บทที่ 13 เซียวหน้าคน
เมื่อดอกหยกหน้าคนบานสะพรั่ง ไม่ว่าใครหรือสิ่งใดได้พบเห็นก็จะหลงใหล รวมถึงตัวมันเองด้วย
นี่คือเหตุผลที่ดอกไม้หยกหน้าคนตนนี้หลงใหลทันทีที่เห็นภาพสะท้อนในคันฉ่องทองเหลือง
หลินเป่ยจะต้องใช้โอกาสนี้ในขณะที่ดอกไม้หยกหน้าคนกำลังฟุ้งซ่าน เขาชักกระบี่ออกมาและเตรียมที่จะตัดก้านดอกไม้จากด้านหลัง และเมื่อเก็บดอกไม้ได้แล้วภารกิจของพวกเขาก็จะเสร็จสิ้น
ทว่าอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในเวลานี้
บางอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเงาสีขาวก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและตกลงมาข้างๆ ดอกหยกหน้าคนและหลินเป่ย มันมุ่งที่จะปาดคอของหลินเป่ยอย่างโหดเหี้ยม
การโจมตีครั้งนี้รวดเร็วและดุร้าย มุ่งเป้าไปที่การจบชีวิตของหลินเป่ยอย่างเห็นได้ชัด
โชคดีที่หลินเป่ยยังมีสติและตอบสนองได้รวดเร็วเขายกมือขึ้นชี้กระบี่ลงเป็นแนวตั้งเพื่อป้องกันการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว เสียงกระแทกกับกระบี่นั้นดังสนั่น ประกายไฟกระจายไปทั่ว แรงปะทะถึงกับผลักให้หลินเป่ยถอยหลังไปหลายก้าว ถ้าเขาช้ากว่านี้ เขาจะถูกฆ่าอย่างแน่นอน
ในที่สุดสมาชิกสามคนที่ตั้งค่ายกลก็หันกลับมาแล้วในขณะนี้ เมื่อพวกเขามองสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ตระหนักว่าทั้งหมดนี้เกิดจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่มีขนาดเท่ากับเด็ก มันมีหัวขนาดใหญ่และลำตัวสีขาวหยก
ฟางถิงอุทานว่า "นี่มัน..เซียวหน้าคน [1] "
สีหน้าของเขาเริ่มเย็นชา เขารีบชักดาบออกมาทันที
เขาไม่คิดว่าจะเจอสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากแบบนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตชนิดนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก
หลังจากหลินเป่ยถูกผลักออกไป เซียวหน้าคนก็รีบเอื้อมมือออกไป เสียง “เป้าะ” ที่เกิดจากการเด็ดดอกหยกหยกที่บานสะพรั่งก็ดังขึ้น จากนั้นมันก็หันหลังหนีทันที
อย่างไรก็ตาม ฟางถิงก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเช่นกัน มือขวาของเขาชูดาบสายฟ้า และใช้มือซ้ายตั้งอยู่ที่ระดับหน้าอก และทำท่าทางศักดิ์สิทธิ์ นิ้วชี้และชี้กลางของเขาชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าและนิ้วที่เหลือพับเข้าด้วยกัน ชั่วพริบตาเดียวดาบชี่ก็ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดในรูปแบบของมังกรทองและกลายเป็นกรง ตอนนี้สิ่งมีชีวิตสีขาวนั้นอยู่กลางที่ที่ดูเหมือนคุกสายฟ้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตนี้ไม่ได้เกรงกลัวหรือหลบหลีกชี่แห่งดาบของเขาเลย ตรงกันข้าม มันกลับกระโดดขึ้นและโปร่งใสขึ้นในพริบตา ในขณะนั้น มันได้ผ่านกรงชี่แห่งดาบและกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว จากนั้นสิ่งมีชีวิตก็กระโดดขึ้นไปบนโขดหินย้อยแล้วกระโดดขึ้นอีกครั้งและบินขึ้นไปในอากาศ
เพียงพริบตาเดียวมันก็ห่างออกไปไกลกว่าหลายสิบจางแล้ว
"เจ้าสิ่งมีชีวิตชั่วร้าย แกจะหนีงั้นหรือ!"
ฟางถิงรีบร้อนมากและเหยียบดาบแสงในมือ มันกลายเป็นมังกรทองที่พลุ่งพล่านในทันทีและรุดหน้าเพื่อไล่ตามสัตว์ประหลาดตัวนี้
หุบเขาปกคลุมด้วยเสาหินและหินงอกหินย้อยที่ทอดยาวทั้งแนวนอนและแนวตั้งและไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนในการผ่าน อย่างไรก็ตาม ร่างสีขาวกลับว่องไวเป็นพิเศษ มันดิ้นรนหาเส้นทางผ่านภูมิประเทศที่ขรุขระได้อย่างง่ายดาย
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
การบินด้วยดาบให้ความเร็วที่น่าทึ่ง แต่มันเหมาะสำหรับการบินตรงและบินในระยะทางไกลมากกว่า ฟางถิงไม่สามารถเลี้ยวหลบเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ ดังนั้นเมื่อเขาต้องการที่จะผ่านหุบเขานี้ เขาก็เลยต้องกระแทกเข้ากับเสาหินครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้ามันเป็นก้อนหินธรรมดา เขาคงไม่รู้สึกอะไร อย่างไรก็ตาม หินเหล่านี้แข็งมาก ดังนั้นการกระแทกพวกมันซ้ำๆ ในขณะที่พุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงจึงเป็นอันตรายอย่างมาก แม้แต่คนที่อยู่ในระดับการบ่มเพาะที่สี่อย่างฟางถิงเองก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
ไม่นานนัก ฟางถิงเปลี่ยนใจไปขี่พายุแทนการขี่ดาบ เพราะเขาตั้งใจที่จะใช้ดาบของเขาในการโจมตีเพื่อจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ดาบสายฟ้าฟาดใส่สัตว์ประหลาดในอากาศ เขาตั้งใจจะฆ่าสิ่งมีชีวิตนั้นด้วยดาบจากระยะไกลโดยไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้
อย่างไรก็ตาม การทําเช่นนี้ทําให้เขาช้าลงอย่างมาก ในพริบตา ระยะห่างระหว่างเขากับสิ่งมีชีวิตตัวนั้นกว้างขึ้นอีกครั้ง ดาบบินยังคงไล่ตามสิ่งมีชีวิตที่ว่องไวตัวนี้ต่อไป แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตามทันได้
สิ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตาเท่านั้น
เมื่อทั้งสองไล่ล่ากันอย่างรวดเร็ว ฟางถิงไม่ได้ตระหนักว่าพวกเขาได้เข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาแล้ว ความสนใจของเขายังคงมุ่งเน้นไปที่เงาสีขาวที่อยู่ข้างหน้าและเขาไม่ได้สังเกตเห็นลมแรงดังสนั่นบนหัวของเขา เขามารู้สึกตัวเมื่อเงามืดใหญ่ปกคลุมเขาแล้ว
ฟางถิงหยุดอย่างรีบร้อน หลังจากนั้น เขาจึงรู้ว่ามันเป็นเงาของกิ่งไม้ขนาดใหญ่ เขาหยุดอยู่ตรงหน้าต้นไม้สูงตระหง่าน
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้สูงอย่างน้อยหลายสิบฟุต ตั้งตระหง่านอยู่กลางหุบเขา มีกิ่งก้านแผ่กิ่งก้านสาขากว้างรองรับยอดไม้ยักษ์ที่บดบังท้องฟ้าปกคลุมแผ่นดิน ต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ดูราวกับเป็นผู้ให้กําเนิดพืชพันธุ์ที่เขียวชอุ่มในหุบเขานี้เลยทีเดียว
มีกิ่งก้านรอบต้นจำนวนมาก สิ่งมีชีวิตใดๆ ที่เข้าใกล้มันจะถูกโจมตีโดยกิ่งของมัน
เห็นได้ชัดว่าต้นไม้เก่าแก่ยักษ์ต้นนี้คือราชาปีศาจแห่งหุบเขานี้
ฟางถิงพยายามหลีกเลี่ยงกิ่งไม้แรก แต่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงกิ่งไม้ที่สองที่พุ่งเข้าหาเขาทันทีหลังจากหลบกิ่งแรกได้
ปัง!
การโจมตีทำให้เขากระเด็นไปไกล
เขาตกลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปไกลและทันทีที่เขาหยุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมองสิ่งมีชีวิตนี้ แม้ท่ามกลางกิ่งไม้กระพือไปทั่ว แต่ร่างสีขาวยังคงกระโดดหนีการโจมตีของต้นไม้ใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น แม้แต่ใบไม้ก็ไม่สามารถสัมผัสร่างสีขาวนั้นได้
มันว่องไวอย่างน่าเหลือเชื่อ
ดาบชี่สายฟ้าของฟางถิงนั้นรวดเร็วและรุนแรง แต่ก็ใช้ได้ในระยะสั่นเท่านั้น
หากฟางถิงได้ไล่จับมันในพื้นที่ราบโล่ง เขามั่นใจว่าจะจับมันได้ในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ในหุบเขาที่ขรุขระและซับซ้อนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถจับสิ่งมีชีวิตนี้ได้เลย
และตอนนี้เขาไม่ก็กล้าแม้แต่จะไล่ตามสิ่งมีชีวิตนี้ต่อไปเพราะต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น
เขาทำได้เพียงมองมันกระโดดไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
"บ้าเอ้ย!" ฟางถิงสบด
แม้จะมีผู้ฝึกตนระดับแกนทองคำเป็นหัวหน้ากลุ่มแต่ก็ยังไม่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จงั้นหรือ
หากข้ากลับไป ท่านอาจารย์จะคิดอย่างไรกับข้า ศิษย์พี่จื่อหยางจะคิดอย่างไรกับข้า
ฟู่วว!
ขณะที่ฟางกําลังบ่นตัวเองอยู่ ร่างที่แทบจะมองไม่เห็นก็วิ่งผ่านเขาไป
ร่างนั้นเร็วกว่าเซียวหน้าคนเสียอีก กิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ไม่ได้โจมตีร่างนั้นเลยเพราะมันผ่านไปก่อนที่ต้นไม้จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
...
เซียวหน้าคนนั้นเป็นวิญญาณแห่งภูเขาที่หายากมาก เป็นผลมาจากการที่ธรรมชาติได้กลืนกินดอกหยกหน้าคนที่บานสะพรั่ง จากนั้นสิ่งมหัศจรรย์นี้จะเติบโตเป็นร่างกายและกลายเป็นเซียวหน้าคน
คุณสมบัติหลักของพวกมันคือความเร็วและความคล่องตัวที่น่าทึ่ง
มันรอมานานแล้ว รอการบานของดอกไม้หยกหน้าคน ดังนั้นแน่นอนว่ามันตั้งใจจะฆ่าทุกสิ่งที่กล้ามายุ่งกับดอกไม้หยกหน้าคนที่มันหมายปองโดยไม่ลังเล
อย่างไรก็ตาม ระดับของมนุษย์กลุ่มนั้นสูงเกินไป ดังนั้นมันจึงทําได้เพียงรีบคว้าดอกไม้ออกมาและหนี
จากนั้น มันก็ต้องกลับไปที่ถ้ำ กินดอกไม้นั่น โดยการกินดอกไม้นี้จะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน
และถ้ามันเป็นไปเช่นนั้น...
"ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่"
เมื่อมันรู้ว่าตัวเองกำลังจะแข็งแกร่งขึ้น มันก็อดหัวเราะแปลกๆ ไม่ได้
สําหรับผู้ฝึกตนที่ไล่ตามมันมาอย่างดื้อรั้น มันก็ทำได้เพียงดูถูกคนพวกนั้นเท่านั้น ไม่สําคัญว่าผู้ฝึกตนนั่นจะมีพลังมากเพียงใด พวกเขาไม่สามารถไล่ตามมันได้ทันแน่นอน
มันรู้จักหุบเขานี้เป็นอย่างดี มันง่ายที่จะทิ้งผู้ฝึกตนเหล่านั้นให้ห่าง
พวกเจ้าคิดว่าจะได้ขี่ดาบบินนั่นในนี้งั้นหรือ ฮี่ฮี่ฮี่
มันรู้ว่าเมื่อไปถึงระยะของกิ่งต้นไม้ยักษ์ได้มันก็จะปลอดภัยอย่างแน่นอน
มันรู้ว่าไม่มีปีศาจใดที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระบนต้นไม้ใหญ่นี้นอกจากตัวมันเอง นับประสาอะไรกับมนุษย์เหล่านั้น
มันพุ่งผ่านกิ่งไม้อย่างคล่องแคล่วราวกับเดินเล่นในสวน ใจหนึ่งก็คิดว่าควรหันไปดูสีหน้าตื่นตระหนกและโกรธแค้นของมนุษย์พวกนั้น ท้ายที่สุดเมื่อระยะห่างระหว่างพวกเขากว้างขึ้นมันจะไม่เห็นใบหน้าของมนุษย์ผู้นั้นแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ สีหน้าของมันยิ้มเย็นชาและหันไปมองด้านหลัง
ทว่าดวงตาโตบนใบหน้าของมันก็ต้องเบิกกว้างอย่างกะทันหัน มันดูเหมือนจะเห็นความน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่อะไรกัน
เซียวหน้าคนที่ที่มีสติปัญญาอันต่ำต้อยดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเพื่อพยายามค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อมันหันหลังกลับไปมันเห็นร่างที่คลุมเครือไล่ตามหลังมันมาอย่างใกล้ชิดและห่างจากมันเพียงแขนเดียว
เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ในพริบตาเงาก็กระโดดข้ามร่างของเซียวหน้าคนไป ตอนนี้เงานั้นวิ่งอยู่ข้างหน้ามันและเป็นมันที่เป็นฝ่ายไล่ตามไปเสียอย่างนั้น
นี่มัน เป็นไปได้อย่างไร
ข้าเจอผีหรือ
เดี๋ยวก่อน มันไม่ถูกต้อง ข้าต่างหากที่เป็นผีมิใช่หรือ
ตั้งแต่มันระลึกความและมีจิตที่นึกคิดได้ มันไม่เคยเจอสิ่งใดที่เร็วกว่ามัน
แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เซียวหน้าคนและเงานั้นต่างก็รักษาความเร็วเท่ากัน ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อม พวกเขาดูเหมือนจะหยุดนิ่งซึ่งกันและกัน ดังนั้น เซียวหน้าคนจึงสามารถมองเงานั้นได้ชัดเจนแล้ว
เงานั้นเป็นชายหนุ่มรูปงามในเสื้อคลุมที่ยาวสลวย เขาดูสง่างามและใจดี
ทำไมเขาถึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเพียงนี้
เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของเซียวหน้าคน ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและมองกลับไปที่เซียวหน้าคน
จากนั้น.. ชายหนุ่มก็แลบลิ้นออกมาและเลียฝ่ามือของเขา.. ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความหลงใหลอันแรงกล้า ดูเหมือนเขาจะสนุกกับการล่าครั้งนี้มาก
รอยยิ้มที่น่าขนลุกบนใบหน้าของเซียวน่าคนที่เคยหยิ่งผยองก็สลายไปทันที
พระเจ้า ชายผู้นี้มันโรคจิต!