ตอนที่แล้วบทที่ 10 มังกรทองสำริด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 วิหารอมตะ

บทที่ 11 ผู้คุมวิญญาณ


อังเกอร์ไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ เขาเป็นเพียงโครงกระดูกชาวสวน แต่ทักษะการใช้เคียวของเขามีมานานกว่านับพันปี ในตอนที่เขาเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้น อังเกอร์สามารถใช้เคียวเพียงครั้งเดียวก็ตัดผลิตผลให้ล้มลงเรียงรายอย่างเป็นระเบียบได้ เขาเพียงแค่จินตนาการว่าศัตรูเป็นพืชผลที่ต้องได้รับการเก็บเกี่ยวเท่านั้น อังเกอร์ก็สามารถฟันได้อย่างแม่นยำ

เคียวคมกริบฉับเดียวก็ตัดหัวซอมบี้ขาด ศีรษะกลิ้งตกลงบนพื้น หมุนกลิ้งมาจนหยุดอยู่ที่เท้าของซอมบี้ตัวน้อย มันตกใจสะดุ้ง ยกมือทั้งสองข้างจับคอตัวเองโดยไม่รู้ตัว และมองไปที่เคียวในมืออังเกอร์ด้วยความหวาดกลัว

ผู้ที่ตกใจพอๆกับซอมบี้ตัวน้อยก็คือคนที่ควบคุมซอมบี้จากด้านหลังนั่นเอง

ในมุมมืดของคุกใต้ดิน หมอผีผู้ควบคุมศพในชุดคลุมสีดำกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือจับคอตัวเองด้วยสัญชาตญาณ

เมื่อครู่นี้ ความคิดของหมอผีฝังอยู่ในร่างของซอมบี้ ความรู้สึกทั้งหมดจึงเป็นหนึ่งเดียวกับซอมบี้ เขารู้สึกราวกับว่าเคียวของอังเกอร์ฟันลงบนคอของเขาเอง

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป หมอผีไม่ทันตั้งตัวจึงตกใจยิ่งนัก

เมื่อสติกลับคืนมา เขาเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก แล้วพยายามติดต่อกับซอมบี้อีกครั้ง แต่กลับพบว่าสัญญาณขาดหายไป

"ขาดทุนหนักแล้ว ซอมบี้ตัวนี้เป็นตัวที่มีความผูกพันกับข้ามากที่สุด บ้าชะมัด โครงกระดูกอะไรวะเนี่ย? อาวุธมันคมขนาดนั้นได้ยังไง? แถมยังเคลื่อนไหวได้เร็วเกินไปอีก" หมอผีพึมพำ

"ไม่ได้ ข้าต้องไปดูให้ได้ ยิ่งจับโครงกระดูกกับซอมบี้ทั้งสองตัวนั่นกลับมาใช้งานได้ยิ่งดี" หมอผีลุกขึ้นยืน เดินไปที่ผนังแล้วกดเบาๆ ปลายนิ้วปล่อยคลื่นพลังเวทที่มีโครงสร้างพอดีกับบางจุดของผนัง ประตูลับบานหนึ่งบนผนังก็เปิดออก

เมื่อผ่านประตูลับเข้าไป ภายในเป็นทางเดินแคบยาว ด้านข้างทั้งสองของทางเดินมีช่องลึกเว้าเข้าไปเป็นระยะ ลักษณะคล้ายห้องเก็บเสื้อผ้า แต่เมื่อเดินไปดูในช่องเหล่านั้น สิ่งที่วางอยู่ไม่ใช่เสื้อผ้า หากแต่เป็นร่างของซอมบี้และโครงกระดูกต่างหาก

หมอผีมองดูร่างเหล่านั้นและคัดเลือกเลือกอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาตัดสินใจเลือกโครงกระดูกที่มีกระดูกเรียวบางแต่ขาวสะอาดเนียนละเอียด และพึมพำว่า "ใช้เจ้านี่ละกัน ถึงแม้กระดูกจะมีบางส่วนขาดหายไป กระดูกสะบักด้านหลังผิดรูปไปหน่อย แต่กระดูกมีความหนาแน่นสูงสุด คงจะได้รับสารอาหารที่ดีตอนมีชีวิตสินะ"

หมอผีใช้มือหนึ่งข้างแตะกะโหลก ริมฝีปากสวดคาถาพึมพำ บังคับร่างโครงกระดูกขาวนั้นให้เดินออกไป

อายส์เคพูดเสมอว่าเมืองใต้ดินนั้นปลอดภัยมาก ตราบใดที่ไม่เข้าไปทำร้ายคนอื่น ทั้งโครงกระดูกและซอมบี้ก็จะไม่ถูกทำร้าย

แต่อายส์เคเคยเห็นแต่พวกโครงกระดูกและซอมบี้ที่อยู่ในการควบคุมของฟิลินเท่านั้น พวกนั้นถือเป็นศพคืนชีพที่มีเจ้านาย ภายใต้การควบคุมของฟิลินมันจึงปลอดภัย ไม่มีใครกล้าเข้าไปทำร้าย

อย่างไรก็ตาม อายส์เคกลับมองข้ามปัญหาหนึ่งไป นั่นคือปัญหาภายนอก สายลมแห่งชีวิตพัดปราดเปรียว ตลอดหลายปีมานี้ มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมากในเมืองใต้ดินที่เสียชีวิตลงไม่ว่าจากการอายุขัยหรืออุบัติเหตุ ภายใต้อิทธิพลของสายลมแห่งชีวิตที่พัดผ่านซากศพและโครงกระดูกของพวกเขา มันไม่ได้ก่อกำเนิดศพคืนชีพที่ไร้ผู้ควบคุมขึ้นมาหรอกหรือ? แล้วศพคืนชีพที่ไร้ผู้ควบคุมเหล่านั้นหายไปไหนกันหมด?

ในฐานะมนุษย์ อายส์เคไม่ได้สังเกตความแตกต่างระหว่างศพคืนชีพไร้ผู้ควบคุมกับศพคืนชีพที่มีเจ้านายเลย เขาพบเพียงโครงกระดูกและซอมบี้เต็มท้องถนนแล้วคิดไปเองว่าพวกศพคืนชีพพวกนั้นไม่เป็นอันตราย ทว่าความชั่วร้ายมักแอบซ่อนอยู่ในมุมมืดแม้แต่ฟิลินเองก็ไม่ทันได้สังเกต

เมื่ออังเกอร์และซอมบี้ตัวน้อยย่างกลายเข้ามา พวกเขาก็ถูกจับตามองทันที อังเกอร์เป็นโครงกระดูกเทาที่ไร้นาย เดินเตร่อยู่บนถนน ไม่มีงานประจำ นี่เป็นลักษณะเด่นของพวก 'ไร้นาย' ส่วนซอมบี้ตัวน้อยกลับดูกระปรี้กระเปร่าร่าเริงผิดปกติ ไม่เหมือนซอมบี้ที่เชื่องช้าเซื่องซึม แต่ดูคล้ายพ่อมดฝึกหัดที่ยังเยาว์วัยมากกว่า

โอ้ช่างเป็น พ่อมดฝึกหัดและโครงกระดูกที่ฉลาดเฉลียว พ่อมดฝึกหัดจะใช้เรียกศพคืนชีพที่มีปัญญาที่เฉลียวฉลาด ส่วนที่ไร้ปัญญาจะเรียกว่าซอมบี้ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพในการเติบโตและการใช้ประโยชน์ พ่อมดฝึกหัดที่มีปัญญาล้วนเหนือกว่าซอมบี้หลายร้อยเท่า พ่อมดฝึกหัดยังสามารถฝึกฝนจนกลายเป็นผู้ร่ายคาถาที่ทรงพลังได้อย่างง่ายอีกด้วย

ลองนึกดู การมีผู้ร่ายคาถาที่ทรงพลัง เชื่อฟังคำสั่งของเราโดยไม่มีข้อแม้ และมีชีวิตยืนยาวได้ขนาดนั้น มันจะเป็นสมบัติอันล้ำค่าแค่ไหนสำหรับตนเองและตระกูลรุ่นต่อไปของเขา

เมื่อมีซอมบี้ตัวน้อยอยู่ด้วย โครงกระดูกเทาอย่างอังเกอร์ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับหมอผีเปรียบก็คือ หมอผีโจมตีอังเกอร์ก่อนด้วยความตั้งใจจะปราบอังเกอร์แล้วลักพาตัวซอมบี้น้อยไป แต่ใครจะรู้ว่าอังเกอร์จะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วถึงเพียงนั้น โจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หมอผีสูญเสียการควบคุม

ตามทฤษฎี เคียวเก่าๆ ไม่น่าจะฟันหัวซอมบี้ที่หนังเหนียวได้ขาดภายในครั้งเดียว เหตุใดถึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้นะ?

หมอผีครุ่นคิดอยู่นาน ไม่อาจเข้าใจได้ ในที่สุดก็ฝืนใจไม่อยู่ ส่งโครงกระดูกออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ เขาไม่ได้หวังจะปราบอังเกอร์ แล้วจับซอมบี้น้อยอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่สืบหาสาเหตุให้กระจ่างก็เป็นที่พอใจแล้ว

เมื่อหมอผีบังคับโครงกระดูกมายังจุดที่อังเกอร์อยู่ กลับพบว่าซอมบี้ไร้หัวตัวนั้นเดินตามหลังอังเกอร์กับซอมบี้น้อยไปติดๆ กำลังช่วยกันขนหินชิ้นเล็กๆอย่างขะมักเขม้น

จิตวิญญาณของซอมบี้นั้นจะอยู่บริเวณหน้าอก ถึงหัวจะหลุดไปก็ยังสามารถดำรงชีวิตได้ เพราะงั้นจึงมักได้ยินเรื่องซอมบี้ไร้ศีรษะหรืออัศวินไร้ศีรษะบ่อยๆ แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโครงกระดูกไร้ศีรษะ

เพียงแต่เมื่อศีรษะหลุดออกไป ความสามารถในการรับรู้ก็จะอ่อนแอลงมาก วิญญาณต้องมองผ่านเนื้อหนังบริเวณช่องอกเพื่อสังเกตสถานการณ์ มันจะรู้สึกเหมือนมีต้อกระจกขุ่นมัว เว้นแต่ว่าวิญญาณจะแข็งแกร่งพอที่จะมองข้ามปัญหานี้ไป

นอกจากโครงกระดูกซอมบี้สามตนที่กำลังขะมักเขม้นไถนาแล้ว จอมเวทยังเห็นฟิลินปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าเขาอย่างกะทันหัน ใบหน้าเธอยิ้มกร้าวด้วยความโกรธจัด "พวกแมลงสาบจากท่อระบายน้ำใต้ดิน ปกติข้าขี้เกียจจัดการพวกเจ้า แต่เจ้ากลับกล้ามาหมายตาแขกผู้ทรงเกียรติของข้างั้นหรือ? งั้นก็ไปสำนึกบาปในโลกแห่งความตายซะ"

หมอผีรู้สึกได้เพียงว่าใบหน้าของฟิลินบิดเบี้ยวและหมุนวนเข้ามาหาเขา ในพริบตาก็ทำให้ตาลายหัวหมุน ราวกับมีแรงดูดมหาศาลดูดเขาเข้าไป ร่วงลงสู่เหวลึกไม่มีที่สิ้นสุด

ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หมอผีตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ ในใจนึกถึงเวทมนตร์อันน่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่ง—หุบเหวแห่งวิญญาณ

นั่นคือเวทย์มนตร์จิตวิญญาณ มุ่งเป้าไปที่จิตสำนึกที่แฝงตัวอยู่ในวัตถุอื่นโดยเฉพาะ อย่างเช่นการควบคุมด้วยจิตหรือการเข้าสิงศพที่ฟื้นคืนชีพเป็นต้น แต่โอกาสสำเร็จนั้นค่อนข้างต่ำ พลังจิตวิญญาณของผู้ร่ายต้องแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายหลายเท่ามากๆ ถึงจะมีโอกาสสำเร็จได้

โชคร้ายที่พลังจิตวิญญาณของฟิลินเหนือกว่าหมอผีคนนี้หลายสิบเท่า เธอจึงดึงจิตสำนึกของเขาออกมาและบีบให้แตกสลายได้อย่างง่ายดาย

ในมุมมืดแห่งหนึ่ง หมอผีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กระตุกตัวอย่างแรง จากนั้นก็อ่อนปวกเปียกไปทั้งร่าง ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงไหลลื่นจากเก้าอี้ลงสู่พื้น

เมื่อจิตถูกดูดไป หมอผีก็กลายเป็นเพียงศพเดินได้ ไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก แม้ร่างเขายังหายใจได้ มีชีวิตอยู่เพียงชั่วคราว แต่หากไม่มีใครพบเขาเสียก่อน เขาก็จะนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น จนกระทั่งตายด้วยความหิวในที่สุด

หลังกำจัดจิตสำนึกที่แฝงอยู่ในโครงกระดูกได้สำเร็จ ฟิลินถอนหายใจด้วยความหวาดหวั่น พึมพำว่า "โชคดีที่ข้ายังเหลือสติอยู่บ้าง ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอผู้พิทักษ์คนใหม่ ซื้อธัญพืชจากเขาได้ ถ้าให้พวกแมลงสาบนี่ไปทำให้ท่านผู้พิทักษ์ตกใจจนย้ายไปเฝ้าที่อื่น เมืองใต้ดินก็จบกันพอดี ไม่ได้ ต้องกำหนดให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่หวงห้าม ห้ามให้ผู้ใดเข้ามาตามใจชอบ"

พูดจบเธอก็ไม่สนใจโครงกระดูกที่ล้มอยู่บนพื้น และหายตัวไปอย่างเงียบๆ เธอไม่ปล่อยให้ใครไปรบกวนท่านผู้พิทักษ์ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่กล้า

ไม่นานนัก ซอมบี้ตัวน้อยที่อยู่เฉยไม่ได้ก็เริ่มวิ่งเล่นไปมา ไม่นานก็ไปเจอโครงกระดูกขาวโพลนนี้เข้า มันดีใจยกใหญ่รีบลากกลับมาหาอังเกอร์ พลางส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย

อังเกอร์ไม่สนใจโครงกระดูกนั้น กลับมองซอมบี้ตัวน้อยด้วยความฉงน จากร่างของมัน มีพลังวิญญาณสายหนึ่งลอยขึ้นมา แล้วลอยเข้าไปในร่างของอังเกอร์

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว เมื่อครู่ตอนที่อังเกอร์ฟันซอมบี้ล้มลง ซอมบี้ตัวน้อยก็เอามือจับคอตัวเอง ท่าทางตกใจจนตัวสั่น จากนั้นก็มีพลังวิญญาณสายหนึ่งลอยเข้ามาในวิญญาณของอังเกอร์

นับตั้งแต่พลังวิญญาณสายแรก อังเกอร์ก็เริ่มรับรู้ได้เลือนราง ว่าเขากับซอมบี้ตัวน้อยกำลังสร้างการเชื่อมโยงอันน่าพิศวงขึ้นระหว่างกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด