ตอนที่แล้วบทที่ 2 ชายผู้กำลังจะอดตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 นักเวทย์และม้ากระดูก

บทที่ 3 ซอมบี้ตัวน้อย


คนก็ตายแล้ว และ อังเกอร์ ก็ค้นพบว่าตัวเองไม่สามารถกลับไปได้แล้ว มีเพียงประตูแสงที่กลายเป็นสร้อยข้อมือเวทมนตร์รอบข้อมือ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนสร้อยข้อมือกลับไปเป็นประตูแสงได้อย่างไร

สำหรับเรื่องที่กลับไปไม่ได้ อังเกอร์ ไม่ได้คิดมากนัก ที่นี่ไม่ต่างจากวิหารสงบจิต เหมือนกันตรงที่เป็นเมืองร้างเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายความเงียบสงบ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ที่นี่ยังมีโครงกระดูกอื่นๆ

ไม่นานหลังจากที่คนตาย โครงกระดูกผุพังก็เดินทางมาจากที่ไกลๆ มันเดินโซเซไปข้างหน้า ตาที่ว่างเปล่าจ้องมองไปที่ร่างของคนตาย ราวกับว่ามีบางอย่างจากศพที่ดึงดูดความสนใจของมัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าใกล้ระยะประมาณ 30 เมตร โครงกระดูกผุพังก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน หันศีรษะไปทางทิศทางของ อังเกอร์ ด้วยความสงสัย ตาที่โบ๋เปล่ามองไปที่ร่าง อังเกอร์

เห็นได้ชัดว่าไฟแห่งวิญญาณในโพรงตาปั่นป่วน โครงกระดูกผุพังนั้นหันองศาตัวเดินไปยังทิศทางอื่นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

โครงกระดูกมีการแบ่งระดับ ระดับของ อังเกอร์ สูงกว่าโครงกระดูกผุพังมาก จึงทำให้มันวิ่งหนีไปทันที

ดังนั้น อังเกอร์ จึงยืนอยู่ที่นั่น ในช่วงบ่ายวันนั้นเขาขู่ไล่โครงกระดูกผุพังและกระดูกขาวนับสิบตัว เหมือนกับว่ามีการสื่อสารและแบ่งเขตอิทธิพลใหม่ โครงกระดูกระดับต่ำจึงไม่เดินไปยังทางของ อังเกอร์ อีกเลย

อังเกอร์ ขุดหลุมและตั้งรกรากลงชั่วคราว เขาฝังเสบียงจากรถเข็นไว้ในหลุมอีกแห่ง

ต้องบอกว่าขุดหลุมทันเวลาพอดี ในยามค่ำคืน อังเกอร์ สังเกตเห็นโครงกระดูกที่เดินทางไปมาในระยะไกลเริ่มขุดหลุมพร้อมกัน ต่างฝังตัวเองลงไป จากนั้นก็เริ่มมีลมพัดเย็นๆ

ลมนั้น คือลมแห่งชีวิต

ลมแห่งชีวิตเป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนแห่งความตาย มันมอบชีวิตให้กับซากศพ โครงกระดูก และเศษซากวิญญาณที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ปั้นแต่งพวกมันให้กลายเป็นโครงกระดูก ศพเวทมนตร์ และวิญญาณ แต่หากใครไม่เคารพมัน มันก็จะทำลายทุกสิ่งอย่างไร้ความปรานี

สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตาย หากสัมผัสกับลมแห่งชีวิตเป็นเวลานาน วิญญาณของพวกมันจะค่อยๆ แข็งตัว เหี่ยวแห้ง และสลายไป แม้แต่ราชันโครงกระดูกทองคำผู้มีเวทมนตร์ที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่มีข้อยกเว้น ต่างกันเพียงแค่พวกเขาสามารถต้านทานได้นานกว่าเท่านั้น

อังเกอร์ นอนอยู่ในหลุมที่ลึกลงไป ฟังเสียงคำรามของลมแห่งชีวิต วิญญาณของเขาค่อย ๆ สงบลง ลมแห่งชีวิตมีผลในการปลอบประโลมวิญญาณ ตราบใดที่ไม่ถูกมันพัดเข้าจู่โจมตรง ๆ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณ

ในขณะนอนอยู่ในหลุม อังเกอร์ ยื่นนิ้วออกมาด้วยความสงสัย แหวกฝ่าลมเย็นยะเยือกนั้น

ลมแห่งชีวิตที่เหมือนหมอกสีเทาพัดผ่านนิ้วของเขา ก่อตัวเป็นลูกวงกลมลม ในขณะที่มือทั้งหมดของเขาภายใต้แรงลม กลายเป็นสีขาวเงินราวกับโลหะ

ภายใต้การปัดเป่าของสายลม ความรู้สึกเย็นเฉียบแผ่ซ่านลงมาจากฝ่ามือ ส่งไปยังไฟแห่งวิญญาณของเขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลืนกินจิตวิญญาณจนแข็งแกร่งขึ้น นี่ทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า

สำหรับโครงกระดูกเช่นเขา วิธีที่ดีที่สุดในการเสริมกำลังตนเองคือการกลืนกินวิญญาณของ โครงกระดูกตัวอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นโครงกระดูกปลูกผัก ไม่จำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้วิญญาณของตนเอง อีกทั้งตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียวในวิหารสงบจิต ไม่มีเพื่อนร่วมชะตากรรมใดๆให้เขาปล้นสะดม

อย่างไรก็ตาม การทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเป็นสัญชาตญาณของทุกวิญญาณ หลังจากลองแล้ว อังเกอร์ ก็มีความรู้สึกหลงใหล อดไม่ได้ที่จะยื่นมือทั้งสองข้างออกไป

คืนหนึ่งผ่านไป ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นอย่างเชื่องช้า ลมแห่งชีวิตได้หยุดลงแล้ว

อังเกอร์ รู้สึกว่าวิญญาณของตนเองแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหน ทว่ากระดูกของเขากลับเปลี่ยนไปมาก รอยบุ๋มน้อยลงมาก รูใหญ่บางรูก็เล็กลง รูเล็กถูกเติมเต็ม เหมือนกับถูกฉาบด้วยวัสดุอุดโป๊ว

หากปล่อยให้ลมพัดอีกสองสามครั้ง ก็คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกระดูกแล้ว อังเกอร์ คิดในใจ

ทันทีที่เขาปีนขึ้นมาจากหลุม อังเกอร์ พบว่าศพของมนุษย์เมื่อวานหายไป เงยหน้ามองก็พบว่ามันถูกเปลี่ยนเป็นซอมบี้ กำลังเดินโซเซไปยังทิศทางอื่น

อังเกอร์ วิ่งไปลากมันกลับมา ซอมบี้น้อยตกใจจนแทบสิ้นสติ คิดว่า อังเกอร์ จะกินมัน จึงดิ้นพล่านร้องโหยหวน

น่าเสียดาย ต่อให้เป็นโครงกระดูกผุพังหรือโครงกระดูกขาว อังเกอร์ ก็ยังขู่ไล่ไปได้ นับประสาอะไรกับซอมบี้น้อยที่เพิ่งเกิดใหม่ตัวนี้ ไม่นานก็ถูก อังเกอร์ ถอดเปลือกจนเกลี้ยง

สิ่งที่ถอดออกมาเป็นของของมนุษย์ มีกระเป๋าสะพายหนังหนึ่งใบ กระบอกน้ำเปล่าหนึ่งใบ ดาบยาวเล่มหนึ่ง ในกระเป๋าสะพายมีแผนที่แผ่นหนึ่ง เหรียญเงินสองสามเหรียญ แต่ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกตัวตนของเขาได้

นั่นหมายความว่า ทำไมมนุษย์ผู้นี้ถึงมาที่นี่? เขาเปิดใช้วงเวทส่งต่อได้อย่างไร? สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นปริศนาตลอดไป หาก อังเกอร์ ไม่สามารถเข้าใจวิธีใช้สร้อยข้อมือเวทมนตร์ได้ เขาก็อาจจะกลับไปไม่ได้อีกเลย

อังเกอร์ มองไปที่รอยบุ๋มบนกระดูกที่เรียบขึ้นมาก ดูเหมือนว่า...การกลับไปไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่

เพราะลมแห่งชีวิต อังเกอร์ จึงคิดที่จะตั้งรกรากในทุ่งร้างแห่งนี้อย่างมั่นคง แช่ตัวในสายลมแห่งชีวิตทุกวัน เสริมความแข็งแกร่งให้กับวิญญาณของตนเองอย่างต่อเนื่อง

ซอมบี้น้อยที่เกิดใหม่นั้นค่อย ๆ สนิทสนมกับ อังเกอร์ เมื่อตอนแรก อังเกอร์ ลากมันไปทำให้มันตกใจแทบแย่ คิดว่าตัวเองกำลังจะโดนกิน ใครจะไปรู้ว่าหลังจากโดนถอดเปลือกจนเกลี้ยงแล้ว อังเกอร์ ก็ไม่สนใจมันอีกเลย

ซอมบี้น้อยที่เกิดใหม่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เดินเตร่ไปมาอย่างงุนงง จนกระทั่งลมแห่งชีวิตพัดขึ้นมาอีกครั้ง

มันเพิ่งเกิดใหม่ไม่อาจทนต่อความรุนแรงของลมแห่งชีวิตได้ มันจึงร้องโหยหวนด้วยสัญชาตญาณ พยายามขุดหลุมลงไปในพื้นดินเพื่อหาที่หลบภัย แต่ด้วยความเร็วในการขุดหลุมของมัน กว่าจะขุดหลุมเสร็จ วิญญาณของมันคงถูกลมพัดกระจัดกระจายไปหมดแล้ว

โชคดีที่หลุมที่ อังเกอร์ อยู่ไม่ไกลจากมันมากนัก เขาจึงฝ่าลมไปลากมันเข้ามาในหลุม

เมื่อเทียบกับซอมบี้น้อยแล้ว อังเกอร์ นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก การย่อตัวอยู่ในหลุมเดียวกันทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมาก มันตกใจจนพยายามคลานหนีออกไป แต่เมื่อโผล่ศีรษะออกมาก็ถูกลมที่เย็นเฉียบพัดจนต้องหดตัวกลับมา สุดท้ายมันก็กอดศีรษะตัวเองไว้ ขดตัวสั่นอยู่มุมหลุม

อังเกอร์ ไม่สนใจมันมากนัก เขายื่นมือออกไปสัมผัสสายลมที่เย็นเฉียบ รอจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น ลมแห่งชีวิตสงบลง ซอมบี้น้อยจึงรีบคลานออกไปทันที

ครั้งนี้ ซอมบี้น้อยตัดสินใจจะออกห่างจากสถานที่น่ากลัวนี้ แต่เพิ่งเดินออกไปได้ 30 เมตร ก็ถูกโครงกระดูกอีกตัวที่เดินเตร่อยู่ไล่กลับมา

ในรัศมี 30 เมตรนี้กลายเป็นอาณาเขตของ อังเกอร์ ไปแล้ว ซอมบี้น้อยอยู่ข้างใน อังเกอร์ จะไม่ยุ่งกับมัน แต่ทันทีที่มันออกนอกขอบเขตนี้ วิญญาณอ่อนแอของมันที่เพิ่งเกิดใหม่จะกลายเป็นอาหารที่น่าหม่ำที่สุด ใครก็สามารถรังแกมันได้

หลังจากถูกโครงกระดูกอื่นไล่ตามมาหลายครั้ง ซอมบี้น้อยก็ตระหนักได้ว่า ที่อื่นน่ากลัวยิ่งกว่าที่นี่

เมื่อยามเย็นมาเยือน ลมแห่งชีวิตก็พัดมาอีกครั้ง ซอมบี้น้อยที่ไม่มีความสามารถขุดหลุมของตัวเองก็กลับมาที่หลุมของ อังเกอร์ ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

มันยืดคอจ้องมองไปที่ อังเกอร์ เห็นว่า อังเกอร์ ไม่สนใจมัน มันก็เลยย่องเข้ามาใกล้อีกนิด มันยังคงไม่ถูกสนใจอีก มันก็เลยย่องเข้ามาใกล้อีก จนถึงมุมที่มันอยู่เมื่อคืนวานนี้ แม้แต่ท่าทางก็เหมือนเดิม กอดหัวตัวเอง เพียงแต่ไม่ตัวสั่นอีกต่อไป

เช้าวันรุ่งขึ้น มันก็รีบคลานออกไปอีกครั้ง แต่พอถึงยามเย็น โดยที่ยังไม่ทันมีลมแห่งชีวิตพัดขึ้น มันก็คลานกลับเข้ามาในหลุมอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้มันไม่ได้กอดศีรษะตัวเองแล้ว แต่กลับสังเกต อังเกอร์ ด้วยความสงสัย แม้กระทั่งลองทำตามอย่าง ยื่นมือออกไปนอกหลุม

แน่นอนว่า การกระทำที่ขาดความยั้งคิดนี้ ทำให้วิญญาณของมันถูกสายลมเย็นเฉียบชะล้างอย่างไม่ปรานี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด