ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 166 ไร้ประโยชน์ก็แค่ฆ่าทิ้ง
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 166 ไร้ประโยชน์ก็แค่ฆ่าทิ้ง
มณฑลซุยอวิ๋น ที่พักของกองทัพใหญ่ของตระกูลซวนหยวน ภายในกระโจมแห่งหนึ่ง
ซวนหยวนหมิง ผู้สวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ มีจี้หยกคาดเอวอยู่ มือกำลังกุมผ้าขาวผืนหนึ่งไว้
เขายกขึ้นมาอุดปากไว้
เห็นได้ชัดว่า บนผ้าสีขาวผืนนั้นเปื้อนคราบเลือดเป็นทาง
แต่ถึงอย่างนั้น ดวงตาของซวนหยวนหมิงก็ยังคงเป็นประกาย แม้ใบหน้าของเขาจะขาวซีดขึ้นไปอีก แต่กลับค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา
"ใช่แล้ว"
"ถูกต้องแล้ว"
"หากเช่นนั้นล่ะก็"
"ความวุ่นวายในมณฑลซุยอวิ๋นจะต้องทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลซวนหยวนของเราก็จะมีโอกาสยึดครองมณฑลซุยอวิ๋นได้อย่างสมบูรณ์"
เมื่อพูดจบ ซวนหยวนหมิงก็เดินไปนั่งที่โต๊ะในทันที เขาหยิบพู่กันขึ้นมา เริ่มเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ
เวลาผ่านไปไวเหมือนพริบตา
ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ในสัปดาห์นี้
การบุกโจมตีของมนุษย์เงือกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนมณฑลซุยอวิ๋น
จากการช่วยเหลือของกองทัพจากขุมอำนาจต่าง ๆ ก็สามารถต้านทานการบุกรุกของมนุษย์เงือกไว้ได้พอสมควร
เพียงแต่ว่า
ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด ดูเหมือนว่าเมื่อเวลาผ่านไป การป้องกันของทุกคนจะยิ่งลำบากมากขึ้น
ทวีปซวนหยวน
มลฑลว่านกู่
ที่ตำหนักอันมืดสลัวแห่งหนึ่งของหอพันโอสถ หนึ่งในขุมอำนาจชั้นนำ
เหยาจือหัว จ้าวหอคนปัจจุบันของหอพันโอสถกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่หรูหราอย่างสงบนิ่ง สีหน้าดูเคร่งเครียดอยู่บ้าง
การบุกโจมตีของเผ่ามนุษย์เงือก
มณฑลซุยอวิ๋นขอความช่วยเหลือจากหอพันโอสถด้วย
แต่เมื่อไม่นานมานี้ หอพันโอสถเพิ่งสูญเสียกองทัพหลายสิบล้านที่ตระกูลหลัวแห่งมณฑลตงหวง
รวมกับการปรากฏตัวขึ้นของ "ศาลาโอสถเทพ"
ประกอบกับอุปสรรคที่ถูกบีบบังคับอีกหลายอย่าง ทำให้พวกขุมอำนาจใต้ปกครองของหอพันโอสถนั้นไม่พอใจในการปกครองของหอพันโอสถมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีการก่อกบฏอะไร แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความไม่พอใจก็ได้ผลิดอกออกผลขึ้นมาแล้ว
วันข้างหน้า หอพันโอสถจะยิ่งลำบากขึ้นอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการไปช่วยเหลือมณฑลซุยอวิ๋นอะไรนั่นเลย
"ท่านจ้าวหอ"
ในตำหนักมืดมิดแห่งนี้
จ้าวซวี่ ผู้บัญชาการใหญ่ของ "กองทัพตะวันคลั่ง" สวมชุดเกราะสีเพลิงร้อนแรง คาดดาบส่งกระแสความร้อนสูงไว้ที่เอวปรากฏตัวขึ้นที่นี่
"เป็นอย่างไรบ้าง?"
"ศาลาโอสถเทพถูกปิดตายไปหมดแล้วหรือไม่?"
"โอสถที่หอพันโอสถผลิตออกมา ที่จำแนกปันส่วนให้กับบรรดาขุมอำนาจต่าง ๆ นั้น พวกเขาซื้อกันรึไม่?"
"แล้วเรื่องข่าวลือที่ว่าร้ายหอพันโอสถ ใครเป็นคนปล่อยไป เจ้าสืบออกมาได้รึยัง???"
เหยาจือหัว จ้าวหอคนปัจจุบันของหอพันโอสถ พูดด้วยใบหน้าเย็นชา
"ท่านจ้าวหอ"
"เมื่อศาลาโอสถเทพปิดทีไรก็จะเปิดขึ้นมาใหม่อีกไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะใช้วิธีสังหาร หรือวิธีการอื่นใดก็ไม่สามารถปิดมันลงอย่างถาวรได้เลย"
"โอสถที่หอพันโอสถผลิตออกมาให้บรรดาขุมอำนาจใหญ่นั้น ถึงพวกเขาจะซื้อไปแล้ว แต่ก็มีท่าทีไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ"
"ส่วนเรื่องคนปล่อยข่าวลือว่าร้ายหอพันโอสถนั้น..."
"ข้ายังสืบไม่พบเลยขอรับ"
เมื่อพูดจบ
จ้าวซวี่ ผู้บัญชาการใหญ่ของ "กองทัพตะวันคลั่ง" ก็คุกเข่าลงข้างเดียว ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
เหยาจือหัวที่นั่งอยู่บนตำแหน่งจ้าวหอนั้น สีหน้าก็ยิ่งแข็งกร้าวเย็นชาขึ้นไปอีก
"ศาลาโอสถเทพยังยอมปิดอีกหรือ?"
"บรรดาขุมอำนาจต่าง ๆ ไม่พอใจหอพันโอสถมากขึ้นหรือ??"
"คนปล่อยข่าวลือยังสืบไม่ได้หรือ???"
เหยาจือหัวงึมงำ
ครั้งนี้ เขารู้สึกว่าหัวของตัวเองจะแตกร้าวเสียให้ได้
สำนักเภสัช
หอพันโอสถ
สองขุมอำนาจชั้นนำของมลฑลว่านกู่ครอบครองมลฑลนี้มาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีใครกล้าต้านทานหรือขัดขืนความปรารถนาของทั้งสองตำแหน่งนี้
แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด บรรดาขุมอำนาจที่อยู่ใต้อาณัติของหอพันโอสถในมณฑลว่านกู่เริ่มไม่พอใจกับอำนาจการปกครองของหอพันโอสถมากขึ้นเรื่อย ๆ
เป็นเพราะการปรากฏตัวของ "ศาลาโอสถเทพ" ทำให้อำนาจของหอพันโอสถค่อย ๆ ลดลงหรือไม่?
หรือว่า...
เป็นเพราะตระกูลหลัว???
ภายในตำหนัก
จ้าวซวี่ ผู้บัญชาการใหญ่กองทัพตะวันคลั่งได้หายตัวไปแล้ว เหลือเพียงเหยาจือหัว จ้าวหอคนปัจจุบันของหอพันโอสถที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างเหนื่อยหน่าย สีหน้าดูหมองคล้ำ
"ศาลาโอสถเทพหรือ?"
"ตระกูลหหลัวหรือ?"
"และบรรดาขุมอำนาจที่คอยท้าทายอำนาจของหอพันโอสถอยู่เรื่อย ๆ พวกนั้น?"
"ยิ่งไปกว่านั้น..."
"ยังมีเรื่องการบุกโจมตีของเผ่ามนุษย์เงือกในมณฑลซุยอวิ๋นนั่นอีก?"
"แถมดูเหมือนชื่อเสียงของสำนักเภสัชจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ?"
"เรื่องยุ่งยากช่างเยอะเสียเหลือเกิน ระเบิดออกมาได้ทุกวัน ข้าซวยเข้าให้แล้ว!!!"
เขาส่ายศีรษะอย่างไร้ทางเลือก
เหยาจือหัวลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวออกไปจากตำหนักเพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะไปจัดการกับเรื่องอื่น ๆ ต่อ
ชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมสีเขียวอ่อน ทั้งร่างปกคลุมด้วยขนสีเขียวจาง ก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"เสี่ยวหัว"
"งานที่ข้าสั่งให้ทำเป็นอย่างไรบ้าง???"
ชายชราในชุดคลุมสีเขียวอ่อนถามเหยาจือหัวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"ใครกัน?"
ความคิดนี้แว่บขึ้นมาในใจเหยาจือหัวในทันใด
เขาชะงักไป เมื่อได้เห็นร่างของชายชรานั้น
นั่นคือถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถัง?
อะไรทำให้เขามาอยู่ที่นี่ได้?
แม้จะสงสัยในใจ แต่เหยาจือหัวก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย พลางตอบว่า
"ยังทำไม่สำเร็จขอรับ"
"พลังของตระกูลหลัวเกินกว่าที่ข้าคาดไว้มากเกินไป"
ขณะที่เสียงของเขาเงียบลง
บรรยากาศในห้องก็กลับมาหนักอึ้งอีกครั้ง
"ยังทำไม่สำเร็จหรือ?"
"พลังของตระกูลหลัวเกินกว่าที่เจ้าคาดเดาได้งั้นหรือ?"
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถัง ชุดคลุมสีเขียวอ่อนก็หรี่ตาลง ดวงตาอันมัวแสงฉายประกายเย็นยะเยือก พลางพูดอย่างใจเย็น
"ในเมื่อจัดการแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะให้เจ้าไปอยู่เพื่อเหตุใด?"
ถังยวี่พูดพลางปลดปล่อยพลังขอบเขตกึ่งเทพออกมา
เขาค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้น หนีบนิ้วลง
พลังมหาศาลก็ส่งไปห่อหุ้มร่างของเหยาจือหัวในทันที
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
เหยาจือหัวก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดในพริบตา และสลายหายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล
"ช่างเป็นขยะไร้ค่าเสียเหลือเกิน"
ถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถังหัวเราะเย็นชาแล้วหันหลังเดินออกจากตำหนัก ทิ้งไว้เพียงหมอกเลือดที่ลอยฟุ้งกระจายอยู่
หอพันโอสถกลับมาอยู่ใต้การควบคุมของถังยวี่ บรรพบุรุษของตระกูลถังอีกครั้ง
หรือจะพูดให้ถูกคือหอพันโอสถนี้ ไม่เคยหลุดพ้นจากอำนาจในมือของตระกูลถังไปเลย
ส่วนเหยาจือหัวนั่นหรือ???
เขาเป็นเพียงหุ่นเชิดในมือของตระกูลถังเท่านั้นเอง
เมื่อยามต้องการใช้งาน ตระกูลถังก็จะอยู่เบื้องหลังบงการหุ่นเชิดนี้
ครั้นเมื่อไม่ต้องการใช้แล้ว
แม้จะทำลายมันทิ้งไป...
ก็ไม่มีอะไรเสียหาย!!!