บทที่ 6 ท่าน กับภรรยาข้า.. ทำอะไรกันอยู่
ภายในห้องเงียบกริบ
จากนั้น หลังจากหยุดชะงักอึดอัดใจ พวกเขาทั้งสองตะโกนพร้อมกัน "อะไรอยู่ข้างหลังท่าน!"
ชูเหลียงและนายหญิงหมิงได้ชี้มือซ้ายไปข้างหลังของฝ่ายตรงข้ามในเวลาเดียวกัน พร้อมกับซ่อนมือขวาไว้ด้านหลัง
ทว่าไม่มีใครหันหลังกลับตามคำของอีกฝ่าย
พวกเขาใช้อุบายเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซึ่ง.. มันน่าอายนิดหน่อย...
"ฮ่าๆ " นายหญิงหมิงหัวเราะ "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไม่พูดยืดยาวให้มากความ ตั้งแต่เจ้าเข้ามาในห้องนี้ เทียนพิษที่ข้าจุดคงส่งพิษหลอนเข้าไปในร่างเจ้าพอสมควรแล้ว ถ้าเจ้าอยากได้ยาแก้พิษล่ะก็ จงจากไปอย่างเงียบๆ และเลิกยุ่งเรื่องของคนอื่นได้แล้ว"
“เมื่อข้ากล้าก้าวเข้ามาในห้องนี้ ข้าก็ได้เตรียมการป้องกันอยู่แล้ว อันที่จริง ข้ากลั้นหายใจและควบคุมอากาศภายในเพื่อป้องกันการสูดดมพิษตั้งแต่วินาทีที่ท่านจุดเทียน” ชูเหลียงตอบ
รอยยิ้มของนายหญิงหมิงค่อยๆ จางลง ในขณะที่เธอพยายามที่จะมีสติมากขึ้น แม้หนุ่มคนนี้จะดูเป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาแต่เขาก็มีแผนมากกว่าเธอ
"ข้าไม่เคยทำร้ายใคร ข้าหวังเพียงว่าจะได้มีชีวิตที่มั่นคงกับสามีข้าเพียงเท่านั้น ในเมื่อเจ้าทําหน้าที่ของเจ้าแล้ว เจ้าสามารถแกล้งทําเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติมิได้หรือ" เธอถามด้วยเสียงอ้อนวอน
“มันไม่เหมาะสม” ชูเหลียงเอ่ยตอบ
วินาทีต่อมา สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอตรงหน้าเขากลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มือขวาขยับอย่างแรง แส้ยาวสีดําบินวนมาที่ชูเหลียง มันเหมือนลิ้นของอสรพิษที่พุ่งออกมาเพื่อพยายามจะจับเขา
ชูเหลียงสั่นข้อมือซ้าย กําไลข้อมือกลายเป็นกระบี่และปิดกั้นแส้ยาวของนายหญิงหมิง จากนั้นเขาก็หมุนกระบี่ของเขาม้วนพันแส้รอบใบมีดและพยายามที่จะตัดแส้ของเธอ
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแส้ยาวจะทำจากวัสดุที่ผิดปกติเพราะกระบี่บินแห่งฉูซานนี้ไม่สามารถเจาะแส้ยาวได้เลย
โครม!
ต่างฝ่ายต่างดึงปลายแส้ทั้งสองข้างเพื่อเป็นการประชันพลังกันสั้นๆ
ห้องนอนมีขนาดเล็กและเมื่อพลังของพวกเขาทั้งสองพวยพุ่งพลังของการระเบิดอย่างต่อเนื่องดังก้องไปทั่วห้องและเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งก็ล้มระเนระนาด
หลังจากหยั่งเชิงกันครู่หนึ่ง นายหญิงหมิงก็ยกมือซ้ายขึ้น มือของเธอกลายเป็นกรงเล็บที่แหลมคมทันที มันปล่อยแสงสีดําที่คมชัดสามเส้นออกมา
ชูเหลียงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่น่าตกใจ หลีกเลี่ยงการโจมตีของเธออย่างชาญฉลาด เขายกแขนซ้ายขึ้นเพื่อส่องแสงสีแดง
นายหญิงหมิงก็คล่องแคล่วไม่แพ้กัน และเธอก็หลบแสงสีแดงไปได้ อย่างไรก็ตาม แสงดูเหมือนจะมีความสามารถในการรับรู้ที่น่าทึ่ง เมื่อเธอหลบไปด้านข้างแสงสีแดงก็โค้งงออย่างฉับพลันและล้อมรอบร่างกายของเธออย่างรวดเร็ว
มันเป็นวิธีการมัดกระดองเต่า
เชือกผูกปีศาจ
เมื่อพิจารณาถึงระยะการโจมตีที่ใกล้มาก จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมของเชือกผูกปีศาจนี้
ตุ้บ!
นายหญิงหมิงถูกมัดด้วยเชือกสีแดงที่ขดตัวอย่างแน่นหนาเหมือนกระดองเต่า เธอเสียการทรงตัวในทันทีและล้มลงกับพื้น แส้หนังสีดําของเธอลื่นไถลจากมือของเธอและตกลงบนพื้น
เธอเงยหน้าขึ้นและกัดฟันจ้องมองที่ชูเหลียง
"เจ้า..." เธอโกรธมาก
เมื่อการต่อสู้ในห้องใกล้จะสิ้นสุดลง ก็มีเสียงจากประตูดังขึ้น
"ภรรยาข้า เสียงอะไรหรือ เจ้าสบายดีหรือไม่" เจ้าเมืองหมิงเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วตะโกน
แต่...
เขาได้เห็นภาพตรงหน้าด้วยตาของเขาเอง
ภายในห้องรกรุงรัง ภรรยาตนถูกมัดมืออยู่ในท่าแปลกๆ นอนหงายอยู่กับพื้น
"โอ้" เจ้าเมืองหมิงถอยไปสองก้าว เขาใช้มือจับหน้าผากตัวเอง ดูเหมือนทําอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพํากับตัวเองว่า "ข้า.. ข้ามาผิดเวลาหรือ.. ไม่สิ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!"
...
ชูเหลียงรีบหยุดเจ้าเมืองหมิงให้สงบสติอารมณ์ ก่อนบอกให้เขาประคองนายหญิงหมิงที่นอนอยู่กับพื้นขึ้นมา
นายหญิงหมิงในรูปร่างที่สวยงามนั้นถูกมัดแบบนี้ มันช่างดูน่าดึงดูดมากจริงๆ จงทำให้ชูเหลียงไม่กล้าช่วยเหลือแต่อย่างใด
"ท่านชู ท่านไม่อยากคลายมัดให้ภรรยาข้าหรือ" เจ้าเมืองหมิง
"อืม..." ชูเหลียงตอบ "เกรงว่าจะทําไม่ได้"
จากนั้นเขาก็เปิดเผยความจริงว่านางหมิงเป็นปีศาจ
"อะไรนะ" เจ้าเมืองหมิงตกใจจนหน้าซีด "ท่าน ท่านเพิ่งบอกว่าภรรยาของข้าเป็นปีศาจงั้นหืรอ มันเป็นไปได้อย่างไร ท่าน... ท่าไม่สามารถพูดสิ่งที่ไม่มีมูลแบบนี้.."
ชูเหลียงเอ่ยตอบ "ท่านหมิง หากท่านไม่เชื่อข้า ข้าก็มีวิธีที่จะทําให้ภรรยาของท่านเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา"
"นั่นไม่จําเป็น" เจ้าเมืองหมิงเข้าไปในห้อง นายหญิงหมิงก็เงียบกริบ แต่ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนออกมา
"สามีของข้า... จริงๆ แล้ว... ข้าไม่เคยกล้าบอกท่านเลย" นายหญิงหมิงพูดอย่างจริงจัง "ข้าเป็นปีศาจจริงๆ "
"อะไรนะ.. มันเป็นไปได้อย่างไร เจ้าอ่อนโยนและใจดีเพียงนี้..."
เจ้าเมืองหมิงงยังไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
"ปีศาจทั้งปวงมิจำเป็นต้องชั่วร้ายไปทั้งหมด" ชูเหลียงกล่าว
นายหญิงหมิงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
"ข้าอาศัยอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายในภูเขานอกเมืองตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเราจะเป็นปีศาจ แต่ก็ไม่เคยกล้าทําร้ายใคร นี่คือวิถีชีวิตของเราเกือบร้อยปี แต่แล้ววันหนึ่ง.. ข้าก็ได้พบกับท่าน..."
"ข้าหรือ" เจ้าเมืองหมิงงุนงง
"ใช่ ข้าได้พบท่าน" นายหญิงหมิงมองเขาอย่างอ่อนโยน "แน่นอนว่าท่านอาจจะจำไม่ได้แล้วว่าเคยได้ช่วยแมวป่าตัวเล็กเมื่อยี่สิบปีก่อน"
"..ที่แท้ แมวนั่นก็คือเจ้างั้นหรอ" เจ้าเมืองหมิงตกใจจนหน้าซีด
"ใช่แล้ว ตอนนั้นการฝึกฝนของข้ายังไม่ประสบความสำเร็จ ข้าได้พบหมาป่าดุร้ายและหนีตายเข้าป่า ติดบ่วงพราน และเมื่อนั้นเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งก็ได้บังเอิญผ่านมาช่วยข้าเอาไว้" นายหญิงหมิงกล่าวอย่างอ่อนโยน
"เหตุการณ์นั้นข้ายังเด็กมาก วันหนึ่งข้ารู้สึกเหนื่อยหน่ายที่จะเรียน ดังนั้นข้าจึงแอบออกจากโรงเรียนและเสี่ยงที่จะเล่นในภูเขา ตอนนั้นเองที่ข้าบังเอิญพบแมวป่าที่น่ารักมาก.. ข้าจําได้ดีจนถึงตอนนี้" เจ้าเมืองหมิงพยายามระลึกถึงเรื่องในอดีต "ข้าเคยคิดจะพาเจ้ากลับมาที่บ้านเพื่อดูแลอาการบาดเจ็บ แต่เจ้าก็หนีไปทันทีที่ข้าเผลอ"
"หลังจากข้าหนีมา ข้ามุ่งมั่นที่จะฝึกฝนและใช้เวลาอีกสิบปีกว่าจะเข้าใจศิลปะและวิทยาการของมนุษย์" นายหญิงหมิงกล่าวขณะจ้องมองสามีของเธอ "ข้าปิดบังพี่ชาย ลงมาจากภูเขา มาสนุกที่โลกมนุษย์ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ข้าไม่คิดว่าข้าจะได้พบกับท่านอีกครั้ง ท่านเติบโตขึ้น แต่มีบางอย่างในตัวท่านที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง"
"ข้าคิดว่านั่นเป็นการพบกันครั้งแรกของเรา แต่ปรากฏว่า... นั่นเป็นครั้งที่สองงั้นหรือ" เจ้าเมืองหมิงตระหนักถึงเรื่องนี้
"ใช่ ข้าตกหลุมรักท่านตั้งแต่วินาทีนั้น เราแต่งงานกันและทุกอย่างเหมือนความฝัน ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตมนุษย์จะมีความสุขมากเพียงนี้" นายหญิงหมิงเล่าเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้มแห่งความปรารถนา จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าก็รู้ว่าตัวเองท้อง”
"เจ้า... ท้องงั้นหรือ" เจ้าเมืองหมิงตกใจมาก
"แต่ข้ามิกล้า..." นายหญิงหมิงพยายามอธิบาย "เพราะข้าไม่สามารถไปถึงร่างมนุษย์ได้อย่างแท้จริง ข้าจะตั้งครรภ์ลูกที่เหมือนปีศาจ.. ดังนั้นข้าจึงเก็บความลับไว้และแอบกลับไปที่บ้านของข้า จริงๆ แล้วข้าไปแอบยุติการตั้งครรภ์บนภูเขา"
"ภรรยาที่รักของข้า..." เจ้าเมืองหมิงจับมือเธอและน้ำตาคลอเบ้า "แม้ว่าเจ้าจะเป็นปีศาจ แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ ความรักและความจงรักภักดีต่อกันของเราฝังรากลึกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจสิ่งนี้จะมิทําให้คุณค่าของความรักของเราลดลงแต่อย่างใด"
“ข้าไม่คิดว่าลูกของเราจะกลายเป็นวิญญาณแค้น” นายหญิงหมิง กล่าวด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญด้วยความโศกเศร้า "ตัวตนที่แท้จริงของข้าก็ถูกเปิดเผยแล้ว มันต้องเป็นกรรมของข้าเป็นแน่"
“เปล่าเลย ผิดที่ข้าเอง ข้ามิได้ใส่ใจเจ้ามากพอต่างหาก” เจ้าเมืองหมิงกล่าวอย่างสั่นเครือ
“ท่านมิได้ทำอะไรผิด ข้ามีความสุขมากที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับท่าน ข้ามีความสุขจริงๆ” หลังจากพูดความในใจกับสามีของเธอ นายหญิงหมิงก็หันหน้าไปพูดกับชูเหลียงว่า "จะเป็นความตายหรือเป็นโทษสถานใด ข้าก็พร้อมแล้ว"
"ไม่ได้! ไม่ได้นะ!" ทันใดนั้นเจ้าเมืองหมิงก็คุกเข่าลงกับพื้นและจับขาชูเหลียงไว้แน่น "ท่านชู ข้ายินดีมอบทรัพย์สินทั้งหมดของข้าให้ท่าน.. ได้โปรด ข้าขอร้องล่ะ ไว้ชีวิตภรรยาของข้าด้วย"
ชูเหลียงจ้องมองคู่รักที่รักคู่นี้ตรงหน้า
เขายังคงมีเหตุผลที่จะเอาชีวิตนางหมิงไปอย่าแน่นอน โลกไม่เคยให้อภัยปีศาจที่อาศัยอยู่ในสังคมมนุษย์
นอกจากนี้เขาจะได้รับรางวัลจากเจดีย์ขาวด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเขาปล่อยเธอและจากไปพร้อมกับทรัพย์สินของตระกูลหมิง มันก็ยังเป็นทางเลือกที่ฉลาด แม้เป็นปุถุชนธรรมดา แต่ความมั่งคั่งที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคนก็มิใช่จะได้มาง่ายๆ
ยังไงเขาก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
แต่ ชูเหลียงส่ายหัวอย่างไม่ลังเล
ขณะที่สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังชูเหลียงก็กล่าวเสริมว่า “ถ้านายหญิงมิเคยทำร้ายผู้ใดจริงๆ เช่นนั้นพวกท่านสองคนควรไปที่ฉูซานกับข้า บางที.. ข้าสามารถขอฉายาอย่างเป็นทางการสําหรับนายหญิงหมิงได้”