ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1104 กองทัพปีศาจ (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1104 กองทัพปีศาจ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
‘คนขี่ลา!?’
ดวงตาของราชาปีศาจสงครามส่องประกายเย็นชา เขาดึงกระบี่ขนาดใหญ่ออกมาจากด้านข้างอานม้า ม้าศึกที่ถูกเรียกว่าลายิ่งโกรธมากกว่าเขา เส้นเลือดปูดโป่งขึ้นบนร่างกายของมันและมีไอน้ำร้อนพุ่งออกมาจากรูจมูกของมัน มันกระโจนไปมาอย่างกระสับกระส่ายและคำรามว่า “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”
ราชาปีศาจสงครามเหวี่ยงกระบี่ไปข้างหน้าและชี้ไปที่หลี่ฉิงซาน “อย่าคิดหนี!”
“อย่ากังวล ข้าไม่ได้ขี่ลา ดังนั้นข้าคงไม่สามารถวิ่งหนีได้อย่างรวดเร็วแม้ข้าจะต้องการก็ตาม!”
หลี่ฉิงซานหัวเราะเสียงดังและกำหมัดแน่นด้วยร่างปีศาจสงคราม
ด้วยดาบในมือและปีกบนแผ่นหลัง เขากลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งเข้าหาราชาปีศาจสงครามและกองทัพปีศาจเพียงลำพัง
“เข้ามา!”
“ฆ่า!”
ราชาปีศาจสงครามคำรามและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับม้าศึกก่อนจะพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานด้วยภาพพร่ามัว
“สู้!”
กองทัพปีศาจตะโกนพร้อมกัน มันเหมือนคลื่นยักษ์ที่พุ่งเข้าสู่ก้อนเมฆ
“บึม!”
ดาบและกระบี่ปะทะกันสร้างคลื่นกระแทกระเบิดออกไป
ดวงตาทั้งสองสบกัน พวกมันอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว คู่หนึ่งสีแดงสด อีกคู่สีแดงเลือด ประกายไฟบินออกไป ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของกันและกันซึ่งนำไปสู่เจตนาสังหารที่ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
หลี่ฉิงซานรู้สึกปวดไหล่เมื่อถูกม้าศึกกัด ในชั่วขณะนั้นมันดูไม่เหมือนม้าอีกต่อไปแต่เป็นอสรพิษที่พุ่งออกมาจากรู ปากของมันเต็มไปด้วยฟันยาวที่แหลมคม
เมื่อได้รับความเข้าใจอย่างถ่องแท้หลังจากเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจวัว เขาสามารถใช้ความสามารถโดยกำเนิดต่างๆของปีศาจวัวได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ผิวหนังบนไหล่ของเขากลายเป็นผิวหนังปีศาจวัวสีดำทันทีเพื่อป้องกันฟันอันแหลมคม เขายิ้ม “ก้นของเจ้าดูค่อนข้างน่าประทับใจ แต่ดาบของข้าดีกว่าเล็กน้อย!”
ดาบตัดเข้าไปในกระบี่อย่างช้าๆ เงาร่างของจิตวิญญาณดาบจุดจบบุปผาคลั่งซ้อนทับกับร่างของหลี่ฉิงซานโดยจับด้ามดาบไว้อย่างแน่นหนา ในการปะทะที่รุนแรงเช่นนี้ อาวุธมีความสำคัญมากที่สุด เห็นได้ชัดว่าดาบจุดจบบุปผาคลั่งเหนือกว่า
ราชาปีศาจสงครามปล่อยเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ด้วยการบิดกระบี่ เขาฟาดมันไปที่หัวของหลี่ฉิงซานด้วยพลังอำนาจที่เพียงพอจะผ่าแยกภูเขา
หลี่ฉิงซานไม่กล้าปฏิบัติต่อราชาปีศาจสงครามเหมือนราชาปีศาจทั่วไป เขาบิดดาบเพื่อสกัดกั้นกระบี่ “เจ้าไม่สามารถฟันข้าได้!”
“ปัง ปัง ปัง ปัง”
ราวกับเสียงฟ้าร้อง ดาบและกระบี่ปะทะกันหลายร้อยครั้งในชั่วพริบตา คลื่นอากาศระเบิดออกไปและกลายเป็นพายุหมุน
ในตาพายุ ริ้วแสงสีแดงสดของหลี่ฉิงซานเต้นรำอยู่ในอากาศขณะที่เขาใช้ทั้งจุดจบความคลั่งและรูปปั้นปีศาจสงครามในเวลาเดียวกัน เขาสามารถสร้างสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างความแข็งแกร่งและทักษะ เขาเผชิญหน้ากับทุกการโจมตีของราชาปีศาจสงครามอย่างดุดันและสงบโดยเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้
ท่ามกลางผู้คนทั้งหมดที่นี่ คนที่ได้รับความได้เปรียบทางจากถ้ำปีศาจมากที่สุดคือหลี่ฉิงซานอย่างไม่ต้องสงสัย
หม้อของมณฑลชิงโจวเหมือนภูเขาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและปลดปล่อยภาพลวงตาของมณฑลชิงโจวออกมา ถ้ำปีศาจเหมือนปากสีดำขนาดใหญ่ที่พ่นปราณปีศาจออกมาอย่างต่อเนื่องและพยายามกลืนกินโลกใบนี้
นี่คือสถานที่ที่โลกสองใบมาบรรจบกัน ขณะที่หลี่ฉิงซานเป็นบุตรของโลกมนุษย์และราชาของเผ่าปีศาจ ดังนั้นไม่เพียงเขาจะไม่ถูกสะกดข่มโดยกฎใดๆ เขายังได้รับการสนับสนุนจากโลกทั้งสองใบอีกด้วย
“ข้าจะบดขยี้ของปลอมเช่นเจ้าในไม่ช้า แม้เจ้าจะพยายามหลบหนีตอนนี้ มันก็สายไปแล้ว!”
ราชาปีศาจสงครามคำรามอย่างเย็นชา ความสามารถในการพูดคุยระหว่างการต่อสู้อันดุเดือดแสดงให้เห็นว่าเขายังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด กองทัพปีศาจเคลื่อนที่มาข้างหน้า ทหารปีศาจนับล้านพุ่งเป้าไปที่หม้อของมณฑลชิงโจว
หลี่ฉิงซานเป็นเพียงอุปสรรคหนึ่งของพวกมัน
ด้วยการก้าวไปข้างหน้าของกองทัพ ปราณปีศาจของราชาปีศาจสงครามก็ทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ พลังที่อยู่เบื้องหลังกระบี่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะมีความแข็งแกร่งของปีศาจวัว แต่หลี่ฉิงซานก็เริ่มรู้สึกเหมือนตนเองไม่สามารถรั้งศัตรูไว้ได้อีกต่อไป
ในเวลาเดียวกันด้วยประสิทธิภาพของรูปปั้นปราบปีศาจในการต่อสู้กับเผ่าปีศาจ พระอาจารย์ไร้กังวลกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางราชานักบวชทั้งสี่ พวกเขารวบรวมพลังของค่ายกลราชันผู้พิทักษ์และมอบให้เขาทั้งหมด มันควบรวมร่างอวตารราชันผู้พิทักษ์ปราบปีศาจที่เกรี้ยวกราดขึ้นมา มือข้าหนึ่งของมันสะบัดโซ่สีดำไปรอบๆขณะที่อีกข้างใช้หอคอยปราบปีศาจฟาดฟันเหมือนอาวุธ
อย่างไรก็ตามพวกเขายังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องภายใต้การรุมล้อมของราชาปีศาจเกือบสามสิบตน และนั่นคือสถานการณ์ที่ราชาปีศาจต้องเฝ้าระวังการโจมตีของราชามังกรแห่งทะเลหมึกอยู่ตลอดเวลาซึ่งทำให้พวกมันไม่สามารถใช้กำลังได้อย่างเต็มที่ พวกเขาเหมือนวัวที่ติดอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าและสามารถตกตายได้ตลอดเวลา
และเมื่อกองทัพปีศาจบุกเข้ามา สิ่งที่พวกเขาทำได้คือถอยออกไปทีละก้าว หากพวกเขาถูกกองทัพปีศาจกลืนกิน มันอาจใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่พวกเขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
นาวาเหินราชามังกรแดงยิงลำแสงออกไปอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีแดงหลายร้อยสายโจมตีกองทัพปีศาจอย่างบ้าคลั่ง ในฐานะอาวุธสงคราม มันเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างมาก เว้นเพียงนี่ไม่ใช่ความขัดแย้งภายในของเก้ามณฑล เมื่อใดก็ตามที่ลำแสงแต่ละสายพุ่งผ่านปราณปีศาจ มันจะอ่อนกำลังลงหรือหายไปในที่สุด สิ่งนี้จำกัดพลังของมันเป็นอย่างมาก จำนวนปีศาจที่ถูกสังหารน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดของกองทัพทั้งหมด
ราชาหุ่นเชิดที่ออกมาจากนาวาเหินราชามังกรแดงถูกราชาปีศาจรื้อถอนไปนานแล้ว หนึ่งในนั้นกระทั่งถูกควบคุมโดยราชาปีศาจด้วยวิธีการบางอย่าง
ราชาอาณาจักรชูอยู่ในอารมณ์ตึงเครียด เขาเหนื่อยล้ามากจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้และมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะหยุดกองทัพปีศาจ แม้เขาจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่หม้อของมณฑลชิงโจวจะสามารถปราบปรามกองทัพที่ใหญ่โตเช่นนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางลูกสาวของเขา เสื้อคลุมนักบวชสีขาวอมฟ้าของนางปลิวขึ้นสู่อากาศ แต่นางไม่ได้ทำสิ่งใดเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา นางถือระฆังที่ละเอียดอ่อนไว้ในมือและดูเหมือนกำลังสวดมนต์
ราชานักบวชทั้งสี่ต่อสู้พร้อมล่าถอย
“ศัตรูของพระพุทธเจ้าเชื่อถือไม่ได้จริงๆ นางกำลังหลบเลี่ยงการต่อสู้!”
“เราไม่ควรคิดที่จะพึ่งพาศัตรูของพระพุทธเจ้าตั้งแต่แรก!”
“มีสมาธิ! อย่างพูด!” พระผู้กล้ากล่าว
ตัวตนของเสี่ยวอันในฐานะศัตรูของพระพุทธเจ้าไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่คำพูดเหล่านั้นก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขายังคงเชื่อในตัวนางด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาเชื่อว่านางจะมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้กระทั่งเป็นผู้กำหนดผลลัพธ์ทั้งหมด
เผ่าปีศาจมีความคิดที่บิดเบี้ยวแต่ส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิ์ถูกเรียกว่าศัตรูของพระพุทธเจ้า ผู้คนที่มีไหวพริบจะเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าเป็นตัวตนที่ไม่สามารถต่อต้านได้ ดังนั้นศัตรูของพระพุทธเจ้าก็ต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
แม้แต่ตอนนี้พระผู้กล้าก็ยังรู้สึกเจ็บปวด ‘จิตมั่น เมื่อเจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพุทธะ เจ้ามีศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดอย่างเห็นได้ชัด แล้วเหตุใดเจ้าต้องเลือกที่จะเป็นศัตรูของพระพุทธเจ้า?’
ทันใดนั้นเงาขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นเหนือราชานักบวชทั้งสี่
พลังของราชาปีศาจสงครามปะทุขึ้นสู่จุดสูงสุด มันสร้างรูปปั้นปีศาจสงครามสูงมากกว่าสามพันเมตรขึ้นด้านหลัง
วิธีการรวบรวมพลังจากคนจำนวนมากไม่ใช่เรื่องแปลก หลี่ฉิงซานเคยเห็นศิษย์สำนักการทหารใช้มันมาแล้ว เช่นเดียวกับผีดิบจากพิภพวิญญาณ อย่างไรก็ตามเมื่อราชาปีศาจสงครามใช้มัน มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง มันมากพอที่จะทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า
“โลกนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิภพปีศาจ นั่นคือเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แม้แต่เจ้าก็ยังดิ้นรนอย่างไร้ความหมาย” ราชาปีศาจสงครามและรูปปั้นปีศาจสงครามกล่าวพร้อมกันโดยสร้างเสียงซ้อนทับกันที่ดังสะท้อนไปทั่ว
ในตอนท้ายราชาปีศาจสงครามฟาดกระบี่ของมันและรูปปั้นปีศาจสงครามที่อยู่ด้านหลังมันก็เหวี่ยงกระบี่ปีศาจขนาดมหึมาลงมาเช่นกัน ปราณกระบี่ระเบิดออกไปหลายสิบกิโลเมตร มันฟันนาวาเหินราชามังกรแดงขาดครึ่งลำ
ทุกคนเฝ้ามองอย่างช่วยไม่ได้เมื่ออาวุธสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกใบนี้ตกลงจากท้องฟ้า
สิ่งนั้นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง
แต่ในจังหวะนี้เสียงระฆังพลันดังขึ้น!