ตอนที่แล้วบทที่ 40 การค้ามาถึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 เงินก้อนแรก

บทที่ 41 เริ่มค้าขาย


บทที่ 41 เริ่มค้าขาย

ห้าวันต่อมา

  

โรงงานกระบี่บินหงอิน

  

เฉินเหลียงยวี่เดินเข้ามาหาเฉินเต้าเสวียนด้วยสีหน้ากังวล “ผู้นำตระกูลรุ่นเยาว์ แร่จิตวิญญาณในคลังเหลือพอให้โรงงานผลิตได้อีกแค่หนึ่งวันเท่านั้น”

  

หมดเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?

  

“ฮู่ว—!”

  

เฉินเต้าเสวียนเงยหน้าขึ้น ผ่อนลมหายใจออกมา “ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว อีกสองวันข้าจะไปเมืองกวงอันด้วยตัวเองเพื่อขายกระบี่ชุดนี้”

  

พูดจบ เขาก็ตบไหล่เฉินเหลียงยวี่ “หลังจากข้าไปแล้ว โรงงานกระบี่บินหงอินก็ฝากเจ้าดูแลด้วยนะ”

  

“ขอรับ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

  

เฉินเหลียงยวี่กล่าวอย่างหนักแน่น

  

“อืม”

  

เฉินเต้าเสวียนพยักหน้าพอใจ ขณะกำลังจะให้กำลังใจอีกสองสามประโยค ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงโบกมือ “เจ้าไปทำงานเถอะ”

  

“ขอรับ”

  

หลังจากเฉินเหลียงยวี่จากไป

  

เฉินเต้าเสวียนหยิบเกล็ดสีเขียวออกมาจากถุงเก็บของ

  

ในตอนนี้ เกล็ดสีเขียวเปล่งแสงสีแดงออกมา พร้อมกับแผ่ความร้อนออกมาเล็กน้อย

  

เฉินเต้าเสวียนจึงทำตามวิธีที่ลั่วหลีบอกไว้ ส่งพลังปราณแก่นแท้เข้าไปในเกล็ดสีเขียว จากนั้นก็ส่งจิตสำนึกเข้าไป

  

พริบตาต่อมา

  

ข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเฉินเต้าเสวียน

  

“สี่ร้อยลี้... เกาะหงซาน”

  

เฉินเต้าเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปทางทิศตะวันออกของเกาะซวงหู

  

จากข้อความที่ลั่วหลีส่งมา ดูเหมือนว่านางต้องการค้าขายกับเขาที่เกาะหงซาน

  

เกาะหงซานเป็นเกาะร้างขนาดใหญ่ใกล้ๆ กับเกาะซวงหู อยู่ห่างออกไปประมาณสี่ร้อยลี้

  

แต่เมื่อเทียบกับเกาะซวงหูแล้ว ทรัพยากรการบ่มเพาะพลังบนเกาะหงซานนั้นย่ำแย่กว่ามาก

  

อย่างน้อยเกาะซวงหูก็ยังมีแร่ทองแดง และดวงตาแห่งจิตวิญญาณสำหรับผู้ฝึกตน

  

ส่วนเกาะหงซาน นอกจากต้นสนแดงที่ขึ้นอยู่เต็มเกาะแล้ว มันก็ไม่มีทั้งแร่ธาตุและดวงตาแห่งจิตวิญญาณเลย

  

ส่วนเส้นพลังปราณที่ทรงพลังกว่านั้น เราไม่ต้องพูดถึง

  

ที่นั่นเป็นเกาะร้างโดยสมบูรณ์ นอกจากพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเกาะซวงหูแล้ว มันก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับผู้ฝึกตน

  

อย่าว่าแต่ตระกูลผู้ฝึกตนเลย แม้แต่ผู้ฝึกตนอิสระก็ไม่ต้องการตั้งถิ่นฐานในสถานที่แบบนั้น

  

จริงๆแล้ว บริเวณรอบๆ ทะเลของเกาะซวงหู

  

มีหมู่เกาะอยู่มากมาย แต่เกาะที่มีทรัพยากรบ่มเพาะนั้นแทบไม่มีเลย

  

อย่างน้อยในบันทึกโบราณของตระกูลเฉิน ในทะเลบริเวณนี้ในรัศมีพันลี้ นอกจากเกาะซวงหูที่มีดวงตาแห่งจิตวิญญาณสองสามแห่งแล้ว เกาะอื่นๆ ล้วนเป็นเกาะร้าง ไม่มีแม้แต่ดวงตาแห่งจิตวิญญาณ

  

แน่นอน…

  

อาจจะมีดวงตาแห่งจิตวิญญาณสองสามแห่งในสถานที่ลับๆ บนเกาะเหล่านั้น แต่ยังไม่มีใครค้นพบ

  

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม…

  

แม้ว่าจะมีเกาะมากมายรอบๆ ทะเลของเกาะซวงหู แต่ผู้ฝึกตนกลับมีน้อยมาก

  

ดูเหมือนว่านอกจากตระกูลเฉินบนเกาะซวงหูแล้ว ก็มีเพียงสถานที่ที่เรียกว่าเกาะเฟิงกู่ ที่มีผู้ฝึกตนอิสระระดับขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นห้าอาศัยอยู่

  

เมื่อเฉินเต้าเสวียนได้รับข้อความจากลั่วหลี เขาก็รู้สึกดีใจมาก

  

เมื่อเทียบกับการไปขายกระบี่วิเศษให้กับผู้ฝึกตนอิสระที่เมืองกวงอัน การค้าขายกับเผ่าเงือกนั้นทำกำไรได้มากกว่า

  

ในตลาดผู้ฝึกตนอิสระที่เมืองกวงอัน

  

ต่อให้กระบี่บินหงอินจะมีราคาแพงแค่ไหน มันก็คงไม่เกินร้อยหินจิตวิญญาณต่อหนึ่งเล่ม

  

ส่วนเผ่าเงือก พวกเขาเสนอราคาให้ถึงห้าเท่า!

  

จากมุมมองของผลประโยชน์ ควรเลือกค้าขายกับใครนั้นเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัด

  

และช่วงที่ผ่านมา เฉินเต้าเสวียนเองก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เผ่าเงือกจะมาค้าขายกับเขา ไม่คิดว่าจะต้องรอนานกว่าสองเดือน ถึงจะมีข่าวคราว

  

หลังจากจัดการความคิดของตัวเองแล้ว

  

เฉินเต้าเสวียนตรวจสอบกระบี่บิน 178 เล่มในถุงเก็บของ จากนั้นก็ใช้ทักษะควบคุมสายลม บินไปยังเกาะหงซานเพียงลำพัง

  

ต่างจากการเดินทางไปเมืองกวงอัน ที่ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบหมื่นลี้

  

เกาะหงซานอยู่ห่างจากเกาะซวงหูเพียงสี่ร้อยลี้ ระยะทางแค่นี้ เฉินเต้าเสวียนที่อยู่ในระดับขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นสี่ เขาสามารถบินข้ามไปได้อย่างง่ายดาย

  

เกาะหงซาน

  

เมื่อมองลงมาจากท้องฟ้า เกาะหงซานถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงเพลิง

  

เนื่องจากลักษณะที่โดดเด่นนี้ แม้จะเป็นครั้งแรกที่เฉินเต้าเสวียนมาที่เกาะแห่งนี้ เขาก็สามารถพบเกาะนี้ได้อย่างรวดเร็วในทะเลบริเวณใกล้เคียง

  

เขาลดระดับลง จนมาถึงหน้าผาบนชายฝั่งของเกาะ

  

เฉินเต้าเสวียนหยิบเกล็ดสีเขียวออกมาอีกครั้ง ส่งพลังปราณแก่นแท้เข้าไป

  

จากนั้น ข้อความอีกหนึ่งข้อความก็ถูกส่งมา

  

เฉินเต้าเสวียนแยกแยะทิศทาง จากนั้นก็บินไปทางทิศเหนือของเกาะ

  

ทะเลทางตอนเหนือของเกาะหงซาน

  

กลุ่มเงือกนำโดยลั่วหลี ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มโขดหินที่อยู่ลึกหลายร้อยจั้ง

  

หากสังเกตดีๆ จะพบว่าเงือกเกือบทุกตัวถือหอยเชลล์ขนาดใหญ่อยู่ในมือ จากช่องว่างของหอยเชลล์ สามารถมองเห็นแสงวิญญาณที่ส่องประกายออกมา

  

เห็นได้ชัดว่าหอยเชลล์เหล่านี้ เต็มไปด้วยหินจิตวิญญาณที่เผ่าเงือกเเตรียมไว้สำหรับการค้าขาย

  

“องค์หญิง ทำไมเขายังไม่มา?”

  

เงือกชายร่างกำยำ ผิวสีทองแดง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

  

“ใจเย็นๆ รออีกหน่อย”

  

แม้ว่าลั่วหลีจะรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แต่นางก็ยังคงปลอบใจลูกน้องของนางอย่างอดทน

  

เมื่อได้ยินองค์หญิงกล่าวเช่นนั้น ทุกคนก็รอต่อไปอย่างเงียบๆ

  

“มาแล้ว!”

  

ทันใดนั้น รอยยิ้มแห่งความดีใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของลั่วหลี “ไปกันเถอะ ขึ้นไป!”

  

ลั่วหลีออกคำสั่ง จากนั้นก็นำหน้าว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ

  

เผ่าเงือกมีความเร็วสูงมากในน้ำ

  

เพียงไม่กี่ลมหายใจ กลุ่มเงือกก็ว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว

  

ทันทีที่ลั่วหลีโผล่ขึ้นมาจากน้ำ นางก็เห็นเฉินเต้าเสวียนที่ลอยอยู่กลางอากาศ นางใช้จิตสำนึกตรวจสอบรอบๆ อย่างระมัดระวัง

  

เมื่อพบว่านอกจากเฉินเต้าเสวียนแล้ว ไม่มีใครอื่น ลั่วหลีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  

“ผู้ฝึกตนมนุษย์ เจ้านี่ช่างกล้าจริงๆ กล้ามาคนเดียว เจ้าไม่กลัวว่าพวกเราจะฆ่าเจ้าและยึดอาวุธของเจ้าไปงั้นหรือ?”

  

เมื่อเห็นเฉินเต้าเสวียนที่ถูกล้อมรอบด้วยเผ่าเงือก เขายังคงสงบนิ่ง ลั่วหลีก็รู้สึกไม่สบายใจ

  

หากเป็นเงือกที่ถูกล้อมรอบด้วยผู้ฝึกตนมนุษย์ พวกนางคงจะตัวสั่นด้วยความกลัว

  

ได้ยินดังนั้น เฉินเต้าเสวียนก็ยิ้ม “ข้ารู้ว่าเผ่าเงือกมีชื่อเสียงในเรื่องความซื่อสัตย์ การที่ข้ามาคนเดียว ก็เพราะเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของเผ่าเงือก ยิ่งไปกว่านั้น การค้าขายระหว่างเผ่าพันธุ์ของเราเป็นประโยชน์ร่วมกัน ทำไมพวกเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วย? หรือว่าพวกเจ้าคิดจะค้าขายกับเผ่าพันธุ์ของข้าแค่ครั้งเดียว? ท้ายที่สุดแล้ว อาวุธวิเศษก็มีอายุการใช้งาน พวกเจ้าอาศัยอยู่ในทะเลลึก อายุการใช้งานของอาวุธวิเศษอาจจะสั้นลงอีก หรือว่าเผ่าเงือกจะยอมทิ้งผลประโยชน์ระยะยาวเพื่อแลกกับกระบี่บินร้อยกว่าเล่มนี้? ดังนั้น ข้าจะต้องกลัวอะไร?”

  

ลั่วหลีต้องการเอาชนะอีกฝ่ายด้วยความน่าเกรงขาม ไม่คิดว่าเฉินเต้าเสวียนจะลบล้างความน่าเกรงขามที่นางสร้างขึ้นมาอย่างง่ายดายด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

  

เมื่อมองไปที่เฉินเต้าเสวียนที่ยิ้มแย้ม ลั่วหลีอ้าปากค้าง สุดท้ายก็ได้แต่พูดด้วยความหดหู่ “สมกับเป็นผู้ฝึกตนมนุษย์ ช่างเจรจาต่อรองเก่งจริงๆ”

  

“ขอบคุณที่คุณหนูลั่วหลีเอ่ยชม”

  

เฉินเต้าเสวียนโค้งคำนับ “แต่เรามาค้าขายกันก่อนเถอะ แบบนี้จะทำให้เผ่าพันธุ์ของเราสบายใจกันทั้งสองฝ่าย”

  

เมื่อได้ยินเฉินเต้าเสวียนพูดถึงการค้าขาย ลั่วหลีก็ละทิ้งความหดหู่ใจเมื่อครู่นี้ทันที นางถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าเอาอาวุธมาด้วยกี่เล่ม?”

  

เฉินเต้าเสวียนไม่พูดอะไร หยิบกระบี่บินกว่าร้อยใบออกมาจากถุงเก็บของโดยตรง

  

ทันใดนั้น

  

แสงวิญญาณก็ส่องประกายไปทั่วท้องทะเล

  

เมื่อเผ่าเงือกเห็นกระบี่บินที่คมกริบเหล่านี้ ทั้งหมดต่างก็ตาแดงก่ำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด