ตอนที่แล้วตอนที่ 33 เด็กที่น่าสังเวช
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 กลืนกิน

ตอนที่ 34 เขียนชะตากรรมใหม่


ความประทับใจแรกที่คนส่วนใหญ่มีต่อว่านหยูคือ'ดูดีแต่โง่'

แต่ในความเป็นจริงว่านหยูไม่เพียงแต่ไม่โง่ แต่ยังฉลาดกว่าคนส่วนใหญ่

ว่านหยูแค่เลือกที่จะเงียบเพราะประสบการณ์ที่น่าเศร้าเกินไปในวัยเด็กของเขา

ภายในเกมว่านหยูถูกรับเลี้ยงโดยฆาตกรโรคจิต ซึ่งหล่อหลอมเขาให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่บิดเบี้ยวและน่าสะพรึงกลัวผ่านการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้ซึ่งมนุษยธรรม

อย่างไรก็ตาม เกาหมิงตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องราวชีวิตของว่านหยูใหม่อีกครั้ง

เกาหมิงไตร่ตรองสถานการณ์อย่างลึกซึ้ง 'โลกเงาได้เขียนชีวิตของว่านหยูตามสคริปต์ที่ตั้งค่าไว้ภายในเกม ถ้าเราเปลี่ยนมัน..จะต้องมีผลตามมาที่ร้ายแรง' เขาจะทำในสิ่งที่ซวนเหวินทำ และนั่นคือการเผชิญหน้ากับโลกแห่งเงา

เกาหมิงหันไปมองว่านหยู เด็กมัธยมร่างผอมคนนี้จับขอบกระจกรถด้วยมือทั้งสองข้าง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยสีหน้าว่างเปล่า ราวกับกำลังมองหาบ้านที่เขาไม่เคยมี ในเมืองที่พลุกพล่านและไม่คุ้นเคยนี้

ซูเหมียวเซียวซึ่งกําลังขับรถอยู่เห็นฉากนี้ผ่านกระจกมองหลังเช่นกัน ด้วยความเห็นอกเห็นใจ เธอพร้อมที่จะพาว่านหยูกลับบ้านของเธอเองหากทางสำนักงานไม่อนุญาตให้เขาอยู่ โดยวางแผนที่จะค้างคืนในห้องปฏิบัติงานของสำนักงานแทน

พระอาทิตย์กําลังตกดินอย่างช้าๆ เกาหมิงแวะไปที่อื่นอีกสองสามแห่งตามข้อมูลที่ได้มา แต่กลับไม่พบอาชญากรรายอื่นๆอีก

เนื่อกจากมีสมาชิกใหม่เข้ามาในตอนบ่อย เกาหมิงจึงใช้เวลาอยู่ในเมืองได้ไม่นานนัก จึงต้องรีบกลับสำนักงานสืบสวนลี่ซานก่อนมืด

"ผมไม่เคยเข้าร่วมการฝึกอบรมมาก่อน ดังนั้นผมคงต้องฟากคุณเรื่องนี้ด้วย" เกาหมิงผลักเรื่องนี้ให้จูเหมียวเซียว

"ห๊ะ แต่ฉันก็มือใหม่นะ!" จูเหมียวเซียวที่ไม่มีแม้แต่สายรัดข้อมือสีดำจึงรู้สึกกังวล "ทำไมเราไม่รอให้หัวหน้าไป๋กลับมาล่ะ"

"ตกลง" เกาหมิงเห็นด้วย

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาไปถึงสำนักงานกลับพบว่าความกังวลของพวกเขาเกี่ยวกับการดูแลเจ้าหน้าที่มือใหม่เหล่านั้นไม่มีความจำเป็น ไม่มีเจ้าหน้าที่มือใหม่มีเพียงเจ้าหน้าที่โลจิสติกส์จากหน่วยงานสืบสวนเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ด้วยอาการเขินอายเล็กน้อย

"แล้วเจ้าหน้าที่มือใหม่ล่ะ?" เกาหมิงหาที่นั่งให้ว่านหยูก่อนเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่โลจิสติกส์

"เอิ่ม คือว่า... " เจ้าหน้าที่ทำสีหน้าลังเลเล็กน้อย "ดูเหมือนจะมีคนปล่อยข่าวลือออกมาว่า อัตราการรอดชีวิตของทีมหนึ่งคือแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่มือใหม่คือ..คือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์!" เจ้าหน้าที่รู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะมอบเอกสารในมือให้

"ไร้สาระ" เกาหมิงชี้ไปที่จูเหมียวเซียว "แล้วที่ยืนอยู่นี่ล่ะ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็แค่หายตัวไป ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นหรือตาย"

"แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้คือ ตอนนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่หน้าใหม่คนไหนเต็มใจที่จะเข้าร่วมทีมหนึ่ง" พนักงานอธิบายด้วยรอยยิ้มที่ข่มขื่น "ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ก่อนหน้านี้ต้องการเข้าร่วมทีมหนึ่ง ยื่นเรื่องขอย้ายไปทีมสองและสามในนาทีสุดท้าย ทางสำนักงานเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะบังคับให้พวกเขาเลือกเช่นกัน"

"คุณควรรอให้หัวหน้าไป๋กลับมาแล้วค่อยรายงานเขาเป็นการส่วนตัว" เกาหมิงตอบ น้ำเสียงของเขาสบายๆ ไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อะไร

"งั้นคุณช่วยเซ็นเอกสารเหล่านี้ก่อนได้ไหม?" เกาหมิงแสร้งทําเป็นไม่ได้ยิน เขานั่งลงข้างว่านหยู ในขณะเดียวกันจูเหมียวเซียวก็หมกมุ่นอยู่กับการขัดขวานอย่างพิถีพิถันท่าทางของเธอราวกับฆาตกรเลือดเย็น

เจ้าหน้าที่โลจิสติกส์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าพบผู้อำนวยการเฉินหยุนเทียน

ในช่วงเวลาสั้นๆของเขากับว่านหยู เกาหมิงเริ่มเข้าใจสภาพจิตของเด็กชายบ้างแล้ว ว่านหยูสร้างกำแพงในใจขึ้นมาปิดกั้นตัวเองอย่างสมบูรณ์ เพื่อที่จะปลดปล่อยศักยภาพที่น่าทึ่งของเขา จำเป็นต้องรื้อถอนอุปสรรคทางจิตเหล่านี้ทิ้ง พ่อบุญธรรมตามเนื้อเรื่องจะใช้การทรมานและแรงกดดันในการทําลายกลไกนี้ แต่เกาหมิงไม่ต้องการทำเช่นนั้น เขาต้องการใช้กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและมีมนุษยธรรม

'ถ้าหากทุกอย่างล้มเหลว การใช้ชีวิตตามปกติก็คงไม่เลวร้ายสําหรับเด็กคนนี้' เกาหมิงรำพึง ในฐานะนักออกแบบเกม ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของว่านหยูดีไปกว่าเกาหมิง

ตกกลางคืน เกาหมิงหยิบโทรศัพท์ออกมาวิดีโอคอลกับเว่ยต้ายู่ ภายในสตูดิโอยังคงสว่างไสว ทุกคนยังคงทำงานล่วงเวลา

"ต้ายู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสตูดิโอใช่ไหม" เกาหมิงใช้เวลาชั่วครู่เพื่อสํารวจสตูดิโอผ่านวิดีโอคอล ไม่มีใครรู้ว่า'ความตาย'ซ่อนตัวอยู่รอบพวกเขา

"ทุกอย่างกำลังไปได้สวย! วันนี้นักลงทุนรายใหญ่ซีอีโอเจ้า ก็เข้ามาตรวจสอบงานเหมือนกัน คนบนโลกออนไลน์ด่าว่าเขาโง่ มีแต่พวกเราที่รู้ว่าเขาฉลาดแค่ไหน" เว่ยต้ายู่มีความสุขมาก เขาพบความสุขในการสร้างเกมอีกครั้ง เขาคุยกับเกาหมิงอย่างมีความสุข ไม่รู้ตัวเลยว่าซวนเหวินปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเขาอย่างเงียบๆ

สีหน้าของเกาหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นซวนเหวิน

"สวัสดีตอนเย็น ซวนเหวิน งานเป็นยังไงบ้าง" เกาหมิงทักทายเธอ

ซวนเหวินโน้มตัวลงและเลิกคิ้ว "คุณสองคนกําลังวิดีโอคอล?"

"ต้ายู่ส่งมือถือให้ซวนเหวินที ผมต้องคุยอะไรกับเธอเป็นการส่วนตัวเล็กน้อย" เกาหมิงไอแห้ง

"โอเคๆ" เว่ยต้ายู่ยิ้มอย่างมีเลศนัยไปทางเกาหมิง ก่อนส่งมือถือให้ซวนเหวิน และลุกออกไปเล่นกับแมว

"คุณรู้สึกดีขึ้นไหม" เกาหมิงมองไปที่ซวนเหวิน ในบรรดาอาชญากรทั้งหมดที่เขาออกแบบ เธอเป็นคนที่พิเศษที่สุดเพราะเธออยู่ในอุโมงค์กับเขาในคืนนั้น

"ตอนนี้ฉันสามารถชินกับเสียงในหัวและลิ้มรสอารมณ์ได้แล้ว" ดวงตาของซวนเหวินเป็นประกาย "ฉันมีลางสังหรณ์ว่าหลังจากที่ฉันได้รับอารมณ์ที่แตกต่างกันเกินหนึ่งแสนอารมณ์ จะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเกิดขึ้น"

"และมันจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้"

"หนึ่งแสนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะสร้างเกมของเราต่อไป ไม่ว่าจะต้องจ่ายมากเท่าไหร่ ผู้คนจะต้องรับรู้การมีอยู่ของเกมนี้!" เสียงของซวนเหวินนั้นอ่อนโยน แต่สายตาของเธอกลับน่ากลัว "ลองนึกภาพสิ ถ้าคนทั้งเมืองหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวของเรา เราจะไม่ก้าวข้ามความเป็นมรรตัย*ทางร่างกายและมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ในความทรงจําของพวกเขาหรือ"

"คุณสามารถลองได้แต่ระวังผู้เล่นคนอื่น เมื่อความผิดปกติขยายตัว จะมีคนที่มีภาพเหมือนคนตายมากขึ้น พวกเขาจะรู้ว่าคุณมีอยู่จริงและเมื่อถึงเวลา พวกเขาอาจจะกําหนดเป้าหมายมาที่คุณ" เกาหมิงและซวนเหวินมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน เขาไม่ต้องการให้เธอตกอยู่ในอันตราย

"ไม่ต้องห่วง" ซวนเหวินตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเบาเสียงลงเป็นน้ำเสียงที่ดูสมรู้ร่วมคิดมากขึ้น "สองวันมานี้ฉันพบว่าไนท์ไลท์สตูดิโอเป็นสถานที่ที่น่าสนใจพอสมควร หากใครกล้าพอที่จะเสี่ยงมาที่นี่ พวกเขาอาจพบว่าตัวเองไม่สามารถออกไปได้อีกเลยก็ได้นะ"

นอกจากซวนเหวินและฆาตกรที่หลบซ่อนตัวอยู่ ดูเหมือนที่นี่ยังมีความลับอื่นๆซ่อนอยู่อีก

ซวนเหวินไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ดูเหมือนภายในสตูดิโอจะไม่ใช่สถานที่ที่สะดวกนักในการพูด

เว่ยต้ายู่ที่จับฝ่าไฉกลับมา เมื่อแมวอ้วนเห็นเกาหมิงบนหน้าจอ มันก็สลัดเว่ยต้าหยูทิ้งพุ่งตัวมาทางหน้าจอ มันตะกุยที่หน้าจอราวกับว่ามันกําลังพยายามจะเข้าไปหาเกาหมิง

"คุณเห็นไหมว่าฝ่าไฉชอบคุณมากแค่ไหน" เว่ยต้ายู่คว้าขาหลังของฝ่าไฉแล้วลากมันออกไป

"เมี๊ยวววววววว"เสียงร้องอย่างต่อเนื่องและลากยาวของฝ่าไฉ่ที่มีต่อเกาหมิงนั้น ราวกับกําลังอ้อนวอนว่า "พาหนูออกไป!"

ด้วยปฏิกิริยาที่ผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆของฝ่าไฉ่ เกาหมิงเริ่มรู้สึกว่าซวนเหวินน่าจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างจริงๆ

เขาวางสายท่ามกลางเสียงร้องเหมียวๆของฝ่าไฉ่ จิตใจของเขาเต้นแรงด้วยความคิดบางอย่าง 'เป็นไปได้ไหมว่าเกมที่เราเคยเก็บไว้ในสตูดิก่อนที่จะเผาทิ้งเริ่มพัฒนาไปในรูปแบบที่คาดไม่ถึงแล้ว'

ในขณะที่เขาหลงทางอยู่ในความคิดก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าหน้าที่ชายหญิงสองคนเดินเข้ามาทั้งคู่สวมสายรัดข้อมือสีดำ

"มีแค่พวกคุณ!" น้ำเสียงของชายคนนั้นดูค่อนข้างใจร้อน เขามีใบหน้าคล้ายม้า สีหน้าบงบอกถึงอารมณ์ที่ดูหงุดหงิด "ฉันหม่าเหลียนหัวหน้าทีมสืบสวนที่สอง ส่วนนี่เฉินปิงหัวหน้าทีมสืบสวนที่สาม เนื่องจากสมาชิกหลักทีมคุณไม่อยู่ ส่วนสมาชิกใหม่ก็ยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นทางเราจะรับช่วงต่อการลาดตระเวนในคืนนี้ งานของคุณคือการให้การสนับสนุนเรา"

จูเหมียวเซียวเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้อย่างรวดเร็ว แต่เกาหมิงไม่เห็นด้วย "คืนนี้ผมต้องไปที่อาคารสี่ ถนนหมินหลง เหตุการณ์ที่นั่นยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์"

หม่าเหลียนผงะกับการปฏิเสธของเกาหมิง เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นและพูดอย่างเผด็จการ "ผมไม่อนุญาต!"

เกาหมิงยืนขึ้นจ้องหน้าหม่าเหลียน "แล้วผมขออนุญาตจากคุณตอนไหน!"

มรรตัย* ผู้ที่ต้องตาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด