ตอนที่ 325
ตอนที่ 325
เต๋าซุนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองดูฉากนี้
พลังระดับ 8 แผ่ออกมาจากมัมมี่
“เกิดอะไรขึ้น” เต๋าซุน มองไปยังสามคนที่อยู่ข้างๆเขาแล้วถาม
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน” หนึ่งในสามศิษย์ชุดคลุมสีเหลืองอธิบาย
“เรามากันเป็นกลุ่ม และเราก็ได้พบกับพวกมัมมี่ทันทีที่เดินเข้าไปในทะเลทราย
กระทั่งตอนนี้ มีพวกเราเพียงสามคนเท่านั้นที่รอดชีวิต ”
“มีมัมมี่จำนวนมากในทะเลทรายนี้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะลาดตระเวนไปทั่วทะเลทรายเลย” ศิษย์อีกคนที่อยู่ข้างๆพูด
“เราไม่สามารถออกไปจากหลุมนี่ได้เลย เราติดอยู่ที่นี่อย่างสมบูรณ์”
เต๋าซุนขมวดคิ้วและคิด
สามคนนี้อาจเป็นศิษย์ของกองกำลังระดับหนึ่ง
เหตุผลที่อีกฝ่ายรู้จักตัวเขาเป็นเพราะความขัดแย้งก่อนหน้านี้กับนิกายหยุนหวง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจก็คือมีมัมมี่เหล่านี้มากเกินไป
หากพวกมันมีระดับการบ่มเพาะถึงระดับ 8 เช่นนี้ ตัวเขาเองก็ทำได้เพียงพึ่งพาโกลาหลกับไป่เหมินเท่านั้น
ระดับพลังยุทธ์ในปัจจุบันของเขาสู้กับตัวตนระดับ 8 ได้เท่านั้น แต่หากอีกฝ่ายมีมากเกินไป เขาย่อมไม่อาจรับมือได้อย่างแน่นอน
เต๋าซุน เงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าทะเลทรายนั้นกว้างใหญ่และว่างเปล่า
แทบจะไม่มีที่ซ่อนเลย ดังนั้นหินก้อนใหญ่นี้จึงนับว่าดีที่สุด
ถ้าไปไกลกว่านี้ เขาอาจได้พบกับมัมมี่และอาจไม่มีที่ซ่อนก็เป็นได้
“บุตรแห่งสวรรค์เต๋า ท่านช่วยหาวิธีติดต่อกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ และขอให้พวกเขามาช่วยพวกเราได้หรือไม่” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขาถามอย่างคาดหวัง
“คงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ผู้คนที่มาจากนิกายข้าครั้งนี้เองก็มีเพียงยอดฝีมือระดับ 7 เท่านั้น ดังนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อะไรแม้พวกเขาจะมาช่วยก็ตาม ” เต๋าซุนส่ายหัวและพูด
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็คงจบสิ้นแล้ว” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆก็พูดอย่างหดหู่
“เป็นธรรมดาของหนึ่งในสิบสถานที่ต้องห้าม นี่พวกเจ้าไม่ได้เตรียมใจมากันก่อนเลยรึไง” เต๋าซุนกล่าวพร้อมกับมองดูคนไม่กี่คน
“ไม่มีของฟรีบนโลกนี้
เอาเถอะ พวกเจ้าก็ซ่อนตัวไป ส่วนข้าจะไปต่อ ”
เต๋าซุนยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าทีละก้าว
มัมมี่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปไหนแล้ว
“เขาบ้าไปแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มพูดด้วยความประหลาดใจขณะมองดูร่างที่จากไปของ เต๋าซุน
“ถ้าเขาเจอมัมมี่ เขาต้องตายแน่”
-
เดินอยู่ในทะเลทราย ฝนตกปรอยๆลงมาจากท้องฟ้า
เต๋าซุนหายใจเข้าลึก ๆ และอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าของเขา
บรรยากาศที่นี่ตึงเครียดอยู่เสมอ
หลังจากเดินไปได้สักพัก หมอกหนาก็เริ่มปรากฏตรงหน้า
เขามองเห็นทางข้างหน้าไม่ชัดเพราะหมอกที่ปกคลุมไปทั่ว
เต๋าซุนได้ยินเสียงคำรามอันน่าสลดใจจากหมอกเล็กน้อย
ทันใดนั้น ร่างหลายร่างก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากหมอก
จริงๆ แล้วพวกมันคือมัมมี่ทั้งสามตัว
มัมมี่ระดับ 8 สามตัว
รูปร่างหน้าตาของพวกมันเหมือนกันจนไม่สามารถแยกแยะได้ ผิวหนังกับกล้ามเนื้อบนพื้นผิวของมันก็ถูกห่อรวมเข้าด้วยกัน
มันดูแข็งแกร่งและมีรอยแตกมากมายบนผิวหนัง
พวกมันอ้าปากและคำรามใส่เต๋าซุน
น้ำลายเหนียวในปากของพวกมันหนาราวกับมีสารบางอย่างเคลือบอยู่ที่ฟัน
เมื่อมัมมี่ทั้งสามพุ่งเข้าหาเต๋าซุน
พวกมันก็รวดเร็วเป็นอย่างมากและกรงเล็บก็เฉียบคมเช่นกัน
เต๋าซุนไม่กล้าที่จะประมาทและเรียกโกลาหลออกมาโดยตรง
ร่างใหญ่ของโกลาหลตกลงมากลางอากาศ
มันตบลงด้วยกรงเล็บข้างเดียว ทำให้มัมมี่ทั้งสามตัวปลิวออกไป
แต่มัมมี่เหล่านี้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และพวกมันก็ดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย
หลังจากที่พวกมันลุกขึ้น พวกมันก็คำรามด้วยความโกรธ แล้วหมายจะสังหาร เต๋าซุน อีกครั้ง
“สู้ไปก็ไร้ความหมาย” เต๋าซุนกระโดดขึ้นไปบนหัวของโกลาหล และพูดเบา ๆ
“ไปจุดศูนย์กลางให้เร็วที่สุดเถอะ ไม่จำเป็นต้องสนใจมัมมี่เหล่านี้ ”
โกลาหลคำรามเสียงดัง ปีกสีแดงเลือดสองคู่ที่บางพอๆกับปีกจั๊กจั่นก็กางออกข้างหลังราวกับจะปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
แม้ว่าจะมีพลังผนึกท้องฟ้าของที่นี่ไว้ และทำให้ไม่สามารถบินได้จริงๆ
แต่ความเร็วของโกลาหลนั้นก็สูงเป็นอย่างยิ่งด้วยความช่วยเหลือจากปีกของมัน ทำให้มัมมี่เหล่านั้นถูกทิ้งไว้ข้างหลังไกลออกไป
เข้าสู่สายหมอก
เต๋าซุนก็ได้ยินเสียงคำรามทุกครั้งที่เขาพุ่งผ่านได้สักพัก
หมอกปกคลุมทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา แต่แม้ว่าเต๋าซุนจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน เขาก็ยังรู้สึกได้
จำนวนมัมมี่ที่อยู่รอบๆดูเหมือนจะมีค่อนข้างมากเลยทีเดียว
ด้วยมัมมี่ระดับ 8 ที่มีอยู่มากมาย หากพวกมันบุกเข้ามา พวกเขาจะต้องถูกแยกเป็นชิ้นๆอยู่ที่นี่แน่นอน
โกลาหลยังคงดำเนินต่อไป
เต๋าซุนไม่สนใจ และการฆ่ามัมมี่เหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ในขณะที่หมอกที่อยู่รอบๆเบาบางลงเรื่อยๆ พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าตัวเองนั้นอยู่ส่วนปลายของหมอกแล้ว
ในขณะนี้ เขาก็เห็นแสงออโรร่าสีดำลอยอยู่เหนือหัว
แสงออโรร่านี้ก็กระทบเข้ากับแผ่นหลังของโกลาหล
เมื่อเสียง "บูม" ดังขึ้น พลังจิตวิญญาณแปลก ๆ ก็เริ่มผันผวน
หลุมเลือดปรากฏขึ้นด้านหลังของโกลาหล และร่างใหญ่ของมันก็ล้มลง
เต๋าซุนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นมัมมี่อีกสามตัวกำลังเฝ้าทางออกของหมอกไว้
มัมมี่ทั้งสามแตกต่างจากมัมมี่ตัวอื่นๆที่ผ่านมา ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยอากาศสีดำ
ที่ตำแหน่งดวงตาของพวกมัน มีหมอกสีดำสองกลุ่มลอยออกมา
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ กลิ่นอายของพวกมันที่ผันผวนออกมานั้นอยู่ระดับอมตะ
“เป็นไปได้ยังไง?” เต๋าซุน หรี่ตาเล็กน้อย
มีสิ่งมีชีวิตที่เข้าสู่เส้นทางอมตะอยู่ที่นี่ด้วยรึ …. นี่อยู่เหนือเกินความคาดหมายอย่างแท้จริง
เหล่าผู้ท้าชิงจักรพรรดิที่สู้กันเพื่อชิงโชคชะตาในคราวนั้นต่างก็อยู่จุดสูงสุดของระดับ 8 ด้วยกันทั้งสิ้น
พวกเขาเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งเต๋าหรือเส้นทางอมตะก็จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะทะลวงผ่านจุดนั้นไปได้
และยิ่งหลังจากความตายจนกลายเป็นมัมมี่ มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้อีกที่พวกเขาจะก้าวเข้าสู่เส้นทางอมตะ….
แม้ว่าเส้นทางอมตะจะไม่ได้ดีเท่าเส้นทางแห่งเต๋า แต่ความยากลำบากในการก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้ก็ไม่ใช่ง่ายเลย
ผู้คนมากมายต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังติดอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับ 8 ด้วยซ้ำ พวกเขาต่างก็สิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางอมตะ
-
“ช่างเถอะ เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับพวกมัน” เต๋าซุน กระซิบ
เขาอัญเชิญไป่เหมินออกมาโดยตรง
พลังปีศาจอันยิ่งใหญ่ก็พลุ่งพล่านไปทั่ว
ไป่เหมินมองดูมัมมี่ทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดช้าๆ: "นายท่านของข้า ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ชั่วร้ายจากพวกมัน"
“ก็พอเดาได้” เต๋าซุนหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าอากาศทมิฬจากนรกจะตื่นขึ้นมาแล้วสินะ”
ไป่เหมินไม่ได้พูดอะไรมากและโบกมือ
พลังปีศาจอันกว้างใหญ่ควบแน่นอยู่กลางอากาศ และใบหน้าที่ดุร้ายหลายหน้าที่ปรากฏขึ้นจากพลังปีศาจที่ควบแน่น จากนั้นพวกมันก็พุ่งไปกลืนกินมัมมี่ทั้งสามตน
ขณะที่ใบหน้าดุร้ายกลืนกินมัมมี่เหล่านั้น
พวกมันก็ต่อต้านอย่างสิ้นหวัง
พลังปีศาจและออร่าชั่วร้ายที่ขัดแย้งก็พัวพันเข้าด้วยกัน
ไป่เหมินขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า "นี่มันอะไรกัน? มันสามารถระงับพลังปีศาจของข้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆเช่นนี้เชียวรึ
โชคดีที่พวกมันนั้นยังอ่อนแอเกินไป ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าพวกมันจะน่ากลัวแค่ไหนหากอยู่ระดับเดียวกับข้า ”
ขณะที่ไป่เหมินโบกมือใหญ่ของเขาอีกครั้ง จู่ๆ ลูกบอลไฟปีศาจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่กำลังกลืนกินมัมมี่
ไฟปีศาจเผาผลาญทุกสิ่งจนหมดจด และมัมมี่ก็กลายเป็นเถ้าถ่านจนไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า
-
“เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่อากาศทมิฬจากนรกที่สามารถกลายพันธุ์สิ่งมีชีวิตได้จะไม่ธรรมดา” เต๋าซุน กล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“พวกเราอาจต้องพบเจอปัญหามากกว่านี้อีกก็เป็นได้ ข้าคาดว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นคงจะลำบากไม่น้อยเลย”
หลังจากสังหารมัมมี่ทั้งสามตัว เต๋าซุนก็ส่งโกลาหล กลับไปและปล่อยให้มันพักฟื้นที่โลกแก่นชีวิตของเขา
เพราะต้นไม้แห่งชีวิต อาการบาดเจ็บของมันจึงเกือบจะฟื้นตัวได้ในทันที
ไม่แปลกที่ต้นไม้แห่งชีวิตจะทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
มันกระทั่งสามารถสร้างระบบพืชพรรณได้ ดังนั้นการช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของสิ่งมีชีวิตก็ย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่มันก็ไม่อาจฝืนกฏแห่งสวรรค์เปลี่ยนแปลงให้คนกลายเป็นอมตะได้ และไม่สามารถชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วได้