ตอนที่แล้วบทที่ 6 ท่าน กับภรรยาข้า.. ทำอะไรกันอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 จับกลุ่ม

บทที่ 7 หนังสือข่าวเจ็ดดารา


"ท่านหญิง ท่านเองก็ไม่อยากให้สามีเสียทุกอย่างไปมิใช่หรือ" ชูเหลียงมองนายหญิงหมิงที่ยังถูกเชือกสีแดงมัดอยู่

"ท่านชู... ท่านจะขอฉายาให้กับข้าจริงหรือ" นายหญิงหมิงถาม

เจ้าเมืองหมิงอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของชูเหลียงอย่างถ่องแท้ แต่นายหญิงหมิงเข้าใจมันและเธอประหลาดใจอย่างมาก เธอไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอนั้นเต็มใจที่จะช่วยเธอ

เธออยากคุกเข่าลงพร้อมกับสามีทันทีเพื่อแสดงความขอบคุณต่อชูเหลียง อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงสังเกตเห็นจุดนี้และรีบปล่อยเธอออกจากเชือกปีศาจ ไม่เช่นนั้นนี่จะเป็นฉากที่แปลกมากเลยทีเดียว

การขอฉายาเป็นการเรียกร้องทางการแบบวิธีโบราณที่มองปีศาจเป็นมากกว่าปีศาจ ซึ่งมันหมายความว่าเป็นการเรียกร้องให้มอบตําแหน่งอย่างเป็นทางการให้กับปีศาจ - ตําแหน่งนี้จะอนุญาตให้มันมีชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระในเมืองของมนุษย์

ปีศาจที่ไม่มีฉายาก็เหมือนผู้อยู่อาศัยที่ผิดกฎหมาย ถ้าพวกมันแทรกซึมเข้าไปในเมืองของมนุษย์และถูกพบ พวกมันสามารถถูกฆ่าตายในทันที นี่เป็นเหตุให้นายหญิงหมิงไม่กล้าออกมาพบหน้าชูเหลียงแต่แรก เธอกลัวว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอในฐานะปีศาจจะถูกพบ

อำนาจในการให้ฉายามีเพียงราชวงศ์ผู้ปกครองของโลกมนุษย์และนิกายเซียนอมตะทั้งเก้าเท่านั้นที่ทำได้ แม้แต่สิบอมตะแห่งโลกซึ่งมีระดับต่ำกว่านิกายเซียนอมตะเพียงระดับเดียวก็ไม่มีอำนาจเช่นนั้น การได้รับฉายาหรือตำแหน่งดังกล่าวจึงเป็นภารกิจที่ท้าทายมากสำหรับเหล่าปีศาจ

ราชวงศ์ที่ปกครองในปัจจุบันคือราชวงศ์หยู ซึ่งครองราชย์มานานกว่า 6 ศตวรรษ เป็นยุคแห่งความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม ปีศาจทุกตัวที่อาศัยอยู่ในเมืองของมนุษย์ ล้วนเป็นภัยคุกคามต่อยุคที่เงียบสงบนี้ ผู้คนมักคิดว่าผู้คนต่างเชื้อชาติมีความคิดที่แตกต่างกัน ไม่ต้องพูดถึงปีศาจต่างสายพันธุ์เลย

ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์หรือนิกายเซียนอมตะทั้งเก้า การมอบฉายาปีศาจก็เท่ากับเป็นการรับรองให้พวกเขา หากปีศาจตนนั้นคิดจะกบฏในอนาคต ผู้ที่มอบฉายานี้ก็ต้องรับผลที่จะตามมาด้วย

ตำแหน่งศิษย์แห่งฉูซานอย่างชูเหลียงนั้นไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องใหญ่เพียงนี้ เรื่องนี้ต้องมอบให้อาจารย์ตี้หนิวเฟิ่งของเขาเป็นผู้จัดการ

เพื่อยืนยันว่านายหญิงหมิงเป็นปีศาจที่ไม่เคยคร่าชีวิตมนุษย์จริง และยืนยันว่าความเป็นไปได้ที่จะกบฏในอนาคตนั้นต่ํามาก เขาจําเป็นต้องใช้ทักษะต่างๆ เช่นการจับสัญญาณชี่และการอ่านใจ และจะได้รับฉายาก็ต่อเมื่อได้รับการยืนยันจากกระบวนการเหล่านั้นแล้วเท่านั้น

หลังจากนั้นนายหญิงหมิงก็ต้องไปเคารพที่ฉูซานเป็นประจำ นอกจากนั้น เธอยังต้องให้ฉูซาน ทำการสะกดรอยตามเธออย่างเต็มใจ

โดยปกติแล้ว ศิษย์ของนิกายเซียนอมตะทั้งเก้าจะไม่ค่อยประสบปัญหาเช่นนี้

พวกเขามักกระทำการโดยง่ายเพียงแค่ฆ่าปีศาจเหล่านั้น และเอาชนะความชั่วร้าย

วิธีการที่เรียบง่ายนี้หมายความว่าชูเหลียงสามารถเลี่ยงปัญหา ประหยัดพลังงานของกระบวนการทั้งหมดและหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อผลที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ไม่ให้กดทับจิตสำนึกของเขาได้

แม้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว แต่ชูเหลียงก็ยังอยากช่วยเหลือพวกเขา

ส่วนเรื่องทรัพย์สินของตระกูลหมิงนั้นชัดเจนว่าชูเหลียงรับไว้ไม่ได้

มันเป็นค่าตอบแทนที่มากเกินจําเป็น

ต่อมาในวันนั้น ชูเหลียงกลับไปที่ฉูซานพร้อมเขาพาพวกเขาไปด้วย เมืองซิงโจวอยู่ไม่ไกลจากนิกายฉูซาน มิฉะนั้น คําขอของเจ้าเมืองหมิงจะไม่ไปถึงศาลาแลกกระบี่บนเขาฉูซานได้เร็วเพียงนี้

เมื่อถึงทางเข้าภูเขา ชูเหลียงก็รายงานเรื่องนี้ไปยังยอดเขาหยินเจี้ยน หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีอะไรต้องทำอีกต่อไป

ตี้หหนิวเฟิงเป็นวีรสตรีแห่งความยุติธรรม เธอชื่นชมการกระทําของชูเหลียงเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องขอฉายาเพื่อนายหญิงหมิงนั้น ทางยอดเขาตงเทียน (ยอดเขาเทียมสวรรค์ ยอดเขาหลักแห่งนิกายฉูซาน) เองก็มิกล้าเพิกเฉยต่อคำขอเพราะตี้หนิวเฟิงจะเป็นผู้จับตาดูมารตนนี้ด้วยตัวเอง

ชูเหลียงได้กลับมาที่บ้านไม้หลังเล็กบนไหล่เขา เขาผ่อนคลายและเข้าสู่สภาวะครุ่นคิด เขาดึงสติและพาตัวเองเข้าไปในเจดีย์สีขาว นี่ได้เวลารับรางวัลของเขาแล้ว

ในห้องขังเหล็กขนาดใหญ่มีเพียงวิญญาณแมวสีทองลอยอยู่รอบ

เขาทำมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ ชูเหลียงสัมผัสไปที่คำว่า “ชำระล้าง” แบบไม่คิดอะไรมาก

ครืนน

แสงสีแดงแวววาวและมีกลุ่มแสงลอยออกมา ชูเหลียงใช้มือของเขาจับมันไว้จึงรู้ว่ามันเป็นเครื่องราง

ระหว่างนั้นก็มีข้อความที่ปรากฏอยู่ในหัวของเขา

[เครื่องรางวิญญาณแมว: เมื่อใช้งานแล้วเครื่องรางนี้จะช่วยให้วิญญาณแมวครอบครองร่างกายชั่วคราว ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วได้อย่างมากเป็นเวลา 15 นาที นี่จะเป็นผลข้างเคียงปกติหากเกิดการเลียมือของท่านโดยไม่รู้ตัว โปรดอย่าตื่นตระหนก]

"เครื่องรางงั้นหรือ"

นี่เป็นครั้งแรกที่ชูเหลียงได้รับเครื่องรางเป็นรางวัล ยาเม็ดและเครื่องรางแบบที่ใช้แล้วทิ้งย่อมไม่มีคุณค่าเท่ากับวัตถุวิเศษที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอีกครั้ง เขาคาดการณ์ว่าพวกมันอาจมีประโยชน์และให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่คาดไว้ก็เป็นได้เพราะพวกมันเป็นของใช้แล้วทิ้ง เมื่อใช้ในช่วงเวลาสำคัญพวกมันอาจมีประสิทธิภาพสำหรับการเอาชีวิตรอด

เมื่อพิจารณาดูแล้ว เขาก็ยินดีที่จะเก็บมันเอาไว้

...

“แกว๊ก~”

เมื่อชูเหลียงรับรางวัลของเขาเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงนกมาจากข้างนอก เขาเงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่างและพบนกกระเรียนสีขาวขนาดใหญ่กําลังลงจอดนอกกระท่อมของเขา

นกกระเรียนตัวนี้มีขนสีขาวราวหิมะปกคลุม มันสูงสง่า แค่เพียงมองเข้าเข้าไปในตาสีดำของมันก็เห็นชัดแล้วว่านี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดมาก

มีตะกร้าห้อยอยู่ที่คอยาวของนกตัวนี้ มันใช้ปากแหลมหยิบแผ่นพับออกจากตะกร้ามาวางบนโต๊ะหินด้านนอก

หนังสือข่าว (หนังสือพิมพ์) เจ็ดดาราฉบับรายเดือน

ชูเหลียงชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า "ขอบคุณ"

นกกระเรียนยกคอขึ้นและกู่อีกครั้งราวกับกําลังตอบสนองต่อคำขอบคุณของชูเหลียง

“แกว๊ก~”

จากนั้นมันก็กระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป

นกกระเรียนขาวเป็นนกส่งสารในเขาฉูซาน มันได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อส่งจดหมายและข้อมูลข่าวสารถึงศิษย์หลายคนที่อาศัยอยู่บนเขาฉูซาน

สิ่งที่กระเรียนขาวเพิ่งส่งมอบให้เขา คือหนังสือพิมพ์เจ็ดดารา ฉบับรายเดือน

ในบรรดานิกายเซียนอมตะทั้งเก้ามีนิกายที่เรียกว่าศาลาเคลื่อนสวรรค์ [1]

ความเชี่ยวชาญหลักของศาลาเคลื่อนสวรรค์คือการทํานาย ทําให้นิกายแห่งนี้เป็นนิกายที่ใกล้เคียงที่สุดในการไขปริศนาของอนาคตที่มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ได้ แม้พวกเขาจะถนัดด้านการสู้รบ แต่ก็ได้รับความนับถือจากกองกำลังหลักมาโดยตลอด ซึ่งการที่ถูกนับถือว่าเป็น 1 ใน 9 นิกายเซียนอมตะนั้นถือเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด

ธุรกิจเสริมของพวกเขาคือการรวบรวมเรื่องราวประหลาดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผิดปกติในโลกมนุษย์และแจกจ่ายในรูปแบบของหนังสือข่าวรายเดือนเจ็ดดารา มันได้รับความนิยมอย่างมากทั่วประเทศนับตั้งแต่จัดทำครั้งแรกเมื่อหลายศตวรรษก่อน หนังสือข่าวเจ็ดดาราดึงดูดฝูงชนอย่างกว้างขวางตั้งแต่นิกายเซียนอมตะทั้งเก้า ราชวงศ์ ไปจนถึงเด็กธรรมดาบนท้องถนน พวกเขาชื่นชอบในเนื้อหาของนิตยสารรายเดือนและพยายามที่จะเข้าถึงมันอย่างกระตือรือร้น

ชูเหลียงได้หยิบหนังสือข่าวเข้าไปในกระท่อมของเขาและอ่านรายละเอียดข้างในอย่างละเอียด

หนังสือข่าวเจ็ดดาราแบ่งออกเป็นสามส่วน: "เรื่องราวของโลกแห่งการฝึกตน","รายการหมื่นสมบัติแห่งโลก" และ“พงศาวดารเก้าแคว้น”

ในหัวข้อเหล่านี้ "รายการหมื่นสมบัติแห่งโลก" เป็นการจัดอันดับสมบัติอุปกรณ์หรือสิ่งต่างๆ ที่มีค่า การจัดอันดับในแต่ละเดือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เพื่อความสะดวกของผู้อ่านจึงมักจะมีบทความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการจัดอันดับในแต่ละเดือน การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เกิดขึ้นในอันดับล่าง สมบัติอันดับต้นๆ จะไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงในการจัดอันดับเท่าใดนักในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้

ตัวอย่างเช่น สมบัติอันดับหนึ่งนั้นเป็นเจดีย์มาร สิ่งประดิษฐ์แห่งโลกมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ใต้ข้อความระบุอันดับของเจดีย์มาร มีตัวอักษรเล็ก ๆ บรรทัดหนึ่งเขียนว่า เดิม-นิกายฉูซาน ปัจจุบัน-ไม่ทราบที่อยู่

เจดีย์มารนี้เป็นเหตุผลทั้งหมดที่ทําให้นิกายฉูซานถูกจัดเป็นหนึ่งในเก้านิกายเซียนอมตะ พวกเขาเคยได้ครองตำแหน่งที่เรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุดในนิกายทั้งเก้าและเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ถูกต้องของเหล่าผู้ฝึกตน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงความวุ่นวายครั้งใหญ่เมื่อห้าร้อยปีก่อน นิกายชูซานได้สูญเสียสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลังนี้ไป

ส่งผลให้นิกายเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลา จากมุมมองของหลายฝ่ายในปัจจุบัน กองกำลังที่โดดเด่นในสิบอมตะแห่งโลกมีแนวโน้มที่จะแซงหน้านิกายฉูซานในแง่ของกําลังทหารแล้วด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนพูดกันอย่างต่อเนื่องว่า นิกายฉูซานมิได้คู่ควรกับตำแหน่งหนึ่งในนิกายเซียนอมตะแล้วในปัจจุบัน

ส่วนสมบัติอันดับ 2 คือ กระบี่เจ็ดดาราแห่งศาลาเคลื่อนสวรรค์ ซึ่งเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการย้ายภูเขากลับทะเล

อย่างไรก็ตามศาลาเคลื่อนสวรรค์จะพยายามอยู่นอกเรื่องขัดแย้งและไม่ค่อยมีส่วนร่วมในข้อพิพาท ดังนั้นกระบี่เจ็ดดาราจึงไม่ได้ถูกใช้มาหลายปีแล้ว บันทึกครั้งสุดท้ายที่ใช้กระบี่นี้คือเมื่อร้อยปีก่อนเมื่อนิกายอสูรยักษ์ที่เดินบนเส้นทางแห่งมารได้ปลุกสัตว์อสูรที่ดุร้ายนามว่า ซี่ชง [2] และพยายามโจมตีศาลาเคลื่อนสวรรค์ กระบี่เจ็ดดาราจึงถูกชักออกมา เพียงฟาดฟันหนึ่งครั้งก็ปราบอสูรร้าย ฟันสองครั้งฆ่าเหล่าผู้หลงผิดทั้งหลาย นิกายอสูรยักษ์ถูกทำลายจนสิ้นในชั่วอึดใจ

มีข่าวลือว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนราคามหาศาลทุกครั้งที่ใช้กระบี่เจ็ดดารา อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของการตอบแทนนี้เป็นความลับภายในนิกาย จึงไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับอะไร

ส่วนอันดับ 3 คือคันฉ่อง [3] สวรรค์แปดเหลี่ยม มันอยู่ในการดูแลของนิกายเซียนหมอกซ่อนผา คันฉ่องนี้กล่าวกันว่าเป็นช่องทางหลักสู่อำนาจของพระเจ้าและสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

นิกายเซียนหมอกซ่อนผาก็เหมือนกับนิกายอื่นข้างต้น มันเป็นหนึ่งในเก้านิกายเซียนอมตะ คันฉ่องสวรรค์แปดเหลี่ยมกล่าวกันว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ตกลงมาจากโลกสวรรค์ มีข่าวลือว่าเหตุผลที่คันฉ่องนี้อยู่อันดับต่ำกว่ากระบี่เจ็ดดาราเป็นเพราะนิกายเคลื่อนสวรรค์เป็นผู้จัดอันดับ ด้วยข่าวลือนี้ทำให้บางคนสงสัยว่าพลังที่แท้จริงของคันฉ่องนี้อาจสูงกว่ากระบี่เจ็ดดารา

สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้เป็นสมบัติที่ชูเหลียงไม่เคยสัมผัสและไม่มีความหมายต่อเขามากนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกจัดอันดับมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เขาเห็นเป็นประจำ อันดับ 57 - หยกเลือดวิญญาณฟีนิกซ์

หยกนี้เกิดจากการแข็งตัวของเลือดเทพฟีนิกซ์โบราณ ใครใส่เป็นเครื่องประดับก็จะได้รับความอบอุ่น ยิ่งไปกว่านั้น พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะถูกเพิ่มพูนด้วยพลังแห่งชี่ในเลือดแห่งฟีนิกซ์และจะเพิ่มพลังในการต่อสู้ของพวกเขาเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันสิ่งของล้ำค่าชิ้นนี้อยู่ในอ้อมอ้อมอกของตี้หนิวเฟิ่งอาจารย์ของชูเหลียงนั่นเอง

จุดสังเกตุสนุกๆ : กลุ่มดาวหมีใหญ่มีดาวทั้งหมด 7 ดวง ซึ่งตรงกับชื่อกระบี่เจ็ดดารา และชื่อหนังสือข่าวเจ็ดดาราของนิกายนี้

https://en.wikipedia.org/wiki/Alpha_Ursae_Majoris

2. ซี่ชง 穷奇 หนึ่งในสี่สัตว์ในตำนานจีนโบราณ ลักษณะคล้ายเสือปีกมีปีกที่มีขนาดเท่ากระทิง
3. คันฉ่อง เรียกเข้าใจง่ายๆ ว่ากระจก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด