกับลูกค้าหมายเลข 甲(เจี่ยหรือA) - 7 ที่ได้รับสิทธิ์ในการซื้อกระบี่บินจากร้านของเรา!”

  

“ข้า ข้า ข้า เป็นข้า! ฮ่าๆๆ!”

  

ชายร่างเตี้ย ใบหน้าตึงเครียด เบียดเสียดออกมาจากฝูงชน โบกกระดาษแผ่นหนึ่งที่เหมือนกับของเฉินเซียนเหอ พลางโห่ร้องด้วยความดีใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด