บทที่ 189 การรวมกลุ่มอันประหลาด
สิ่งที่ทำหยางเสี่ยวเทียนถึงกับลอบประหลาดใจ คือผู้นำคณะขนสินค้าจากสมาคมการค้าเฟิงยวิน กลับเป็นสตรีผู้มีใบหน้างามคุ้นเคย ร่วมเดินทางมาพร้อมเหล่าบริวารครานี้ด้วย
เหวินจิงอวี๋สวมชุดคลุมดำสนิท ขลับกับผิวกายผ่องอ่อนโยนภายใต้แสงนวลของจันทราจนเด่นชัด ร่างบอบบางอรชรขณะนั่งคร่อมสัตว์อสูรม้ามังกร เผยให้เห็นช่วงขาอันเรียวยาวอย่างไม่ตั้งใจ
ไม่ว่าเขาจะพบพานนางที่เมืองซิงเยว่หรือเสินเจี้ยน ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของนางก็ยังคงตื่นตาตรึงใจให้รู้สึกครั่นคร้ามได้ตลอด
ที่เหวินจิงอวี๋ร่วมเดินทางมากับคณะขนสินค้าในครานี้ เพราะสมาคมการค้าเฟิงยวินสาขาหลัก เรียกตัวกลับเพื่อคืนตำแหน่งเดิมให้แก่นางอีกครั้ง
ซึ่งแน่นอนว่าครั้นมีโอกาสกลับมาเยือนเมืองหลวงคราวนี้ นางก็นำสินค้าอีกจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงการเปลี่ยนแปลงของนางในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เหวินจิงอวี๋ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นข้องใจ หากไม่ใช่เพราะใต้เท้าหลง นางคงไม่มีวันได้กลับมายังสาขาหลักเพื่อปฏิบัติหน้าที่เดิมเร็วเช่นนี้
ครั้นคราวนี้นางถึงสาขาหลัก แน่นอนว่านางไม่เพียงได้รับตำแหน่งเดิมคืนมาเท่านั้น แต่ยังได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการอาวุโสอีกด้วย
ด้วยวัยของนางเพียงเท่านี้ เป็นเรื่องน่าทึ่งแลยินดีอย่างยิ่ง ที่มีสิทธิ์ได้รับเลือกให้เข้าร่วมคณะกรรมการอาวุโสของสมาคมค้าเฟิงยวินสาขาหลัก
ทั้งนางยังจะกลายเป็นผู้อาวุโสที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ของสมาคมการค้าเฟิงยวินคนแรก ซึ่งเป็นกิจการหลักคอยสร้างเม็ดเงินแลอำนาจมหาศาลประจำตระกูล
ส่วนบุคคลสำคัญที่นางยังคงรู้สึกซาบซึ้งพร้อมประทับใจอยู่เสมอ คือใต้เท้าหลงผู้ถือเป็นพระคุณต่อนางยิ่ง
“คุณหนู ถึงอย่างไรวันนี้เราก็ช้าจนเวลาล่วงเลยมากแล้ว ควรพักค้างคืนที่นี่ดีหรือไม่” บุคคลผู้กล่าวเบื้องหลังเหวินจิงอวี๋ คือผู้แลสมาคมการค้าเฟิงยวินเหวินซิ่วหลาน
เหวินจิงอวี๋พยักหน้า พร้อมบอกให้ทุกคนหยุดเคลื่อนขบวนแล้วหาที่พักผ่อน ณ จุดนั้น นางถึงปรากฏเห็นหยางเสี่ยวเทียนและคนทั้งสอง กำลังย่างเนื้อและนั่งดื่มรอบกองไฟจากระยะไกล
นางคิดลังเลอยู่ครู่ ก่อนตัดสินใจเดินออกจากกลุ่ม
“คุณหนู ระวังตัวด้วย” เหวินซิ่วหลานเห็นสิ่งนี้จึงเอ่ยปรามขณะคว้าแขนนางไว้ ก่อนกล่าวถึงเหตุผล “สามคนนั่นเป็นผู้ใด เราไม่ทราบได้”
เหวินจิงอวี๋จับมือนาง “ไม่เป็นไร” จากนั้นสืบเท้าไปยังกลุ่มของหยางเสี่ยวเทียนและคนอื่นๆ พร้อมยกมือกำหมัดแน่น “ข้าเหวินจิงอวี๋ จากสมาคมการค้าเฟิงยวิน ไม่ทราบว่าข้าขอร่วมนั่งดื่มกับพวกท่านทั้งสามได้หรือไม่”
นี่เป็นครั้งแรก ที่นอกจากหยางเสี่ยวเทียนได้เห็นคิ้วอันโค้งมนบนใบหน้านวลชมพูด้วยประหม่าระหว่างสนทนากับใต้เท้าหลงแล้ว เขายังได้ประสบพบอีกด้านอันกล้าหาญของเหวินจิงอวี๋
หยางเสี่ยวเทียนเผยยิ้มก่อนเอ่ยย้อนถามหยั่งเชิงดูท่าที
“เจ้าไม่กลัวว่าเราจะวางยาพิษในสุรา แล้วปล้นสินค้าของเจ้าหรือ” จากนั้นเหลือบมองเหวินซิ่วหลานที่ยืนสังเกตการณ์ห่างออกไป
“หากพวกท่านต้องการปล้นสินค้าจากเราจริง คงไม่ส่งเด็กมาปล้นหรอกใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงโชคดีมาก” เหวินจิงอวี๋เอ่ยเย้า ชวนให้ขัน
ครั้นท่าทีนางวางตัวมิมีสะเทิ้นกลัว หยางเสี่ยวเทียนจึงยิ้มก่อนชี้หาที่นั่งว่างข้างกองไฟ เชิญนางร่วมดื่มอย่างยินดี
“รบกวนท่านแล้ว” กล่าวจบเหวินจิงอวี๋ก็เดินไปยังที่นั่ง
แน่นอนว่าหยางเสี่ยวเทียนจำเหวินจิงอวี๋ได้ดี แต่นางไม่รู้จักเขา ด้วยการพบกันทุกคราของทั้งคู่เขามาภายใต้บุคคลปริศนา
หลังนางนั่งลงได้สักพัก เหวินจิงอวี๋พลางลอบมองหยางเสี่ยวเทียนและคนทั้งสองอย่างสงสัย เกิดคำถามในใจ ว่าเหตุไฉนทั้งสามถึงรวมกลุ่มกันมาได้ประหลาดนัก
ผู้เฒ่าที่สังขารใกล้โรยรามิน่าเดินทางไกลด้วยไม้เท่าเพียงอย่างเดียวไหว กับชายวัยกลางคน ผู้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ปกป้องทั้งสองจากภยันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างทางได้ และพ่อหนุ่มน้อยช่างวาจาน่ารักมิอ่อนประสาเหมือนเด็กทั่วไป
และที่แปลกยิ่งกว่านั้น คือในบรรดาสามคนนี้ ผู้นำกลับเป็นหยางเสี่ยวเทียนอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาใคร่สงสัยของนาง จ้องมองไปยังใบหน้าขาวชวนเอ็นดูรับกับคิ้วเข้มมีเสน่ห์ของหยางเสี่ยวเทียน ก่อนเปิดริมฝีปากบางถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ไม่ทราบว่าคุณชาย จะเดินทางไปไหนกันหรือ”
“หวังเฉิง” หยางเสี่ยวเทียนกล่าว ด้วยไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง จากนั้นหันหยิบไหสุราขนาดพอดีมือโยนมันให้เหวินจิงอวี๋
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยกขึ้นจิบแล้วดื่มอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงความหอมอบอวลที่ก่อตัวในไหขณะรสชาติแผ่ซ่านไปทั่วไรฟัน ด้วยกลิ่นอันหอมหวานนี้ แตกต่างจากกลิ่นสุราทั่วไปที่นางเคยได้ลิ้มลองอยู่มาก
หลังดื่มมันไปเพียงสองอึก ความอบอุ่นพลางซึบซาบทั่วร่างกาย ทำให้รู้สึกกระทั่งสบายตัวแลผ่อนคลายได้อย่างน่าประหลาด
นางละสายตาจากไหสุรา ก่อนจับจ้องมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยดวงตาขณะต้องกับแสงนวลจากจันทร์ จนเป็นประกายงามราวดวงราดายามค่ำคืน
“สุราดี! คุณชาย สุรานี่ทำมาจากอะไรงั้นหรือ รสชาติดีมาก”
ตอนนางดูแลสมคาการค้าที่เมืองซิงเยว่และเมืองเสินเจี้ยน บางครั้งก็หลีกเลี่ยงการเข้าพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือจากแขกเหรื่อผู้มีอำนาจทางการค้าไม่ได้
ซึ่งทุกครั้ง ก็ต้องมีสุราชั้นดีขณะนั่งเสวนากับบรรดาแขกผู้มีเกียรติ เพื่อสร้างบรรยากาศระหว่างสนทนาทางการค้าให้ร่าบรื่น นางจึงพอมีความรู้เกี่ยวกับสุราดีด้วยเคยลิ้มลองอยู่บ่อยครั้ง แต่สุรารสชาติน่าหลงใหล ทั่งส่งกินหอมได้เย้ายวนชวนให้ดื่มเช่นนี้ นางไม่เคยพบว่ามีปรากฏในอาณาจักรเสินไห่มาก่อน
“ข้ากลั่นเอง” หยางเสี่ยวเทียนแย้มยิ้มอย่างยินดี หลังเห็นว่านางชอบ
“การดื่มมันเป็นประจำ สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญ ทำให้ใบหน้างดงามของเจ้า สะคราญตาจากเดิมทวีขึ้นไปอีก” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยร้อยยิ้มแต่วาจานั้นช่างหยอกเย้า
เขาเพิ่มสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถมากมายลงในสุรา นั่นจึงทำให้มันส่งกลิ่นหอมเย้ายวนและรสชาติคราได้ดื่มจึงสดชื่นยิ่งนัก
ทั้งหมดนี้ หยางเสี่ยวเทียนหมักมันด้วยวิธีโบราณ
มันสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย และกระตุ้นพลังชีวิตราวกับการดื่มน้ำอมฤตมิมีผิด ด้วยสรรพคุณของมันแน่นอนว่าย่อมมีผลต่อความงามของสตรีเช่นกัน