ตอนที่แล้วระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 165 จะมีเวลาพักผ่อนได้อย่างไร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 167 กฏอาวุธ

ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 166 ไร้ประโยชน์ก็แค่ฆ่าทิ้ง


ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 166 ไร้ประโยชน์ก็แค่ฆ่าทิ้ง

มณฑลซุยอวิ๋น ที่พักของกองทัพใหญ่ของตระกูลซวนหยวน ภายในกระโจมแห่งหนึ่ง

ซวนหยวนหมิง ผู้สวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ มีจี้หยกคาดเอวอยู่ มือกำลังกุมผ้าขาวผืนหนึ่งไว้

เขายกขึ้นมาอุดปากไว้

เห็นได้ชัดว่า บนผ้าสีขาวผืนนั้นเปื้อนคราบเลือดเป็นทาง

แต่ถึงอย่างนั้น ดวงตาของซวนหยวนหมิงก็ยังคงเป็นประกาย แม้ใบหน้าของเขาจะขาวซีดขึ้นไปอีก แต่กลับค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา

"ใช่แล้ว"

"ถูกต้องแล้ว"

"หากเช่นนั้นล่ะก็"

"ความวุ่นวายในมณฑลซุยอวิ๋นจะต้องทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลซวนหยวนของเราก็จะมีโอกาสยึดครองมณฑลซุยอวิ๋นได้อย่างสมบูรณ์"

เมื่อพูดจบ ซวนหยวนหมิงก็เดินไปนั่งที่โต๊ะในทันที เขาหยิบพู่กันขึ้นมา เริ่มเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ

เวลาผ่านไปไวเหมือนพริบตา

ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว

ในสัปดาห์นี้

การบุกโจมตีของมนุษย์เงือกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนมณฑลซุยอวิ๋น

จากการช่วยเหลือของกองทัพจากขุมอำนาจต่าง ๆ ก็สามารถต้านทานการบุกรุกของมนุษย์เงือกไว้ได้พอสมควร

เพียงแต่ว่า

ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด ดูเหมือนว่าเมื่อเวลาผ่านไป การป้องกันของทุกคนจะยิ่งลำบากมากขึ้น

ทวีปซวนหยวน

มลฑลว่านกู่

ที่ตำหนักอันมืดสลัวแห่งหนึ่งของหอพันโอสถ หนึ่งในขุมอำนาจชั้นนำ

เหยาจือหัว จ้าวหอคนปัจจุบันของหอพันโอสถกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่หรูหราอย่างสงบนิ่ง สีหน้าดูเคร่งเครียดอยู่บ้าง

การบุกโจมตีของเผ่ามนุษย์เงือก

มณฑลซุยอวิ๋นขอความช่วยเหลือจากหอพันโอสถด้วย

แต่เมื่อไม่นานมานี้ หอพันโอสถเพิ่งสูญเสียกองทัพหลายสิบล้านที่ตระกูลหลัวแห่งมณฑลตงหวง

รวมกับการปรากฏตัวขึ้นของ "ศาลาโอสถเทพ"

ประกอบกับอุปสรรคที่ถูกบีบบังคับอีกหลายอย่าง ทำให้พวกขุมอำนาจใต้ปกครองของหอพันโอสถนั้นไม่พอใจในการปกครองของหอพันโอสถมากขึ้นเรื่อย ๆ

ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีการก่อกบฏอะไร แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความไม่พอใจก็ได้ผลิดอกออกผลขึ้นมาแล้ว

วันข้างหน้า หอพันโอสถจะยิ่งลำบากขึ้นอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการไปช่วยเหลือมณฑลซุยอวิ๋นอะไรนั่นเลย

"ท่านจ้าวหอ"

ในตำหนักมืดมิดแห่งนี้

จ้าวซวี่ ผู้บัญชาการใหญ่ของ "กองทัพตะวันคลั่ง" สวมชุดเกราะสีเพลิงร้อนแรง คาดดาบส่งกระแสความร้อนสูงไว้ที่เอวปรากฏตัวขึ้นที่นี่

"เป็นอย่างไรบ้าง?"

"ศาลาโอสถเทพถูกปิดตายไปหมดแล้วหรือไม่?"

"โอสถที่หอพันโอสถผลิตออกมา ที่จำแนกปันส่วนให้กับบรรดาขุมอำนาจต่าง ๆ นั้น พวกเขาซื้อกันรึไม่?"

"แล้วเรื่องข่าวลือที่ว่าร้ายหอพันโอสถ ใครเป็นคนปล่อยไป เจ้าสืบออกมาได้รึยัง???"

เหยาจือหัว จ้าวหอคนปัจจุบันของหอพันโอสถ พูดด้วยใบหน้าเย็นชา

"ท่านจ้าวหอ"

"เมื่อศาลาโอสถเทพปิดทีไรก็จะเปิดขึ้นมาใหม่อีกไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะใช้วิธีสังหาร หรือวิธีการอื่นใดก็ไม่สามารถปิดมันลงอย่างถาวรได้เลย"

"โอสถที่หอพันโอสถผลิตออกมาให้บรรดาขุมอำนาจใหญ่นั้น ถึงพวกเขาจะซื้อไปแล้ว แต่ก็มีท่าทีไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ"

"ส่วนเรื่องคนปล่อยข่าวลือว่าร้ายหอพันโอสถนั้น..."

"ข้ายังสืบไม่พบเลยขอรับ"

เมื่อพูดจบ

จ้าวซวี่ ผู้บัญชาการใหญ่ของ "กองทัพตะวันคลั่ง" ก็คุกเข่าลงข้างเดียว ก้มศีรษะลงเล็กน้อย

เหยาจือหัวที่นั่งอยู่บนตำแหน่งจ้าวหอนั้น สีหน้าก็ยิ่งแข็งกร้าวเย็นชาขึ้นไปอีก

"ศาลาโอสถเทพยังยอมปิดอีกหรือ?"

"บรรดาขุมอำนาจต่าง ๆ ไม่พอใจหอพันโอสถมากขึ้นหรือ??"

"คนปล่อยข่าวลือยังสืบไม่ได้หรือ???"

เหยาจือหัวงึมงำ

ครั้งนี้ เขารู้สึกว่าหัวของตัวเองจะแตกร้าวเสียให้ได้

สำนักเภสัช

หอพันโอสถ

สองขุมอำนาจชั้นนำของมลฑลว่านกู่ครอบครองมลฑลนี้มาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีใครกล้าต้านทานหรือขัดขืนความปรารถนาของทั้งสองตำแหน่งนี้

แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด บรรดาขุมอำนาจที่อยู่ใต้อาณัติของหอพันโอสถในมณฑลว่านกู่เริ่มไม่พอใจกับอำนาจการปกครองของหอพันโอสถมากขึ้นเรื่อย ๆ

เป็นเพราะการปรากฏตัวของ "ศาลาโอสถเทพ" ทำให้อำนาจของหอพันโอสถค่อย ๆ ลดลงหรือไม่?

หรือว่า...

เป็นเพราะตระกูลหลัว???

ภายในตำหนัก

จ้าวซวี่ ผู้บัญชาการใหญ่กองทัพตะวันคลั่งได้หายตัวไปแล้ว เหลือเพียงเหยาจือหัว จ้าวหอคนปัจจุบันของหอพันโอสถที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างเหนื่อยหน่าย สีหน้าดูหมองคล้ำ

"ศาลาโอสถเทพหรือ?"

"ตระกูลหหลัวหรือ?"

"และบรรดาขุมอำนาจที่คอยท้าทายอำนาจของหอพันโอสถอยู่เรื่อย ๆ พวกนั้น?"

"ยิ่งไปกว่านั้น..."

"ยังมีเรื่องการบุกโจมตีของเผ่ามนุษย์เงือกในมณฑลซุยอวิ๋นนั่นอีก?"

"แถมดูเหมือนชื่อเสียงของสำนักเภสัชจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ?"

"เรื่องยุ่งยากช่างเยอะเสียเหลือเกิน ระเบิดออกมาได้ทุกวัน ข้าซวยเข้าให้แล้ว!!!"

เขาส่ายศีรษะอย่างไร้ทางเลือก

เหยาจือหัวลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่

แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวออกไปจากตำหนักเพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะไปจัดการกับเรื่องอื่น ๆ ต่อ

ชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมสีเขียวอ่อน ทั้งร่างปกคลุมด้วยขนสีเขียวจาง ก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

"เสี่ยวหัว"

"งานที่ข้าสั่งให้ทำเป็นอย่างไรบ้าง???"

ชายชราในชุดคลุมสีเขียวอ่อนถามเหยาจือหัวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

"ใครกัน?"

ความคิดนี้แว่บขึ้นมาในใจเหยาจือหัวในทันใด

เขาชะงักไป เมื่อได้เห็นร่างของชายชรานั้น

นั่นคือถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถัง?

อะไรทำให้เขามาอยู่ที่นี่ได้?

แม้จะสงสัยในใจ แต่เหยาจือหัวก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย พลางตอบว่า

"ยังทำไม่สำเร็จขอรับ"

"พลังของตระกูลหลัวเกินกว่าที่ข้าคาดไว้มากเกินไป"

ขณะที่เสียงของเขาเงียบลง

บรรยากาศในห้องก็กลับมาหนักอึ้งอีกครั้ง

"ยังทำไม่สำเร็จหรือ?"

"พลังของตระกูลหลัวเกินกว่าที่เจ้าคาดเดาได้งั้นหรือ?"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถัง ชุดคลุมสีเขียวอ่อนก็หรี่ตาลง ดวงตาอันมัวแสงฉายประกายเย็นยะเยือก พลางพูดอย่างใจเย็น

"ในเมื่อจัดการแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะให้เจ้าไปอยู่เพื่อเหตุใด?"

ถังยวี่พูดพลางปลดปล่อยพลังขอบเขตกึ่งเทพออกมา

เขาค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้น หนีบนิ้วลง

พลังมหาศาลก็ส่งไปห่อหุ้มร่างของเหยาจือหัวในทันที

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น

เหยาจือหัวก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดในพริบตา และสลายหายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล

"ช่างเป็นขยะไร้ค่าเสียเหลือเกิน"

ถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถังหัวเราะเย็นชาแล้วหันหลังเดินออกจากตำหนัก ทิ้งไว้เพียงหมอกเลือดที่ลอยฟุ้งกระจายอยู่

หอพันโอสถกลับมาอยู่ใต้การควบคุมของถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถังอีกครั้ง

หรือจะพูดให้ถูกคือหอพันโอสถนี้ ไม่เคยหลุดพ้นจากอำนาจในมือของตระกูลถังไปเลย

ส่วนเหยาจือหัวนั่นหรือ???

เขาเป็นเพียงหุ่นเชิดในมือของตระกูลถังเท่านั้นเอง

เมื่อยามต้องการใช้งาน ตระกูลถังก็จะอยู่เบื้องหลังบงการหุ่นเชิดนี้

ครั้นเมื่อไม่ต้องการใช้แล้ว

แม้จะทำลายมันทิ้งไป...

ก็ไม่มีอะไรเสียหาย!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด