บทที่ 4 คฤหาสน์.. เหมียว~
กระบวนการฝึกตนของมนุษย์แบ่งออกเป็นสามระยะในรูปแบบของด่าน ซึ่งแต่ละด่านจะนำไปสู่ระดับอีกสามระดับ
ในด่านแรกด่านแห่งมนุษย์เน้นการฝึกฝนบ่มเพาะร่างกายอย่างครอบคลุม ซึ่งแบ่งออกเป็นสามระดับต่อไปนี้: ระดับการปรับแต่งร่างกาย ระดับการบ่มเพาะชี่ และระดับการตระหนักรู้ทางวิญญาณ
ในด่านแห่งโลก ผู้ฝึกตนจะปฏิบัติเหนือไปกว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกเขา ซึ่งแบ่งออกเป็นสามระดับดังต่อไปนี้: ระดับแกนทองคำ ระดับธาตุทั้งห้า และระดับแห่งการตื่นรู้ [1]
และในด่านสุดท้ายด่านสวรรค์ ในด่านเป็นการบ่มเพาะซึ่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยระดับบรรลุเต๋า ระดับกำเนิดสวรรค์ และระดับลึกล้ำ [2]
แม้จะมีความหลากหลายในการฝึกฝนบ่มเพาะโดยที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จากกลุ่มสามชุดความคิดหลัก [3] , จากเหล่าจอมยุทธ์, จากหมู่มารปีศาจและจากนิกายเล็กๆ จะแตกต่างกันไป แต่พวกเขาก็มีความคล้ายคลึงกันโดยพื้นฐาน
ในนิกายฉูซานมีระบบที่สมาชิกของนิกายจะต้องแลกเปลี่ยนงานกับทรัพยากร แม้จะดูโหดเหี้ยม แต่ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการอบรมเหล่าศิษย์ของพวกเขา ในความเป็นจริง นิกายนี้ใช้จุดยืนที่แข็งกร้าวนี้ในการจำแนก ปกป้อง และจัดระเบียบเหล่าศิษย์ทั้งหลาย เช่น ผู้ที่อยู่ในระดับที่ 1 และ 2 จะถูกจำกัดการปฏิบัติภารกิจนอกเขา พวกเขาสามารถทำได้เพียงงานภายในนิกาย รวมถึงการดูแลพืชวิญญาณ การดูแลนกวิญญาณ การช่วยเหลืองานที่ประตู และการจัดการงานเบ็ดเตล็ดต่างๆ เท่านั้น
ส่วนผู้ที่อยู่ในระดับที่สาม ระดับของการตระหนักรู้ทางวิญญาณ เมื่อพวกเขาเข้ามาสู่ระดับนี้ได้ พวกเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปฏิบัติที่มีทักษะสูงและควรค่าแก่การยกย่องไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม ภายในนิกายฉูซานซึ่งเต็มไปด้วยผู้มากฝีมือ พวกเขาจะได้รับการพิจารณาเพียงว่าอยู่ในระดับที่สามารถลงจากภูเขาเพื่อล่าปีศาจได้เท่านั้น
เมื่อได้ออกจากนิกายไปกำจัดปิศาจในโลกกว้าง แน่นอนว่าภารกิจต่างๆ ที่พวกเขาสามารถทำได้นั้นจะมีความแตกต่างและหลากหลายอย่างมาก และภารกิจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือภารกิจจากครอบครัวที่ร่ํารวย
ประการแรกเพราะว่า ปีศาจระดับสูงมักจะไม่เข้ามาป้วนเปี้ยนในเมืองใหญ่ ดังนั้นอันตรายของมันจึงต่ํา ประการที่สอง เมืองเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตและเปิดโอกาสให้มีการพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงนอกเหนือจากการล่าปีศาจ และสุดท้ายครอบครัวที่ร่ำรวยขึ้นชื่อเรื่องผลตอบแทนที่ดี นอกจากค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้กับนิกายแล้ว รางวัลที่ตามมามักจะน่าประทับใจและถูกให้ไปยังผู้ที่จัดการทำภารกิจโดยตรง
และนี่คือภารกิจที่ผู้อาวุโสเสิ่นเลือกให้ชูเหลียง
…
"ท่านผู้กล้าหนุ่มชู" เจ้าเมืองหมิงทักทายเขา
"คารวะท่านหมิง"
"ขอบคุณสำหรับการทํางานหนักท่านนะผู้กล้าชู"
"การรับใช้ประชาชนเป็นหน้าที่ของข้า"
ชูเหลียงซึ่งใช้กระบี่บินเดินทางมายังประตูเมืองซิงโจว ทันทีที่เขามาถึง เขาก็ตรงไปที่คฤหาสน์หมิงเพื่อแนะนำตัว การมาถึงของเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
หมิงเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างเพรียวบางและมีมารยาทที่สง่างาม เขามีหนวดเคราสั้นใต้คางซึ่งดูเป็นระเบียบสร้างความประทับใจที่ดี อย่างไรก็ตาม รอยคล้ำและสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาผ่านความเจ็บปวดมาพอสมควร
หมิงพาชูเหลียงไปที่ห้องโถงใหญ่ [4] ของคฤหาสน์หมิงและนั่งลงเพื่อพูดคุยและให้ข้ารับใช้รินน้ำชาให้เขา
เขาพูดอย่างขมขื่นว่า "ท่านวีรบุรุษหนุ่มแห่งฉูซาน เมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว ความสงบสุขจะหวนคืนสู่ที่นี่แล้วใช่หรือไม่"
ชูเหลียงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสั้นๆ เสียหน่อยล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น”
"เห้อ..." เจ้าเมืองหมิงถอนหายใจ เขาตอบว่า ตระกูลหมิงเป็นตระกูลของผู้มีคุณธรรมมาหลายชั่วอายุคน ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทําไมเรื่องแปลก ๆ เหล่านี้ถึงเกิดขึ้นได้..."
"สามวันก่อนเสียงร้องของแมวที่น่าสงสารและตัวสั่นเทาดังก้องอยู่ด้านนอกจนเติมเต็มให้อากาศก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก วันรุ่งขึ้นที่เสียงร้องอันก่อกวนหัวใจนั้นได้มาถึงสนามหน้าบ้านของเรา คนรับใช้บางคนบอกว่าเห็นปีศาจอยู่เข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว มันมีกลิ่นอายที่ทรงพลังและคุกคาม เมื่อวานนี้เสียงร้องที่น่าเป็นห่วงเหล่านี้ได้มาถึงสนามหลังบ้านของเรา ภรรยาของข้าถูกรบกวนอย่างมากโดยเสียงนี้... "
หมิงดำเนินการอย่างรวดเร็ว วันรุ่งขึ้นจากวันนั้น เขาขอความช่วยเหลือจากวัดลัทธิเต๋าแห่งหนึ่งนอกเมือง
วัดลัทธิเต๋าที่เจริญรุ่งเรืองนี้มีธูปหอมและเครื่องเซ่นไหว้จากผู้บูชาที่เคร่งศาสนา มักจะมีผู้ที่ประจําการดูแลความสงบที่เป็นผู้ฝึกตนหรือมีสังกัดในนิกายอมตะ และแน่นอนว่าวัดลัทธิเต๋าที่อยู่นอกเมืองซิงโจวแห่งนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนิกายฉูซาน นี่คือเหตุผลที่คําขอสําหรับภารกิจนี้ถูกส่งต่อมาถึงศาลาแลกกระบี่ของนิกายฉูซานอย่างรวดเร็ว
"ท่านวีรบุรุษหนุ่ม..." เจ้าเมืองหมิงมองมาที่ชูเหลียง "หากท่านไม่ห้ามมัน ข้าเกรงว่าคืนนี้มันคงจะเข้ามาในบ้านข้าและทําร้ายคนของข้า"
"อืม..." ชูเหลียงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏเฉพาะในเวลากลางคืน ค่อยๆ เคลื่อนที่อย่างระมัดระวัง.. ดูไม่เหมือนปีศาจ มันเหมือนกับวิญญาณหรือที่เรามักเรียกว่าผีมากกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว หากปีศาจบรรลุระดับการฝึกฝนในระดับหนึ่ง สติปัญญาของพวกเขาจะไม่แตกต่างจากมนุษย์ และพวกเขาจะไม่กระทําการที่คาดเดาไม่ได้เช่นนี้ แต่วิญญาณที่มีระดับการบ่มเพาะระดับต่ำซึ่งตายไปแล้วอาจขาดเหตุผลและสติ ก็อาจถูกขับเคลื่อนด้วยความแค้นที่ล่องลอยและกระทำบางอย่างอย่าที่เดาไม่ได้
แมวตัวนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง
นี่อาจเป็นวิญญาณแมวที่ตายไปแล้ว
ชูเหลียงครุ่นคิดและเอ่ยถาม “ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มีคนฆ่าแมวในที่แห่งนี้บ้างหรือไม่”
"ไม่อย่างแน่นอน" หมิงส่ายหัว "ภรรยาของข้าเป็นคนเห็นอกเห็นใจและใจดีกับสัตว์มาโดยตลอด เราถึงกับมีคำสั่งให้คนของเราดูแลและให้อาหารแมวและสุนัขจรจัดในบริเวณใกล้เคียงมาเสมอ…"
...
เมื่อชูเหลียงมาถึงคฤหาสน์หมิงและทำการพูดคุยเสร็จสิ้นก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว เมื่อเขาสำรวจโดยรอบและเข้าตรวจสอบที่พักอาศัยเสร็จก็เป็นเวลาใกล้ค่ำ
ผู้คนในคฤหาสน์ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่เพื่อแสดงการต้อนรับเขาทันที
บนโต๊ะจัดเลี้ยงอันอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารที่ประณีต หมิงกับชูเหลียงนั่งอยู่ตรงนั้นและมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ นี่คือสิ่งที่ชูเหลียงไม่เคยประสบมาก่อนที่ยอดเขาหยินเจี้ยน
อย่างไรก็ตาม แม้จะรออยู่สักพัก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ สาวใช้คนหนึ่งเข้ามารายงานว่า "นายท่าน คุณผู้หญิงบอกว่าเธอไม่สบาย ร่างกายแย่ลงเรื่อยๆ ไม่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงได้ หวังว่าท่านวีรบุรุษชูและนายท่านจะไม่ตําหนิเธอ"
"งั้นหรือ.." หมิงดูกังวลทันที เขาลุกขึ้นหันไปพูดกับชูเหลียงว่า “ท่านชูเหลียง โปรดเชิญทานอาหารก่อนได้เลย ข้าจะไปเยี่ยมภรรยาของข้าเสียหน่อย ข้าจะรีบกลับมา”
พูดเขาพูดจบเขาก็วิ่งไปที่ส่วนหลังบ้าน โดยทิ้งชูเหลียงไว้
นายชูเหลียงมิได้สนใจแต่อย่างใด
เขายิ้มแย้ม “ท่านหมิงกับภรรยามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเพียงนี้เลยหรือ”
"เจ้าค่ะ" หญิงรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างอิจฉาเล็กน้อย "นายท่านกับนายหญิงของเราแต่งงานมาสิบปีแล้ว พวกท่านยังตัวติดเหมือนวันแรก หลายปีก่อน เมื่อนายหญิงรู้ว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้เนื่องจากความเจ็บป่วย เธอถึงกับแนะนํานายท่านว่าให้รับภรรยาน้อยเพื่อมีลูก แต่นายท่านก็ปฏิเสธมาตลอด"
สาวใช้อีกคนหนึ่งถอนหายใจและกล่าวว่า "มีเพียงผู้หญิงที่สวยงามและใจดีอย่างนายหญิงของเราเท่านั้นที่สมควรได้รับความรักและความภักดีจากนายท่านของเรา"
หลังจากนั้นไม่นาน หมิงก็รีบกลับมา
"ภรรยาของท่านสบายดีหรือไม่" ชูเหลียงเอ่ยถาม
"ไม่ต้องกังวล เพียงเพราะอิทธิพลชั่วร้ายที่โหมกระหน่ำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ภรรยาของข้าได้รับความเดือดร้อนอย่างมากและไม่สบาย ตราบใดที่เราสามารถกําจัดปีศาจตัวนี้ได้ ทุกอย่างจะดีขึ้น" เจ้าเมืองหมิงอธิบาย
"ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่" ชูเหลียงกล่าว
ก่อนที่งานเลี้ยงจะเสร็จ พวกเขาก็ได้ยินเสียงลมจากข้างนอก
ลมพายุที่น่ากลัวที่มีกลิ่นอายของปีศาจโผล่ออกมาและพัดประตูห้องโถงอย่างแรงจนทําให้เกิดเสียงดัง
"ปีศาจแมวอีกแล้ว!" คนรับใช้ตะโกนเสียงดัง
ชูเหลียงรีบวิ่งไปที่ประตูอย่างระมัดระวังพยายามรับรู้ถึงพลังปราณ
มีปราณแห่งความตายค่อนข้างแรง ซึ่งมันชัดเจนว่ามีวิญญาณสิงสู่อยู่เป็นแน่ อย่างไรก็ตาม ปราณแห่งวิญญาณนี้พัดผสมมากับกับลมแห่งปีศาจที่รุนแรง
นี่มัน..
"นี่มันแปลกเกินไปหน่อยแล้ว พวกท่านทุกคนซ่อนตัว..." ชูเหลียงหันหลังและกําลังจะชักชวนให้ผู้ที่ไม่ใช่นักสู้ของตระกูลหมิงซ่อนตัว
และเมื่อเขาหันไปเขาก็เห็นว่าจัดห้องเลี้ยงทั้งห้องว่างเปล่า
"พวกเราหวังพึ่งท่านนะ..." เสียงฝีเท้าวิ่งหนี และเสียงของเจ้าเมืองหมิงดังมาแต่ไกล
...พวกเขาหนีไปอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้คนในคฤหาสน์แห่งนี้ แต่ตอนนี้เขาตระหนักว่าความกังวลของเขาไม่จําเป็นเลย ดูจากความเร็วในการหลบหนี แม้ว่าทั้งเมืองจะถูกปีศาจโจมตี พวกเขาก็จะปลอดภัย
"เหมียว~~"
เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูระเบิดออกมาก่อนที่เขาจะได้คิดอะไร มันเป็นเสียงที่แปลกประหลาดและสั่นเครือมาก
"เฮ้" ชูเหลียงตะโกนเสียงดัง
เมื่อข้อมือโบก กําไลก็ลอยบินก็กลายเป็นกระบี่ยาว เมื่อเขาเดินออกมาเขาก็ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือพร้อม
เขาเพียงแค่มองออกไปและสังเกตเห็นว่าข้างนอกนี้เต็มไปด้วยความกระหายเลือด
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายแมวนั่งยองๆ อยู่บนกำแพงลานบ้าน มันมีรูม่านตาสีขาวแปลกไร้ชีวิตชีวาคู่หนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยขนสีดําเปื้อนเลือด มันดูตัวเล็กเหมือนลูกแมว สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดของสิ่งมีชีวิตนี้คือ แม้ว่ามันจะมีหัวแมว แต่ร่างกายของมันกลับคล้ายกับทารก มีเลือดไหลไปทั่วตัวและไม่มีขนแต่อย่างใด
มันแปลกและน่ากลัว
ชูเหลียงมองไปที่สัตว์ประหลาด ความหนาวสั่นเย็นลงตามกระดูกสันหลังของเขาและลางสังหรณ์ที่เป็นลางร้ายก็เข้าปกคลุมหัวใจของเขา
สัตว์ประหลาด... เป็นจิตวิญญาณแห่งความคั่งแค้นที่เกิดจากความแค้นที่ล้นหลาม จิตวิญญาณของเด็กที่ไม่ได้เกิด เนื่องจากสภาพการตายนี้มันมีพลังความแค้นมากกว่าวิญญาณธรรมดาถึงสิบเท่า ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งมีชีวิตตัวนี้ก็ยังเป็นวิญญาณปีศาจซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการตายของสิ่งมีชีวิตปีศาจอีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่อะไรต่อมิอะไรจะแปลกประหลาดเช่นนี้ วิญญาณแห่งความแค้น วิญญาณของทารก วิญญาณของปีศาจ วิญญาณเหล่านี้ถือเป็นวิญญาณที่มีเอกลักษณ์และน่ากลัวมากในกลุ่มผี
อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตต่อหน้าชูเหลียงนั้น... เป็นส่วนผสมของพวกมันทั้งหมด
1. ด่านแห่งโลกระดับแห่งการตื่นรู้: ระดับที่แกนทองคำเป็นรูปเป็นร่าง เชี่ยวชาญในห้าธาตุ บรรลุซึ่งความแข็งแกร่งทางกายภาพ
2. ด่านสวรรค์ระดับลึกล้ำ : การแสวงหาเต๋าขั้นสูงสุด รู้ถึงต้นกําเนิดของสวรรค์ เข้าใจในทุกสรรพสิ่ง
3. สามชุดความคิดหลักอันได้แก่ ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ และพุทธศาสนา
4. ห้องโถงใหญ่ เรียกแบบตะวันตกว่าเป็นห้องนั่งเล่น