ตอนที่แล้วบทที่ 14 เรือรบหลิงซู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 ตลาดนัดของผู้ฝึกตนอิสระ

บทที่ 15 เมืองกวงอัน


บทที่ 15 เมืองกวงอัน

  

สองชั่วโมงต่อมา

  

  

เรือมังกรฟ้าจอดเทียบท่า

  

  

หลังจากล่องเรือมาหนึ่งเดือน ในที่สุดเฉินเต้าเสวียนก็ได้เหยียบพื้นดินเสียที

  

  

“ที่นี่คือเมืองกวงอันงั้นเหรอ?”

  

  

เฉินเต้าเสวียนอดไม่ได้ที่จะพูด เมื่อเขามองไปรอบๆ ที่ผู้คนพลุกพล่าน และเบียดเสียดกัน

  

“ใช่ ที่นี่คือเมืองกวงอัน!”

  

  

เฉินเซียนเหอก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเช่นกัน เมื่อเห็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในรัศมีหมื่นลี้

  

  

ในสายตาของเฉินเต้าเสวียน ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองกวงอันนั้น ไม่เหมือนกับสังคมโบราณในชาติที่แล้ว แต่เหมือนกับเมืองชายฝั่งทะเลในอารยธรรมสมัยใหม่

  

  

อย่างแรก เมืองนี้ไม่มีกำแพงเมืองเหมือนสมัยโบราณ เป็นเมืองที่เปิดกว้างโดยสมบูรณ์

  

  

อย่างที่สอง อาคารภายในเมืองมีมากเกินไป หลังต่อหลัง บ้านเรือน ร้านอาหาร โรงเตี๊ยม ร้านค้า... มากมายนับไม่ถ้วน

  

  

เมื่อลงจากเรือ…

  

  

เฉินเต้าเสวียนพบว่า ที่ท่าเรือ มีกลุ่มปุถุชนแต่งกายแปลกๆ กำลังแบกกระสอบป่าน พวกเขาย้ายสินค้าไปยังรถม้าที่มีสัตว์อสูรเหยียบเมฆาเทียมอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน

  

  

พวกเขาสวมกุญแจมือ เดินอย่างยากลำบาก และทุกๆ คนงานขนของหลายสิบคน ก็จะมีนักรบปุถุชนถือแส้เดินตามมา ดูเหมือนจะคอยกำกับดูแลพวกเขา

  

  

เฉินเต้าเสวียนใช้จิตสำนึกกวาดไป

  

  

เขาพบว่าในกระสอบป่านนั้นบรรจุธัญพืช

  

  

เฉินเซียนเหอที่เดินเคียงข้างมองตามสายตาของเฉินเต้าเสวียน เขาอธิบายว่า “นั่นคือเชลยศึกปุถุชนจากเมืองฉู่หยุน หลังจากถูกผู้ฝึกตนที่ไม่ได้สังกัดนิกายใดๆ และตระกูลเล็กๆ ซื้อไป พวกเขาก็จะกลายเป็นทาส”

  

  

“ใช้ปุถุชนเป็นทาส?”

  

  

เฉินเต้าเสวียนคิดมาตลอดว่า ปุถุชนเป็นเพียงเครื่องมือในการให้กำเนิดผู้ฝึกตนเท่านั้น

  

  

ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ฝึกตนที่ใช้ปุถุชนเป็นทาสอยู่ด้วย!

  

  

ดูเหมือนจะเห็นความสงสัยของเขา เฉินเซียนเหอก็ยิ้มๆ “แน่นอนว่าผู้ฝึกตนอย่างเราสามารถอยู่ได้โดยไม่กินไม่ดื่ม แต่ปุถุชนทำไม่ได้ ตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่นอกจากจะมีผู้ฝึกตนจำนวนมากแล้ว ยังมีประชากรปุถุชนจำนวนมากอีกด้วย

  

  

ยกตัวอย่างตระกูลโจว ประชากรปุถุชนของพวกเขามีหลายสิบล้านคน ประชากรปุถุชนจำนวนมากขนาดนี้ เพียงแค่ธัญพืชที่ผลิตบนเกาะหอยจิตวิญญาณไม่สามารถเลี้ยงดูได้อยู่แล้ว”

  

  

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเต้าเสวียนก็เข้าใจทันที

  

  

ทาสจากเมืองฉู่หยุนที่อยู่ตรงหน้า ส่วนใหญ่เป็นทาสของผู้ฝึกตนในทะเลหมื่นดวงดาว

  

  

ผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่ได้สังกัดนิกายใดๆ พวกเขาจะใช้ทาสในการบุกเบิกเกาะร้าง และปลูกธัญพืช จากนั้นตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่จะใช้หินจิตวิญญาณจำนวนเล็กน้อยเพื่อแลกเปลี่ยนธัญพืชเหล่านี้ เพื่อใช้มันเลี้ยงดูประชากรจำนวนมากของตระกูล กล่าวง่ายๆ ทั้งสองฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการ

  

  

นี่เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของหินจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนที่ไม่ได้สังกัดนิกายใดๆ

  

  

ส่วนสาเหตุที่ตระกูลเฉินแห่งเกาะซวงหูไม่พัฒนา ‘อุตสาหกรรม’ นี้ เฉินเต้าเสวียนมองไปที่อาสิบสามที่แก่ชรา เขาก็เข้าใจเหตุผลทันที

  

  

ไม่ใช่ว่าตระกูลเฉินใจดี แต่เป็นเพราะไม่มีพลังมากพอ แถมผู้ฝึกตนในตระกูลเฉินก็มีน้อยเกินไป

  

  

เฉินเซียนเหอนอกจากจะต้องจัดการเรื่องต่างๆ ของตระกูลแล้ว ยังต้องปกป้องความปลอดภัยของคนในตระกูลที่อำเภอฉางผิง

  

  

ทำให้เขาไม่มีพลังงานพอที่จะทำ ‘อาชีพเสริม’ เหล่านี้

  

  

ยิ่งไปกว่านั้น เชลยศึกปุถุชนจากเมืองฉู่หยุนส่วนใหญ่เป็นนักรบ หากไม่มีผู้ฝึกตนปราบปราม เพียงแค่คนของตระกูลเฉินธรรมดาๆ พวกเขาก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าทาสเหล่านี้จะไม่ก่อกบฏและหลบหนี

  

  

ยิ่งไปกว่านั้น ธัญพืชธรรมดาแลกเปลี่ยนเป็นหินจิตวิญญาณนั้นมีผลกำไรน้อยมาก ตระกูลรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า

  

  

ตระกูลเฉินจึงไม่พัฒนาอุตสาหกรรมนี้

  

  

ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ เฉินเต้าเสวียนจึงถามต่อ “ทาสเหล่านี้ เดิมทีก็เป็นคนของตระกูลผู้ฝึกตนบางตระกูลในเมืองฉู่หยุนใช่หรือไม่?”

  

  

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “ถูกต้อง! สงครามระหว่างทะเลหมื่นดวงดาวของเราและเมืองฉู่หยุนดำเนินมาสี่ร้อยกว่าปี โชคดีที่เรามักจะเป็นฝ่ายรุก ดังนั้นคนที่ประสบภัยส่วนใหญ่จึงเป็นปุถุชนของเมืองฉู่หยุน

  

  

ในบรรดาปุถุชนเหล่านี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ถูกขายเป็นทาส ผู้หญิงกลายเป็นเครื่องมือในการให้กำเนิดลูกหลานของตระกูลผู้ฝึกตนต่างๆ”

  

  

เพียงไม่กี่ประโยค เฉินเซียนเหอก็วาดภาพโลกแห่งการฝึกตนที่โหดร้ายอย่างยิ่งให้เฉินเต้าเสวียน

  

  

ที่นี่ไม่เคยมีความสวยงาม มีเพียงการต่อสู้ที่โหดร้ายยิ่งกว่าชาติที่แล้ว ผู้ฝึกตนใช้วิธีการที่โหดร้ายยิ่งกว่าชาติที่แล้วเพื่อแย่งชิงทรัพยากร

  

  

นี่คือความเศร้าของผู้อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือชาตินี้ มันก็ไม่มีอะไรแตกต่าง

  

  

เฉินเต้าเสวียนคิดในใจ

  

  

เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของเฉินเต้าเสวียน เฉินเซียนเหอก็ยังคงพูดต่อ

  

  

ในฐานะผู้นำตระกูลเฉินแห่งเกาะซวงหูในอนาคต มีบางสิ่งที่เขาต้องแบกรับ

  

  

ที่ไม่บอกเขาเรื่องเหล่านี้ก่อนหน้านี้ มันก็เพื่อให้เขาตั้งใจเรียนรู้การหลอมสร้างอาวุธ ไม่ได้หมายความว่าเฉินเต้าเสวียนสามารถหลีกเลี่ยงได้

  

  

“ความอ่อนแอเป็นความผิดงั้นเหรอ?”

  

  

เฉินเซียนเหอตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นก็พยักหน้า ตอบอย่างหนักแน่น “ใช่แล้ว! ในโลกนี้ ความอ่อนแอคือความผิด!”

  

  

ทุกคนเดินไปข้างหน้า

  

  

หลังจากเฉินเซียนเหอจัดหาที่พักให้กับคนในตระกูลที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองกวงอันแล้ว

  

  

เขาก็นำเฉินเต้าเสวียนไปยังเมืองชั้นในของเมืองกวงอัน

  

  

ในขณะที่ทั้งสองเดินไปยังเมืองชั้นใน เฉินเต้าเสวียนก็พบว่าจำนวนผู้ฝึกตนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็แทบจะไม่เห็นปุถุชน ผู้คนที่พบเห็นล้วนเป็นผู้ฝึกตน

  

  

“แม้ว่าเมืองกวงอันจะเป็นเมืองที่ผู้ฝึกตนและปุถุชนอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ฝึกตนและปุถุชนไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน เมืองชั้นในของเมืองกวงอันที่เรากำลังจะไป เป็นเมืองเซียนที่แท้จริงของเมืองกวงอัน!”

  

  

เฉินเซียนเหอพูดไปด้วยพลางเดินไปด้วย

  

  

แน่นอน…

  

  

เมื่อเดินไปเรื่อยๆ กำแพงเมืองสูงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสอง

  

  

ที่ประตูเมือง

  

  

ผู้ฝึกตนในชุดคลุมยาวสีเขียว บนชุดคลุมปักลูกแก้วจิตวิญญาณไฟสีแดงขวางทางของทั้งสอง

  

  

“หยุดก่อน โปรดชำระภาษีเข้าเมือง”

  

  

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็หยิบหินจิตวิญญาณสองก้อนออกมาจากถุงเก็บของ จากนั้นยื่นให้

  

  

“เข้าไปได้”

  

  

ผู้ฝึกตนของตระกูลโจวโบกมือ ปล่อยให้ทั้งสองเข้าไปในประตูเมือง

  

  

เฉินเต้าเสวียนหันกลับมามองด้านหลัง คิวที่ยาวเหยียดแทบจะมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

  

  

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในประตูเมือง

  

  

เฉินเต้าเสวียนก็เหมือนกับเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง ความเข้มข้นของพลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันมัน มากกว่าสิบเท่า

  

  

“นี่คือ...”

  

  

เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเฉินเต้าเสวียน เฉินเซียนเหอที่อยู่ข้างๆ ก็อธิบายว่า “นี่คือเส้นพลังปราณ! ใต้เมืองเซียนกวงอัน ฝังเส้นพลังปราณระดับสาม ดังนั้นเพียงแค่ก้าวเข้ามาในเขตแดน เราก็รู้สึกถึงพลังปราณที่เข้มข้น”

  

  

เฉินเซียนเหอมองไปที่ท้องฟ้า “เรารีบหาโรงเตี๊ยมพักก่อนเถอะ ทุกคืนในเมืองเซียนกวงอันจะมีผู้ฝึกตนของตระกูลโจวมาขับไล่ผู้ฝึกตนที่ไม่มีสิทธิ์พักอาศัย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกตนที่ไม่ได้สังกัดนิกายใดๆ มาแอบดูดซับพลังปราณที่นี่”

  

  

การเช่าบ้านในเมืองเซียนกวงอันแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ การเช่าระยะสั้นและการเช่าระยะยาว

  

  

การเช่าระยะสั้นคือโรงเตี๊ยม โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาเช่าจะน้อยกว่าหนึ่งเดือน

  

  

หากระยะเวลาเช่ามากกว่าหนึ่งเดือน ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่มักจะเลือกเช่าถ้ำจากตระกูลโจวมากกว่า เพราะคำนวณแล้ว มันจะราคาถูกกว่าการเช่าโรงเตี๊ยมระยะสั้น

  

  

เนื่องจากพลังปราณในเมืองกวงอันนั้นอุดมสมบูรณ์ ราคาโรงเตี๊ยมที่นี่จึงแพงมาก

  

  

เฉินเซียนเหอและเฉินเต้าเสวียนเปิดห้องพักเพียงสองห้อง ในระยะเวลาเช่าสิบวัน พวกเขาก็ต้องจ่ายค่าเช่าถึงยี่สิบก้อนหินจิตวิญญาณ โดยเฉลี่ยแล้วคนละหนึ่งก้อนหินจิตวิญญาณต่อวัน

  

  

นี่เป็นเพียงโรงเตี๊ยมที่มีความเข้มข้นของพลังปราณต่ำที่สุด…

  

  

ว่ากันว่าในเมืองเซียนกว้างอันยังมีถ้ำให้เช่าสี่ระดับ ได้แก่ ระดับเจี่ย ระดับอี่ ระดับปิง และระดับติง สภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยและความเข้มข้นของพลังปราณของถ้ำแต่ละระดับนั้นแตกต่างกัน

(ระดับเจี่ย ระดับอี่ ระดับปิง และระดับติง ระดับหนึ่ง สอง สาม สี่)

  

  

ไม่รู้ว่าถ้ำระดับเจี่ยที่สูงที่สุด ต้องใช้หินจิตวิญญาณราคาเท่าไหร่ถึงจะเช่าได้

  

  

แน่นอน…

  

  

ผู้ฝึกตนที่สามารถเช่าถ้ำระดับเจี่ยได้ ต้องเป็นลูกหลานของตระกูลผู้ฝึกตนอื่นๆ หรือผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่ได้สังกัดนิกายใดๆ ที่มีความสามารถพิเศษ

  

  

ส่วนผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่ได้สังกัดนิกายใดๆ ทั่วไป และลูกหลานของตระกูลเล็กๆ

พวกเขาไม่ต้องคิดฝันเลย!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด