บทที่ 7 หนังสือข่าวเจ็ดดารา
"ท่านหญิง ท่านเองก็ไม่อยากให้สามีเสียทุกอย่างไปมิใช่หรือ" ชูเหลียงมองนายหญิงหมิงที่ยังถูกเชือกสีแดงมัดอยู่
"ท่านชู... ท่านจะขอฉายาให้กับข้าจริงหรือ" นายหญิงหมิงถาม
เจ้าเมืองหมิงอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของชูเหลียงอย่างถ่องแท้ แต่นายหญิงหมิงเข้าใจมันและเธอประหลาดใจอย่างมาก เธอไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอนั้นเต็มใจที่จะช่วยเธอ
เธออยากคุกเข่าลงพร้อมกับสามีทันทีเพื่อแสดงความขอบคุณต่อชูเหลียง อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงสังเกตเห็นจุดนี้และรีบปล่อยเธอออกจากเชือกปีศาจ ไม่เช่นนั้นนี่จะเป็นฉากที่แปลกมากเลยทีเดียว
การขอฉายาเป็นการเรียกร้องทางการแบบวิธีโบราณที่มองปีศาจเป็นมากกว่าปีศาจ ซึ่งมันหมายความว่าเป็นการเรียกร้องให้มอบตําแหน่งอย่างเป็นทางการให้กับปีศาจ - ตําแหน่งนี้จะอนุญาตให้มันมีชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระในเมืองของมนุษย์
ปีศาจที่ไม่มีฉายาก็เหมือนผู้อยู่อาศัยที่ผิดกฎหมาย ถ้าพวกมันแทรกซึมเข้าไปในเมืองของมนุษย์และถูกพบ พวกมันสามารถถูกฆ่าตายในทันที นี่เป็นเหตุให้นายหญิงหมิงไม่กล้าออกมาพบหน้าชูเหลียงแต่แรก เธอกลัวว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอในฐานะปีศาจจะถูกพบ
อำนาจในการให้ฉายามีเพียงราชวงศ์ผู้ปกครองของโลกมนุษย์และนิกายเซียนอมตะทั้งเก้าเท่านั้นที่ทำได้ แม้แต่สิบอมตะแห่งโลกซึ่งมีระดับต่ำกว่านิกายเซียนอมตะเพียงระดับเดียวก็ไม่มีอำนาจเช่นนั้น การได้รับฉายาหรือตำแหน่งดังกล่าวจึงเป็นภารกิจที่ท้าทายมากสำหรับเหล่าปีศาจ
ราชวงศ์ที่ปกครองในปัจจุบันคือราชวงศ์หยู ซึ่งครองราชย์มานานกว่า 6 ศตวรรษ เป็นยุคแห่งความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม ปีศาจทุกตัวที่อาศัยอยู่ในเมืองของมนุษย์ ล้วนเป็นภัยคุกคามต่อยุคที่เงียบสงบนี้ ผู้คนมักคิดว่าผู้คนต่างเชื้อชาติมีความคิดที่แตกต่างกัน ไม่ต้องพูดถึงปีศาจต่างสายพันธุ์เลย
ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์หรือนิกายเซียนอมตะทั้งเก้า การมอบฉายาปีศาจก็เท่ากับเป็นการรับรองให้พวกเขา หากปีศาจตนนั้นคิดจะกบฏในอนาคต ผู้ที่มอบฉายานี้ก็ต้องรับผลที่จะตามมาด้วย
ตำแหน่งศิษย์แห่งฉูซานอย่างชูเหลียงนั้นไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องใหญ่เพียงนี้ เรื่องนี้ต้องมอบให้อาจารย์ตี้หนิวเฟิ่งของเขาเป็นผู้จัดการ
เพื่อยืนยันว่านายหญิงหมิงเป็นปีศาจที่ไม่เคยคร่าชีวิตมนุษย์จริง และยืนยันว่าความเป็นไปได้ที่จะกบฏในอนาคตนั้นต่ํามาก เขาจําเป็นต้องใช้ทักษะต่างๆ เช่นการจับสัญญาณชี่และการอ่านใจ และจะได้รับฉายาก็ต่อเมื่อได้รับการยืนยันจากกระบวนการเหล่านั้นแล้วเท่านั้น
หลังจากนั้นนายหญิงหมิงก็ต้องไปเคารพที่ฉูซานเป็นประจำ นอกจากนั้น เธอยังต้องให้ฉูซาน ทำการสะกดรอยตามเธออย่างเต็มใจ
โดยปกติแล้ว ศิษย์ของนิกายเซียนอมตะทั้งเก้าจะไม่ค่อยประสบปัญหาเช่นนี้
พวกเขามักกระทำการโดยง่ายเพียงแค่ฆ่าปีศาจเหล่านั้น และเอาชนะความชั่วร้าย
วิธีการที่เรียบง่ายนี้หมายความว่าชูเหลียงสามารถเลี่ยงปัญหา ประหยัดพลังงานของกระบวนการทั้งหมดและหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อผลที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ไม่ให้กดทับจิตสำนึกของเขาได้
แม้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว แต่ชูเหลียงก็ยังอยากช่วยเหลือพวกเขา
ส่วนเรื่องทรัพย์สินของตระกูลหมิงนั้นชัดเจนว่าชูเหลียงรับไว้ไม่ได้
มันเป็นค่าตอบแทนที่มากเกินจําเป็น
ต่อมาในวันนั้น ชูเหลียงกลับไปที่ฉูซานพร้อมเขาพาพวกเขาไปด้วย เมืองซิงโจวอยู่ไม่ไกลจากนิกายฉูซาน มิฉะนั้น คําขอของเจ้าเมืองหมิงจะไม่ไปถึงศาลาแลกกระบี่บนเขาฉูซานได้เร็วเพียงนี้
เมื่อถึงทางเข้าภูเขา ชูเหลียงก็รายงานเรื่องนี้ไปยังยอดเขาหยินเจี้ยน หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีอะไรต้องทำอีกต่อไป
ตี้หหนิวเฟิงเป็นวีรสตรีแห่งความยุติธรรม เธอชื่นชมการกระทําของชูเหลียงเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องขอฉายาเพื่อนายหญิงหมิงนั้น ทางยอดเขาตงเทียน (ยอดเขาเทียมสวรรค์ ยอดเขาหลักแห่งนิกายฉูซาน) เองก็มิกล้าเพิกเฉยต่อคำขอเพราะตี้หนิวเฟิงจะเป็นผู้จับตาดูมารตนนี้ด้วยตัวเอง
ชูเหลียงได้กลับมาที่บ้านไม้หลังเล็กบนไหล่เขา เขาผ่อนคลายและเข้าสู่สภาวะครุ่นคิด เขาดึงสติและพาตัวเองเข้าไปในเจดีย์สีขาว นี่ได้เวลารับรางวัลของเขาแล้ว
ในห้องขังเหล็กขนาดใหญ่มีเพียงวิญญาณแมวสีทองลอยอยู่รอบ
เขาทำมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ ชูเหลียงสัมผัสไปที่คำว่า “ชำระล้าง” แบบไม่คิดอะไรมาก
ครืนน
แสงสีแดงแวววาวและมีกลุ่มแสงลอยออกมา ชูเหลียงใช้มือของเขาจับมันไว้จึงรู้ว่ามันเป็นเครื่องราง
ระหว่างนั้นก็มีข้อความที่ปรากฏอยู่ในหัวของเขา
[เครื่องรางวิญญาณแมว: เมื่อใช้งานแล้วเครื่องรางนี้จะช่วยให้วิญญาณแมวครอบครองร่างกายชั่วคราว ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วได้อย่างมากเป็นเวลา 15 นาที นี่จะเป็นผลข้างเคียงปกติหากเกิดการเลียมือของท่านโดยไม่รู้ตัว โปรดอย่าตื่นตระหนก]
"เครื่องรางงั้นหรือ"
นี่เป็นครั้งแรกที่ชูเหลียงได้รับเครื่องรางเป็นรางวัล ยาเม็ดและเครื่องรางแบบที่ใช้แล้วทิ้งย่อมไม่มีคุณค่าเท่ากับวัตถุวิเศษที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอีกครั้ง เขาคาดการณ์ว่าพวกมันอาจมีประโยชน์และให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่คาดไว้ก็เป็นได้เพราะพวกมันเป็นของใช้แล้วทิ้ง เมื่อใช้ในช่วงเวลาสำคัญพวกมันอาจมีประสิทธิภาพสำหรับการเอาชีวิตรอด
เมื่อพิจารณาดูแล้ว เขาก็ยินดีที่จะเก็บมันเอาไว้
...
“แกว๊ก~”
เมื่อชูเหลียงรับรางวัลของเขาเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงนกมาจากข้างนอก เขาเงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่างและพบนกกระเรียนสีขาวขนาดใหญ่กําลังลงจอดนอกกระท่อมของเขา
นกกระเรียนตัวนี้มีขนสีขาวราวหิมะปกคลุม มันสูงสง่า แค่เพียงมองเข้าเข้าไปในตาสีดำของมันก็เห็นชัดแล้วว่านี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดมาก
มีตะกร้าห้อยอยู่ที่คอยาวของนกตัวนี้ มันใช้ปากแหลมหยิบแผ่นพับออกจากตะกร้ามาวางบนโต๊ะหินด้านนอก
หนังสือข่าว (หนังสือพิมพ์) เจ็ดดาราฉบับรายเดือน
ชูเหลียงชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า "ขอบคุณ"
นกกระเรียนยกคอขึ้นและกู่อีกครั้งราวกับกําลังตอบสนองต่อคำขอบคุณของชูเหลียง
“แกว๊ก~”
จากนั้นมันก็กระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
นกกระเรียนขาวเป็นนกส่งสารในเขาฉูซาน มันได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อส่งจดหมายและข้อมูลข่าวสารถึงศิษย์หลายคนที่อาศัยอยู่บนเขาฉูซาน
สิ่งที่กระเรียนขาวเพิ่งส่งมอบให้เขา คือหนังสือพิมพ์เจ็ดดารา ฉบับรายเดือน
ในบรรดานิกายเซียนอมตะทั้งเก้ามีนิกายที่เรียกว่าศาลาเคลื่อนสวรรค์ [1]
ความเชี่ยวชาญหลักของศาลาเคลื่อนสวรรค์คือการทํานาย ทําให้นิกายแห่งนี้เป็นนิกายที่ใกล้เคียงที่สุดในการไขปริศนาของอนาคตที่มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ได้ แม้พวกเขาจะถนัดด้านการสู้รบ แต่ก็ได้รับความนับถือจากกองกำลังหลักมาโดยตลอด ซึ่งการที่ถูกนับถือว่าเป็น 1 ใน 9 นิกายเซียนอมตะนั้นถือเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
ธุรกิจเสริมของพวกเขาคือการรวบรวมเรื่องราวประหลาดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผิดปกติในโลกมนุษย์และแจกจ่ายในรูปแบบของหนังสือข่าวรายเดือนเจ็ดดารา มันได้รับความนิยมอย่างมากทั่วประเทศนับตั้งแต่จัดทำครั้งแรกเมื่อหลายศตวรรษก่อน หนังสือข่าวเจ็ดดาราดึงดูดฝูงชนอย่างกว้างขวางตั้งแต่นิกายเซียนอมตะทั้งเก้า ราชวงศ์ ไปจนถึงเด็กธรรมดาบนท้องถนน พวกเขาชื่นชอบในเนื้อหาของนิตยสารรายเดือนและพยายามที่จะเข้าถึงมันอย่างกระตือรือร้น
ชูเหลียงได้หยิบหนังสือข่าวเข้าไปในกระท่อมของเขาและอ่านรายละเอียดข้างในอย่างละเอียด
หนังสือข่าวเจ็ดดาราแบ่งออกเป็นสามส่วน: "เรื่องราวของโลกแห่งการฝึกตน","รายการหมื่นสมบัติแห่งโลก" และ“พงศาวดารเก้าแคว้น”
ในหัวข้อเหล่านี้ "รายการหมื่นสมบัติแห่งโลก" เป็นการจัดอันดับสมบัติอุปกรณ์หรือสิ่งต่างๆ ที่มีค่า การจัดอันดับในแต่ละเดือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เพื่อความสะดวกของผู้อ่านจึงมักจะมีบทความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการจัดอันดับในแต่ละเดือน การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เกิดขึ้นในอันดับล่าง สมบัติอันดับต้นๆ จะไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงในการจัดอันดับเท่าใดนักในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้
ตัวอย่างเช่น สมบัติอันดับหนึ่งนั้นเป็นเจดีย์มาร สิ่งประดิษฐ์แห่งโลกมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ใต้ข้อความระบุอันดับของเจดีย์มาร มีตัวอักษรเล็ก ๆ บรรทัดหนึ่งเขียนว่า เดิม-นิกายฉูซาน ปัจจุบัน-ไม่ทราบที่อยู่
เจดีย์มารนี้เป็นเหตุผลทั้งหมดที่ทําให้นิกายฉูซานถูกจัดเป็นหนึ่งในเก้านิกายเซียนอมตะ พวกเขาเคยได้ครองตำแหน่งที่เรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุดในนิกายทั้งเก้าและเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ถูกต้องของเหล่าผู้ฝึกตน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงความวุ่นวายครั้งใหญ่เมื่อห้าร้อยปีก่อน นิกายชูซานได้สูญเสียสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลังนี้ไป
ส่งผลให้นิกายเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลา จากมุมมองของหลายฝ่ายในปัจจุบัน กองกำลังที่โดดเด่นในสิบอมตะแห่งโลกมีแนวโน้มที่จะแซงหน้านิกายฉูซานในแง่ของกําลังทหารแล้วด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนพูดกันอย่างต่อเนื่องว่า นิกายฉูซานมิได้คู่ควรกับตำแหน่งหนึ่งในนิกายเซียนอมตะแล้วในปัจจุบัน
ส่วนสมบัติอันดับ 2 คือ กระบี่เจ็ดดาราแห่งศาลาเคลื่อนสวรรค์ ซึ่งเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการย้ายภูเขากลับทะเล
อย่างไรก็ตามศาลาเคลื่อนสวรรค์จะพยายามอยู่นอกเรื่องขัดแย้งและไม่ค่อยมีส่วนร่วมในข้อพิพาท ดังนั้นกระบี่เจ็ดดาราจึงไม่ได้ถูกใช้มาหลายปีแล้ว บันทึกครั้งสุดท้ายที่ใช้กระบี่นี้คือเมื่อร้อยปีก่อนเมื่อนิกายอสูรยักษ์ที่เดินบนเส้นทางแห่งมารได้ปลุกสัตว์อสูรที่ดุร้ายนามว่า ซี่ชง [2] และพยายามโจมตีศาลาเคลื่อนสวรรค์ กระบี่เจ็ดดาราจึงถูกชักออกมา เพียงฟาดฟันหนึ่งครั้งก็ปราบอสูรร้าย ฟันสองครั้งฆ่าเหล่าผู้หลงผิดทั้งหลาย นิกายอสูรยักษ์ถูกทำลายจนสิ้นในชั่วอึดใจ
มีข่าวลือว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนราคามหาศาลทุกครั้งที่ใช้กระบี่เจ็ดดารา อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของการตอบแทนนี้เป็นความลับภายในนิกาย จึงไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับอะไร
ส่วนอันดับ 3 คือคันฉ่อง [3] สวรรค์แปดเหลี่ยม มันอยู่ในการดูแลของนิกายเซียนหมอกซ่อนผา คันฉ่องนี้กล่าวกันว่าเป็นช่องทางหลักสู่อำนาจของพระเจ้าและสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นิกายเซียนหมอกซ่อนผาก็เหมือนกับนิกายอื่นข้างต้น มันเป็นหนึ่งในเก้านิกายเซียนอมตะ คันฉ่องสวรรค์แปดเหลี่ยมกล่าวกันว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ตกลงมาจากโลกสวรรค์ มีข่าวลือว่าเหตุผลที่คันฉ่องนี้อยู่อันดับต่ำกว่ากระบี่เจ็ดดาราเป็นเพราะนิกายเคลื่อนสวรรค์เป็นผู้จัดอันดับ ด้วยข่าวลือนี้ทำให้บางคนสงสัยว่าพลังที่แท้จริงของคันฉ่องนี้อาจสูงกว่ากระบี่เจ็ดดารา
สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้เป็นสมบัติที่ชูเหลียงไม่เคยสัมผัสและไม่มีความหมายต่อเขามากนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกจัดอันดับมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เขาเห็นเป็นประจำ อันดับ 57 - หยกเลือดวิญญาณฟีนิกซ์
หยกนี้เกิดจากการแข็งตัวของเลือดเทพฟีนิกซ์โบราณ ใครใส่เป็นเครื่องประดับก็จะได้รับความอบอุ่น ยิ่งไปกว่านั้น พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะถูกเพิ่มพูนด้วยพลังแห่งชี่ในเลือดแห่งฟีนิกซ์และจะเพิ่มพลังในการต่อสู้ของพวกเขาเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันสิ่งของล้ำค่าชิ้นนี้อยู่ในอ้อมอ้อมอกของตี้หนิวเฟิ่งอาจารย์ของชูเหลียงนั่นเอง
จุดสังเกตุสนุกๆ : กลุ่มดาวหมีใหญ่มีดาวทั้งหมด 7 ดวง ซึ่งตรงกับชื่อกระบี่เจ็ดดารา และชื่อหนังสือข่าวเจ็ดดาราของนิกายนี้
https://en.wikipedia.org/wiki/Alpha_Ursae_Majoris
2. ซี่ชง 穷奇 หนึ่งในสี่สัตว์ในตำนานจีนโบราณ ลักษณะคล้ายเสือปีกมีปีกที่มีขนาดเท่ากระทิง
3. คันฉ่อง เรียกเข้าใจง่ายๆ ว่ากระจก