ตอนที่แล้วบทที่ 13 กระบี่ขั้นสำเร็จเล็กน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 เมืองกวงอัน

บทที่ 14 เรือรบหลิงซู


บทที่ 14 เรือรบหลิงซู

  

เมื่อออกจากห้องโดยสาร บนดาดฟ้าของเรือมังกรฟ้าก็วุ่นวายไปหมด

  

  

เสียงร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนกของคนในตระกูลดังเข้ามาในหูของเฉินเต้าเสวียนอย่างต่อเนื่อง

  

“ท่านผู้นำตระกูล มีเรือลำใหญ่บินมาหาเราจากบนท้องฟ้า!”

  

  

“ท่านผู้นำตระกูล...”

  

  

ที่หัวเรือ

  

  

เฉินเซียนเหอไม่พูดอะไร เงยหน้าขึ้นมองเรือลำใหญ่ที่บินมาหาพวกเขาจากบนฟ้า ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

  

  

ในไม่ช้า เขาก็มองไปที่เฉินเต้าเสวียนที่วิ่งออกมาจากห้องโดยสาร พูดว่า “เจ้าดูแลคนในตระกูล บอกให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก นี่คือเรือรบหลิงซูของตระกูลโจวที่ลาดตระเวนเส้นทางเดินเรือ”

  

  

“เรือรบหลิงซู...”

  

  

เฉินเต้าเสวียนท่องชื่อนี้เบาๆ พร้อมกับพยักหน้า

  

  

หลังจากสั่งเฉินเต้าเสวียนแล้ว เฉินเซียนเหอก็ใช้ทักษะควบคุมสายลม บินไปยังเรือลำใหญ่ที่อยู่เหนือศีรษะ

  

  

เมื่อเทียบกับลำตัวเรือที่ใหญ่โตมโหฬารบนท้องฟ้า ร่างของเฉินเซียนเหอก็เล็กจิ๋วเหมือนแพลงก์ตอน

  

  

เฉินเต้าเสวียนไม่สนใจที่จะดูมากนัก รีบปลอบประโลมคนในตระกูลที่ตื่นตระหนก และสั่งให้คนในตระกูลลดใบเรือ หยุดเรือมังกรฟ้าอย่างช้าๆ

  

  

บนท้องฟ้าเหนือเรือมังกรฟ้า

  

  

ร่างของเฉินเซียนเหอสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับเดียวกับเรือรบหลิงซู

  

  

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ โค้งคำนับ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ข้าน้อยเฉินเซียนเหอ ผู้นำตระกูลเฉินแห่งเกาะซวงหู เดินทางไปเมืองกวงอันเพื่อซื้อเสบียง นี่คือป้ายผ่านทางของข้าน้อย”

  

  

หลังจากพูดจบ เฉินเซียนเหอก็หยิบป้ายสีดำออกมาจากถุงเก็บของ ป้อนพลังปราณเข้าไป โยนไปที่เรือรบหลิงซู

  

  

เรือรบหลิงซูมีสีขาวทั้งหมด ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุอะไร?

  

  

เรือรบทั้งลำนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ภายในถูกปกคลุมไปด้วยหมอก มองไม่เห็นชัดเจน ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างมาก

  

  

เฉินเซียนเหอไม่รู้ว่าเรือรบนี้มีผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานคนใดของตระกูลโจวนั่งอยู่ จึงทำได้เพียงมอบป้ายผ่านทางตามกฎอย่างเชื่อฟัง

  

  

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา

  

  

ป้ายสีดำก็บินออกมาจากภายในเรือรบ

  

  

ทันทีที่เฉินเซียนเหอรับป้าย เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหู “สหายโปรดจำไว้ว่า อย่าออกนอกเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัย มิฉะนั้น หากพบกับอันตราย ตระกูลโจวแห่งเมืองกวงอันจะไม่รับผิดชอบ”

  

  

“ข้าน้อยจะจำใส่ใจ!”

  

  

เฉินเซียนเหอรีบโค้งคำนับตอบ

  

  

“ตูม!”

  

  

ในไม่ช้า ต่อหน้าต่อตาผู้คน เรือรบหลิงซูก็ลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงดังก้องแล้วหายไปบนท้องฟ้า

  

  

“ฟู่—!”

  

  

เฉินเซียนเหอถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากมองวัตถุขนาดมหึมานี้จากไป

  

  

เขากลับไปที่ดาดฟ้าของเรือมังกรฟ้า เฉินเซียนเหอก็สั่งอีกครั้ง “ให้คนในตระกูลยกใบเรือ เราจะเดินทางต่อ”

  

  

“ขอรับ ท่านผู้นำตระกูล”

  

  

เฉินเต้าเสวียนพยักหน้า รีบสั่งให้คนในตระกูลยกใบเรือ

  

  

เมื่อเรือมังกรฟ้าล่องเรือตามปกติ เฉินเต้าเสวียนที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็เดินไปที่เฉินเซียนเหอ ถามว่า “ท่านอาสิบสาม เมื่อกี้นั่นคือ...”

  

  

“นั่นคือเรือรบหลิงซูของตระกูลโจว”

  

  

เฉินเซียนเหอพูดด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ถามข้าเหรอว่า ทำไมเราถึงไม่เจอสัตว์อสูรโจมตีตลอดเส้นทาง? นั่นคือเหตุผล”

  

  

เฉินเซียนเหอชี้ไปที่เรือรบหลิงซูที่หายไปในก้อนเมฆบนขอบฟ้า

  

  

“ท่านหมายความว่า ตระกูลโจวกำลังปกป้องเส้นทางเดินเรือ?”

  

  

“แน่นอน! มิฉะนั้นเจ้าคิดว่าความเจริญรุ่งเรืองของเมืองกวงอันมาจากไหน?”

  

  

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเต้าเสวียนก็เข้าใจทันที

  

  

ตระกูลโจวเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในรัศมีหมื่นลี้ ว่ากันว่าบรรพบุรุษของตระกูลโจวบรรลุขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นสูงสุดแล้ว ห่างจากจินตันเจิ้นเหรินในตำนานเพียงก้าวเดียว

(金丹真人 จินตันเจิ้นเหริน จินตัน แปลตรงตัวว่า ยาทองคำ ในทางเต๋าเมื่อมนุษย์บำเพ็ญเพียรไปถึงระดับหนึ่ง ภายในร่างกายจะสร้างแก่นทองคำขึ้นมาซึ่งเรียกว่า จินตัน ส่วนเจิ้นเหรินความหมายคืออาริยะบุคคล ในทางเต๋าหมายถึงเซียนหรือเทพ)

  

  

ตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่ามีพลังในการปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลหมื่นลี้จากการรุกรานของสัตว์อสูร

  

  

ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัย การค้าจึงจะเจริญรุ่งเรือง ตระกูลโจวแห่งเมืองกวงอันจึงก็จะได้รับผลประโยชน์สูงสุด

  

  

ผู้ปกครองมักจะต้องการให้โลกสงบสุข มีเพียงคนชั้นล่างที่ทะเยอทะยานเท่านั้นที่หวังให้โลกวุ่นวาย

  

  

แน่นอน…

  

  

ไม่มีใครสามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท้ายที่สุด สัตว์อสูรที่ไม่มีระดับนั้นมีสติปัญญาต่ำ ไม่ต่างจากสัตว์ร้าย พวกมันไม่รู้ว่าที่ไหนปลอดภัย ที่ไหนอันตราย

  

  

ไม่ต้องพูดถึงเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัย แม้แต่เกาะหอยจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของตระกูลโจว สัตว์อสูรระดับต่ำที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังโลหิตของปุถุชนเหล่านี้ก็ยังกล้าบุกเข้าไป

  

  

เพียงแต่สัตว์อสูรเหล่านี้มักจะกลายเป็นอาหารของนักรบปุถุชนเท่านั้น

  

  

ตระกูลขอบเขตคฤหาสน์ม่วง...

  

เฉินเต้าเสวียนพึมพำเบาๆ “น่าเกรงขามจริงๆ!”

  

  

“น่าเกรงขาม!”

  

  

เฉินเซียนเหอถอนหายใจ “บรรพบุรุษของตระกูลโจวเกิดมาทันยุคสมัยที่ยอดเยี่ยม ในสงครามที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนยึดครองทะเลหมื่นดวงดาวเมื่อพันปีก่อน พวกเขายืนอยู่ฝั่งที่ถูกต้อง จึงเป็นการวางรากฐานสำหรับความเจริญรุ่งเรืองพันปีของตระกูลโจวแห่งเมืองกวงอัน ยิ่งไปกว่านั้น ในเหตุการณ์จลาจลของเสิ่นเจวี๋ย(เทพสูญสิ้น) ในทะเลหมื่นดวงดาวเมื่อห้าร้อยปีก่อน ตระกูลผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกทำลายล้าง แต่ตระกูลโจวก็ยังคงอยู่รอดมาได้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลโจวแห่งเมืองกวงอันมีรากฐานที่ลึกซึ้งมากแค่ไหน”

  

  

เมื่อพูดถึงตระกูลผู้ฝึกตนที่ใหญ่ที่สุดในรัศมีหมื่นลี้อย่าง… ตระกูลโจวแห่งเมืองกวงอัน น้ำเสียงของเฉินเซียนเหอก็เต็มไปด้วยความอิจฉา

  

  

อันที่จริง ไม่ใช่แค่เขา ตระกูลผู้ฝึกตนทุกตระกูลในรัศมีหมื่นลี้ เมื่อพูดถึงตระกูลโจวแห่งเมืองกวงอัน ต่างก็มีท่าทีแบบนี้ เคารพยำเกรงปนอิจฉา แม้แต่ความอิจฉาก็ไม่กล้าแสดงออกมา

  

  

“เหตุการณ์จลาจลของเสิ่นเจวี๋ย?”

  

  

เฉินเต้าเสวียนจับประเด็นความรู้ใหม่ในคำพูดของเฉินเซียนเหอได้อย่างเฉียบแหลม

  

  

เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของเฉินเต้าเสวียน เฉินเซียนเหอก็อธิบายว่า “นั่นคือผู้ฝึกตนที่ไม่ได้สังกัดนิกายใดๆ เมื่อห้าร้อยปีก่อน เขาเรียกตัวเองว่าเสิ่นเจวี๋ยเจิ้นเหริน ไม่รู้ว่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่มาจากไหน ก่อความวุ่นวายในทะเลหมื่นดวงดาวนานถึงร้อยปี ในที่สุดนิกายกระบี่เฉียนหยวนก็ลงมือสังหารเขา นับแต่นั้นมา นิกายกระบี่เฉียนหยวนก็ได้เปิดฉากสงครามกับเมืองรฉู่หยุนในแคว้นเซียนหยุน สงครามนี้กินเวลานานถึงสี่ร้อยปี”

  

  

เมื่อพูดถึงสงครามระหว่างนิกายกระบี่เฉียนหยวนและเมืองฉู่หยุน เฉินเซียนเหอก็ดูเหมือนจะนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีบางอย่าง เสียงของเขาก็ค่อยๆ เบาลง

  

  

เมื่อเฉินเต้าเสวียนเห็นว่าได้แตะต้องความทรงจำที่น่าเศร้าของอาสิบสาม เขาจึงไม่กล้าถามมากเกินไป

  

  

ในช่วงยี่สิบวันที่เหลือ ทุกอย่างราบรื่น

  

  

พวกเขาไม่ได้พบกับเรือรบหลิงซูของตระกูลโจว และไม่ได้ถูกสัตว์อสูรโจมตี

  

  

ยี่สิบวันต่อมา

  

  

เสียงที่แก่ชราก็ดังขึ้นจากนอกห้องโดยสาร เฉินเต้าเสวียนจำได้ นั่นคือเสียงของเฉินเซียนเหอ ท่านอาสิบสามของเขา

  

  

“เต้าเสวียน ถึงเกาะหอยจิตวิญญาณแล้ว!”

  

  

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉินเต้าเสวียนก็รู้สึกตื่นเต้น

  

  

ลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม แม้ว่าเรือมังกรฟ้าจะไม่ใช่เรือบรรทุกสินค้าธรรมดา แต่เป็นเรือบรรทุกสินค้าที่ดัดแปลงโดยสลักอักขระรวบรวมลมและอักขระหลีกเลี่ยงน้ำ ความเร็วก็เร็วกว่าเรือบนโลกมาก

  

  

ทว่าเฉินเต้าเสวียนก็ยังทนไม่ไหว…

  

  

ไม่ใช่ว่าเรือมังกรฟ้าโคลงเคลงหรือการล่องเรือในทะเลน่าเบื่อ แต่เป็นเพราะพลังปราณไม่เพียงพอ เขาไม่สามารถฝึกฝน “กุ้ยหยวนกง” ได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน พลังบำเพ็ญเพียรไม่มีความคืบหน้าเลย

  

  

สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว สิ่งที่ทรมานที่สุดคือการที่พลังบำเพ็ญเพียรไม่มีความคืบหน้านั่นเอง

  

  

ในที่สุดเฉินเต้าเสวียนก็เข้าใจความรู้สึกของเฉินเซียนเหอ

  

  

เขาแค่ไม่สามารถฝึกตนได้หนึ่งเดือน แต่เฉินเซียนเหอยอมแพ้การฝึกตนโดยสิ้นเชิง ทั้งสองไม่ใช่แนวคิดเดียวกัน

  

  

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฉินเต้าเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมอาสิบสามมากขึ้น

  

  

เมื่อออกจากห้องโดยสาร

  

  

ฉากที่ใบเรือบดบังท้องฟ้าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา สิ่งที่เห็นเต็มไปด้วยใบเรือสีขาว

  

  

บนท้องฟ้ามีผู้ฝึกตนเหาะเหินด้วยกระบี่เป็นครั้งคราว ทิ้งร่องรอยแสงเอาไว้

  

  

เฉินเต้าเสวียนรู้ดีว่าแสงเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานขึ้นไป

  

  

ส่วนผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ ล้วนรออยู่ในเรือของตัวเอง เข้าคิวเข้าท่าเรืออย่างเชื่อฟัง

  

  

ตระกูลเฉินไม่มีผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐาน แน่นอนว่าเหมือนกับผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณส่วนใหญ่ ต้องเข้าคิวรออย่างเชื่อฟัง…

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด