ตอนที่ 235 การต่อสู้ชี้ขาด
“เจ็ด หรือแปดคน.. ดูเหมือนว่า ฉีเจา คนนี้คิดจะทำอะไรบางอย่างอีกครั้ง”
ซูเหวิน พยักหน้า
ทันใดนั้น เขาก็เกิดคําถามขึ้นมา
“ถ้าผมเดาไม่ผิด นักฆ่ากลุ่มที่เพิ่งจ้างมานี้จะต้องมาหาผม และคืนนี้ ฉีเจา คนนั้นค้นพบที่อยู่ของพวกคุณ ดังนั้นเขาคงเดาได้ว่าเป็นผมที่ส่งพวกคุณไป..”
“และมีความเป็นไปได้ไหมว่าคืนนี้ ..พวกเขาจะลงมือ”
“ท้ายที่สุด.. พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าพวกคุณได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อไม่ให้ผมมีโอกาสหายใจก่อนที่จะหาบอดี้การ์ดคนใหม่มาได้ หากมองตามภาพรวมนี้แน่นอนว่า ..ยิ่งลงมือเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
พอคําพูดนี้หลุดออกมา บอดี้การ์ดสองคนนั้นก็ตกใจ และรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก
ใช่!
พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และจุดนี้อีกฝ่ายก็ต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน
เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ พวกเขาจะต้องลงมือจัดการกับ ประธานซู..
หากอีกฝ่ายต้องการจะลงมือ คืนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดไป.. อย่างไม่ต้องสงสัย
“เราควรทำอย่างไรต่อ?”
“หรือเราจะอพยพออกจากที่นี่?”
บอดี้การ์ดสองคนขมวดคิ้ว และอดจะถามคำถามนี้ไม่ได้
“นั่นไม่จำเป็น ตอนนี้วิลล่าหลังนี้ไม่ได้มีแค่พวกคุณสองคนอยู่ที่นี่ ยังมีบอดี้การ์ดอีกสี่คนเฝ้าอยู่ข้างนอกด้วย!”
ซูเหวิน ยิ้มเล็กน้อย และเขาพูดออกไปอย่างกล้าหาญ
“นี่…”
บอดี้การ์ดสองคนมองหน้ากัน
หนึ่งในนั้น กล่าวว่า : “ประธานซู อภัยให้ฉันด้วยที่ต้องขอพูดตามตรง คนกลุ่มนั้นไม่ธรรมดา และมีจํานวนมากกว่า แม้ว่าฝั่งเราจะยังมีบอดี้การ์ดอีกสี่คน แต่ก็เกรงว่าจะต้านศัตรูได้ยาก”
“ถูกต้อง ถ้าเราสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บ บวกกับอีกสี่คนคาดว่าจะสามารถต้านทานได้สักพัก แต่ตอนนี้เราสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส โอกาสชนะมันคงเป็นเรื่องยากจริงๆ”
บอดี้การ์ดสองคนพูดอย่างสุขุม
ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต และความตาย จึงไม่ควรทำอะไรโดยประมาท
เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของ ซูเหวิน
ดังนั้นเมื่อเผชิญกับการห้ามปรามของบอดี้การ์ดทั้งสองคน ซูเหวิน ไม่เพียงแต่ไม่ถอยกลับ กลับยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า : “มันจะดีกว่าถ้าพวกเขามาจริงๆ จะได้ประหยัดเวลาโดยไม่ต้องให้ฉันไปหาพวกเขาเอง..”
พูดตามตรง ไม่ว่า ฉีเจา จะหาผู้ช่วยแบบไหนมา ซูเหวิน ก็ไม่คิดแม้แต่จะใส่ใจ
หากเขาต้องการลงมือจัดการกับ ฉีเจา ก็ไม่มีใครสามารถขวางเขาได้
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ..
เขาไม่ใช่ทหารรับจ้าง หรือนักฆ่ามืออาชีพ
แน่นอนเขาไม่สามารถจัดการกับบุคคลหนึ่งโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ได้
ข้อนี้.. เขาด้อยกว่านักฆ่ามืออาชีพจริงๆ
ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นวิธีการหนึ่งที่พัฒนาขึ้นจากการสะสมประสบการณ์มาเป็นเวลาหลายปี
คนส่วนใหญ่จึงยากที่จะเรียนรู้มัน..
แต่จะว่าไปแล้ว
หากคราวนี้ ฉีเจา ส่งคนกลุ่มนั้นออกมาจัดการกับเขาจริงๆ
ถ้าอย่างนั้นเขาจะไม่สามารถใช้โอกาสนี้กำจัดคนกลุ่มนั้นให้หมดไป ไม่ได้หรือ?
ด้วยวิธีนี้ รอบๆ ตัว ฉีเจา ก็จะไม่ใครเหลืออีกแล้ว
เวลานั้นหากเขาส่งบอดี้การ์ดไปจัดการกับ ฉีเจา อีกครั้ง เช่นนี้ไม่เรียกว่าสมบูรณ์แบบเลยเหรอ?
ขณะที่ ซูเหวิน กำลังคิดว่าความคิดนี้ไม่เลว..
ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว
ความรู้สึกอันตรายก่อเกิดขึ้นในใจเขาทันที
ความรู้สึกนี้แทบจะเหมือนกับความรู้สึกเมื่อครั้งเขาเผชิญหน้ากับการลอบสังหารเมื่อสองสามคืนก่อน
ซูเหวิน เข้าใจได้ทันทีว่า ..พวกเขามาแล้ว
“ไม่ดี ไม่ดีแล้ว ประธานซู คุณกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ต้องเป็นพวกเขาแน่นอน ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้”
จังหวะนี้เองที่บอดี้การ์ดทั้งสองคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป และพวกเขาพูดคุยกัน
เป็นไปตาดที่คาดไว้ สมกับเป็นทหารรับจ้างชั้นยอด พวกเขาตระหนักถึงอันตรายได้จริงๆ
“ทำยังไงดี?” หนึ่งในบอดี้การ์ดถาม
“ทําได้แค่สู้จนตายแล้ว” อีกคนกล่าว
นั่นคือหน้าที่ของการเป็นบอดี้การ์ด..
แม้เงินค่าจ้างจะสูง แต่คุณก็ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา
หากเมื่อจําเป็น พวกเขาต้องเตรียมใจที่จะตายด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดสองคนนี้ดูเครียดถึงขนาดนี้ ซูเหวิน พลันโบกมือแล้วบอกว่า : “คุณสองคนพักผ่อนที่นี่เถอะ ไม่มีอะไรต้องกังวล กลุ่มคนที่พวกคุณพูดถึงนั้น ผมจะจัดการเอง”
หลังจากพูดไปอย่างนั้น ซูเหวิน ก็หันหลังเตรียมจะจากไป
“อะไรกัน ประธานซู คนพวกนั้นไม่ธรรมดา และพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถรับมือได้ คุณอย่าออกไปข้างนอกเด็ดขาด”
“ใช่ สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้ คือรีบหาโอกาสหลบหนี”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนตกตะลึงเมื่อเห็น ซูเหวิน ต้องการออกไปพบพวกกลุ่มคนที่น่ากลัวเหล่านั้นจริงๆ
พวกเขาสงสัยว่า ประธานซู คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า?
เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แม้แต่ทหารรับจ้างชั้นยอด อย่างพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แล้วเขาจะไปทำอะไรได้?
เขาไม่รู้หรือไงว่าคนธรรมดาเมื่อเจอกับพวกนั้นก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน?
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ซูเหวิน ก็มีแผนในใจของตัวเอง แล้วไหนเลยเขาจะไปเชื่อฟังพวกเขา?
หลังจากให้คำอธิบายกับพวกเขาสองสามคํา และขอให้พวกเขาพักรักษาตัว ซูเหวิน ก็ออกจากห้องโถง และไปที่ระเบียงชั้นบน…
วิลล่าที่ ซูเหวิน อาศัยอยู่หลังนี้มีขนาดใหญ่มาก มีทั้งหมด 5 ชั้น
ดังนั้นมันจึงดูอลังการมาก..
แต่ใครจะไปคิดว่ารอบๆ หลังคาของวิลล่าหรูหลังนี้จะถูกล้อมรอบด้วยนักฆ่าอันดับต้นๆ อยู่ถึงเจ็ด หรือแปดคน ..ในขณะนี้
คนเหล่านี้มีทั้งชาย และหญิง อายุก็ไม่แตกต่างกันมากนัก
ในขณะเดียวกัน ทุกคนยังแผ่เจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ซึ่งทำให้ผู้คนอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้
“พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไร?”
ทันใดนั้น มีคนพูดอยู่ด้านบนของหลังคาอาคาร
เขาเป็นหนึ่งในสี่บอดี้การ์ดที่ปกป้องพ่อแม่ของ ซูเหวิน
ในเวลานี้บอดี้การ์ดสี่คนรวมตัวกัน และกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มนักฆ่ากลุ่มนี้ พวกเขาเพิ่มความระมัดระวัง และดูจะตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง
“เราเป็นใคร พวกแกไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะเราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนตาย”
“ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว ยังจะถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม?”
“ถ้าจะโทษได้ คงโทษหัวหน้าครอบครัวพวกแกที่ไปยั่วยุคนผิด ถึงขนาดกล้ามาเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลฉี รณหาที่ตายจริงๆ”
พวกนักฆ่าพูดอย่างเมินเฉยไม่ไยดี
เมื่อเทียบกับพวกบอดี้การ์ดแล้ว พวกเขาไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
อาจกล่าวได้ว่า.. ความชำนาญย่อมเกิดจากประสบการณ์จริง เหตุนั้นย่อมก่อเกิดการพลิกแพลงได้ไม่รู้จบ
แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะไม่เห็นบอดี้การ์ดเหล่านี้อยู่ในสายตาเลย
ในเวลาเดียวกัน หลังจากพวกเขาพูดถ้อยคําเหล่านี้เสร็จก็เริ่มลงมือทันที
ได้ยินแต่เพียงเสียง ‘เคร้ง แคร่ง ฉัวะ’ เท่านั้น
นักฆ่าเหล่านี้โจมตีเป็นวงล้อมจากทุกทิศทุกทาง
มีดสั้นที่เปล่งประกายนั้นราวกับเคียวยมทูตที่พร้อมจะคร่าชีวิตผู้คน ในชั่วพริบตาเดียวมันกําลังเข้าใกล้บอดี้การ์ด
“เร็วมาก”
บอดี้การ์ดสี่คนตกใจทันที และดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความไม่เชื่อ
ความเร็วนี้เร็วเกินไป และมัน.. เร็วกว่าพวกเขามาก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นทหารรับจ้างชั้นยอดที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาหลายครั้ง และพวกเขาตอบโต้กลับทันที
ชั่วครู่หนึ่งไม่มีควันระเบิด มีเพียงแสงจากใบมีด และร่างเงาที่เคลื่อนไหวอยู่เท่านั้น
เสียงชิ้ง เคร้ง แคร่ง ฉัวะ ดังอึกทึกครึกโครมบนหลังคาของวิลล่า
เหมือนกำลังบอกเล่าถึงเหตุการณ์การต่อสู้อันโหดร้ายนี้
บอดี้การ์ดที่ ซูเหวิน จ้างมาเหล่านี้เมื่อเผชิญหน้าก็ยิ่งตกใจ และยิ่งไม่อยากเชื่อมากขึ้น
ความแข็งแกร่งของนักฆ่ากลุ่มนี้แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ภายในไม่กี่กระบวนท่า พวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ไม่น่าเชื่อกว่าก็คือ พวกเขาต่อสู้กันแบบทีมจริงๆ
มีกลลวง มีผู้ขัดขวาง และมีคนลอบแทงข้างหลัง
ประสานงานกันอย่างลงตัว ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แค่เผลอเพียงนิดเดียว เลือดพลันสาดกระเซ็นถึงคอ..
“ตาย!”
ทันใดนั้น หนึ่งในนักฆ่าก็คว้าช่องว่างของบอดี้การ์ด และพุ่งเข้ามาแทงหนึ่งในนั้น
มันรวดเร็วมาก..
“ไม่ดีแล้ว”
บอดี้การ์ดคนนั้นเห็นมีดของอีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขารู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ทันใดนั้น เงาแห่งความตายก็เข้าปกคลุมหัวใจของเขา
แต่ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ มีเสียงดัง ‘ผัวะ ตู้ม..’ ดังขึ้น เงาคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางสนามรบ
รอจนกว่าทุกคนจะเห็นภาพเงาได้ชัดเจน
เมื่อนั้นพวกเขาพลันเห็นเพียง ซูเหวิน.. ที่มาถึงยอดหลังคาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ส่วนนักฆ่าคนเมื่อกี้ ก็ได้ถูกเขาซัดปลิวไปนานแล้ว…