บทที่ 3 ศาลาแลกกระบี่
ชูเหลียงมองอาจารย์ของเขาอย่างงุนงงเหมือนมีเครื่องหมายคำถามบนหน้าผากของเขา
เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า "ท่านอาจารย์ที่เคารพ ยอดเขายู่เจียนเป็นหนึ่งในยอดเขาที่เก่งที่สุดในบรรดายอดเขาทั้งหมด พวกเขามีศิษย์กว่าร้อยคน ในหมู่พวกเขามีศิษย์บางคนที่มีชื่อเสียงในการเข้าไปถึงระดับแกนทองคำ โอกาสที่พวกเขาจะกลายเป็นศิษย์เอกนั้นสูงที่สุด สําหรับข้า... ข้าเพิ่งฝ่ามาถึงระดับการตระหนักรู้ทางวิญญาณเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่านั้น"
เหล่าศิษย์ที่เป็นตัวแทนเขาร่วมนั้นเรียกได้ว่าเป็นโฉมหน้าของนิกายฉูซานรุ่นใหม่ และการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งดังศิษย์เอกนั้นย่อมรุนแรงและสำคัญมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะเดียวกันการมีสถานะเป็นปรมาจารย์แห่งยอดเขาหรือเจ้าแห่งยอดเขาหมายถึงการเป็นบุคคลที่มีบารมี เป็นที่เคารพนับถือ และทรงพลังที่สุด
ในบรรดาปรมาจารย์ทั้ง 36 คนจากแต่ละยอดเขา หากเกิดกรณีที่ผู้เฒ่าทั้ง 4 ไม่สามารถขึ้นเป็นเจ้านิกายได้ ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเจ้าแห่งยอดเขาทั้ง 36 ก็จะถูกพิจารณาให้เป็นเจ้านิกายต่อไปตามความเหมาะสม
ส่วนตี้หนิวเฟิ่ง นางถูกยกกล่าวขานว่าเป็นหายนะของนิกายฉูซาน เสพติดเหล้าดุจชีวิต ปั่นป่วนทั่วสมรภูมิรบ อารมณ์ร้อนจัด ชื่อเสียงของเธอโด่งดังในทางลบ
อย่างไรก็ตาม ตี้หนิวเฟิ่งยังคงใช้ความสามารถที่แข็งแกร่งที่เธอปลูกฝังบ่มเพาะมาอย่างดื้อรั้นเพื่อช่วงชิงและได้รับตําแหน่งปรมาจารย์แห่งยอดเขาได้ในที่สุด แต่เจ้านิกายฉูซานไม่ยอมส่งลูกศิษย์ให้เธอมาตลอดเพราะกลัวว่าเธอจะสั่งสอนพวกเขาไม่ได้
ต่อมาเธอลงเขาไปทำภารกิจสำคัญ ในเวลานั้นเธอได้รับชูเหลียงที่เธอเห็นความสามารถมาเป็นศิษย์ด้วยตัวเอง และเมื่อเธอพาเขากลับมาที่นิกายด้วยตัวเองก็ไม่มีใครพูดอะไรได้ เมื่อเธอรู้ว่าการมีลูกศิษย์คนหนึ่งนั้นไม่ค่อยสนุกเท่าไร เธอก็ไม่เคยรับลูกศิษย์คนอื่นอีกเลย
ตอนนี้การที่ตี้หนิวเฟิ่งจู่ ๆ ก็อยากจะให้ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเธอแย่งชิงตําแหน่งศิษย์เอกและแม้กระทั่งต้องการที่จะแย่งตำแหน่งปรมาจารย์แห่งยอดเขา...
ชูเหลียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เธอเอาความกล้าจากที่ใดมาเดิมพันเรื่องแบบนี้กันนะ
ตี้หนิวเฟิ่งเดินเข้ามาตบไหล่ชูเหลียง "เจ้ามิต้องกังวล ยังมีเวลาอีกอย่างน้อยครึ่งปีกว่าจะถึงตอนนั้น แค่เตรียมตัวให้พร้อม ถ้าเจ้าสามารถเป็นศิษย์เอกได้ ข้า ในฐานะอาจารย์ของเจ้า ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างเป็นธรรมแน่นอน เจ้าจะขออะไรก็ได้"
หลังจากชูเหลียงฟังแล้วก็เหลือบมองอกของตี้หนิวเฟิ่ง..
"นี่.." ทันใดนั้นสายตาตี้หนิวเฟิ่งก็ดุร้ายขึ้น เธอชี้ไปที่เขา "เจ้าคิดอะไรอยู่"
“ท่านอาจารย์อย่าเข้าใจข้าผิด” ชูเหลียงกล่าว "ข้าแค่สงสัยว่า ท่านเดิมพันด้วยสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ได้อย่างไร – หยกเลือดวิญญาณฟีนิกซ์นั้นเป็นของสำคัญของท่านมิใช่หรือ เห็นทีข้าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพียงแต่... การจะชนะตำแหน่งศิษย์เอกนั้นยากมาก หากข้าทำไม่สำเร็จ ข้าหวังว่าท่านอาจารย์จะไม่ตำหนิข้า"
"อ้อ.. เจ้าแค่มองหยกงั้นหรอกรึ"
ตี้หนิวเฟิ่งลูบหยกที่ห้อยอยู่ที่คอจนถึงหน้าอกและยิ้มอย่างซุกซน
"อย่างไรก็ตาม ขอให้ทำหน้าที่ของเจ้าอย่างเต็มที่ ถ้าเจ้าเป็นศิษย์เอกและข้ากลายเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ เราจะได้ทรัพยากรมากมาย... จากนั้นเราสามารถจัดสรรทรัพยากรเหล่านั้นได้ระหว่าง 30-70 มันเยี่ยมไปเลยมิใช่หรือ"
เธอจินตนาการถึงอนาคตที่สดใสของเธอในขณะที่อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความโลภออกมา
"ฮ่าๆๆๆๆ "
...
ชูเหลียงได้เดินออกจากศาลาเพื่อพักสงบอารมณ์และเตรียมเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
นั่นคือยอดเขาหลักของเขาฉูซาน ตงเทียนซาน(ยอดเขาเทียมสวรรค์)
ยอดเขาตงเทียนเป็นที่ตั้งของวังไร้พรมแดนซึ่งเป็นที่พักของเจ้านิกาย ที่นี่เป็นสถานที่สําคัญมากสําหรับนิกายฉูซาน เช่นเดียวกับเมืองหลวงของประเทศ นี่คือที่ที่จะจัดการกับเรื่องสำคัญต่างๆ ของนิกาย
ชูเหลียงโบกนิ้วมือ กำไลของเขากลายเป็นกระบี่ มันบินวนต่อหน้าเขา เขาขึ้นเหยียบมัน และกระบี่เล่มนั้นพุ่งออกจากยอดเขาหยินเจี้ยนอย่างรวดเร็ว
เขาขี่กระบี่ไปในอากาศ
ลมพัดหอบหึ่งกระหน่ำในรูหูของเขา ใต้กระบี่ของเขาเป็นทะเลปุยนุ่นขาวทอดยาวสุดสายตา ยอดเขาทั้งสามสิบหกโผล่ออกมาจากทะเลหมอก ยอดเขาสูงตระหง่านและขรุขระเหมือนวัตถุดิบหม้อไฟที่แช่อยู่บนพื้นผิวของซุปร้อนที่เดือด
มีการเคลื่อนไหวมากมายบนแต่ละยอดเขา พวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายฉูซาน บางคนกำลังบินไปมาหาสู่กัน ส่วนคนที่บินไม่ได้จะเดินทางระหว่างยอดเขาลำบากมาก ศิษย์บางคนขี่นกวิญญาณและสัตว์วิเศษบินผ่าน และศิษย์ที่ขี่กระบี่บินต้องหลีกทางให้พวกเขา ผู้ที่สามารถเลี้ยงสิ่งมีชีวิตสำหรับเดินทางในอากาศได้นั้นมักจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ผู้อาวุโสหรือบุคคลที่มีภูมิหลังที่โดดเด่น มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงที่จะทำให้ใครไม่พอใจ
ในนิกายฉูซาน ศิษย์ทั้งหลายจําเป็นต้องทําภารกิจในนามของนิกายให้สําเร็จ เพื่อทําการแลกเปลี่ยนกับของใช้ประจําวันและทรัพยากรในการฝึกฝน ศาลาแลกกระบี่เป็นสถานที่ที่พวกเขารับภารกิจเหล่านั้น
ในโลกแห่งการฝึกตน ทอง เงิน และเครื่องประดับไม่มีความหมายใด ๆ สกุลเงินสากลในโลกของผู้ฝึกฝนบ่มเพาะคือหินวิญญาณสำหรับการหลอมและการสร้างสรรค์ ยาสำหรับเสริมการบ่มเพาะ เครื่องรางสำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีประโยชน์ในการฝึกตนหรือทำภารกิจทั้งหลาย
ในหมู่พวกเขา หินวิญญาณได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
ด้วยเหตุผลเดียวกัน นิกายฉูซานจึงหลอมหินวิญญาณเป็นเหรียญ ซึ่งสามารถใช้เป็นเงินตราภายในนิกายได้
ในยุคแรกๆ กระบวนการผลิตเหรียญเหล่านี้ค่อนข้างหยาบ พวกเขาแค่บดหินวิญญาณเป็นวงกลมและแบ่งมันออกเป็นสองส่วน เนื่องจากรูปร่างของเหรียญเหล่านี้พวกเขาจึงตั้งชื่อมันว่าเหรียญเปาจี (ซาลาเปา)
อย่างไรก็ตาม เหรียญเปาจีทําง่ายเกินไป ดังนั้นในไม่นาน ศิษย์บางคนจึงทําของปลอมคุณภาพต่ำออกมา ซึ่งทําให้เกิดปัญหาในระบบเศรษฐกิจของนิกาย ดังนั้นพวกเขาจึงปรับปรุงการออกแบบเหรียญด้วยการแกะสลักหินวิญญาณเป็นรูปผีเสื้อที่มีความซับซ้อนและประณีต และตั้งชื่อว่า เหรียญผีเสื้อ
แม้จะเป็นรุ่นปรับปรุง แต่เหรียญผีเสื้อก็มีปัญหา การออกแบบซับซ้อนเกินไปและยากที่จะผลิตในปริมาณมาก ซึ่งหมายความว่ามันจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้
ในที่สุดก็เป็นเจ้านิกายในขณะนั้นที่คิดหาวิธีแก้ไข มันคือการแกะสลักหินวิญญาณให้เป็นรูปกระบี่เล็กๆ อย่างเรียบง่ายแล้วฉีดชี่แห่งกระบี่เข้าไปพอประมาณเพื่อให้ง่ายต่อการประดิษฐ์แต่ก็ไม่สามารถทำซ้ำได้
ตั้งแต่นั้นมา ฉูซานก็ได้ใช้เหรียญกระบี่เหล่านี้มาหลายพันปีแล้ว นี่จึงเป็นที่มาของชื่อศาลาแห่งนี้ “ศาลาแลกกระบี่”
...
ที่ชั้นสองของศาลาแลกกระบี่
แม้จะมีรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่ศาลาแลกกระบี่นั้นมีเพียงสามชั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันมีพื้นที่กว้างใหญ่และหลังคาทรงโดมสูงซึ่งทำให้มันดูน่าประทับใจมาก กิจกรรมส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ดูแล [1] แต่ก็มีกลุ่มผู้อาวุโสผู้ที่คอยดูแลพวกเขาอยู่ที่ชั้นบน นอกจากนี้ บางครั้งผู้สูงอายุกลุ่มนี้ก็ต้องแก้ปัญหาที่ผูดูแลไม่สามารถรับมือได้
ชูเหลียงมาที่ห้องที่เงียบสงบแห่งหนึ่งของผู้อาวุโส
"ท่านผู้อาวุโสเสิ่น ข้ามีเรื่องรบกวนท่านอีกแล้ว
"ฮ่า โอ้ เสี่ยวชู" ผู้อาวุโสเสิ่นที่อยู่ด้านในห้องและสวมเสื้อคลุมแขนกว้างหลวมๆ กล่าว
เขาเป็นชายชราอ้วนหัวล้าน แต่เมื่อเขายิ้มให้กับชูเหลียงด้วยหัวใจทั้งหมดของเขา มันทำเขาดูเหมือนจะแสดงความสง่างามที่ไม่ธรรมดาออกมา
เสิ่นเล่าว่า "มิได้รบกวนข้าหรอก เจ้ากลับมาเร็วเพียงนี้... ภารกิจคงราบรื่นเป็นแน่"
"ต้องขอบคุณผู้อาวุโสที่ทําให้เรื่องดําเนินไปอย่างราบรื่น วันนี้ข้ามาเพื่อรายงานความสําเร็จของภารกิจ" ชูเหลียงตอบ
"ฮ่าๆ เอาล่ะๆ เรามาแข่งกันก่อนเถอะ"
ผู้อาวุโสเสิ่นโบกแขนเสื้อและกระดานโกะ[2] แผ่นหนึ่งก็ปรากฏบนโต๊ะตรงหน้าเขา ข้างแผ่นไม้มีชามเล็กๆ สำหรับใส่ตัวหมากสองชาม ชามหนึ่งเป็นตัวสีดําและอีกชามหนึ่งเป็นตัวสีขาว
ชูเหลียงกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “รอบที่แล้วที่ข้าบังเอิญชนะท่าน ท่านยังค้างคาใจอยู่งั้นหรือ”
เขานั่งลงทันที และไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธข้อเสนอของผู้อาวุโสเสิ่นแม้แต่น้อย
"หึ! ข้ากลับมาคิดทบทวนเป็นเวลานาน แต่ข้าพบวิธีที่จะทำลายกลยุทธ์ของเจ้าแล้ว ฮ่าๆ"
ผู้อาวุโสเสิ่นเริ่มเดินหมากเป็นคนแรก
"ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เหมือนกับที่เราทํามาตลอด... หากท่านแพ้ ท่านต้องแบ่งปันข้อมูลวงในกับข้าด้วย.." ชูเหลียงตอบอย่างซุกซนเล็กน้อย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
มุมของแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ชายหนุ่มคนนั้นเอามือล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ เขามองไปที่ชายชราที่อยู่ตรงข้ามซึ่งกำลังจ้องมองกระดานหมากรุกโดยไม่กะพริบตาเพื่อหาวิธีที่จะพลิกสถานการณ์
"ผู้อาวุโสเสิ่น ยอมข้าเถิด" ชูเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม
"อืม..." ผู้อาวุโสเสิ่นเกาหัวที่ส่องแสงระยิบระยับ เขามองผ่านทั่วแผ่นไม้อีกสองสามครั้ง และในที่สุดก็ละสายตาออกไป
เขาส่ายหัวและพูดว่า "เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้นี่.. เจ้ามักจะยิ้มโง่ๆ และดูไร้เดียงสาราวกับว่าเจ้าไม่สามารถทําร้ายใครได้แม้แต่แมลงวัน แต่บนกระดานหมากนี้เจ้ากลับรุกไล่อย่างไร้ปรานีและทุกการเคลื่อนไหวเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ"
"นี่เป็นเพียงโชคเท่านั้น มีหลายครั้งที่แผนการเล่นของข้าเกือบจะล้มเหลว" ชูเหลียงตอบอย่างถ่อมตัว
"ขอร้องเถอะ... ข้าไม่สามารถสู้ความคิดที่เฉียบแหลมของคนหนุ่มอย่างเจ้าได้เลย" ผู้อาวุโสเสิ่นกล่าว เขาเอนตัวไปข้างหลัง ตบท้องแล้วพูดต่อ "นอกจากรายงานภารกิจที่เจ้าทําแล้ว ข้าคิดว่าเจ้ามารับภารกิจใหม่ด้วยใช่หรือไม่"
"เป็นเช่นนั้นขอรับ อย่างไรก็ตาม ภารกิจของศิษย์ในระดับตระหนักรู้ทางวิญญาณมีมากเกินไป มันเป็นกลุ่มรายการภารกิจที่มีจำนวนมากที่สุด ข้าไม่แน่ใจว่าควรเลือกใด" ชูเหลียงกล่าว
"ข้าคิดว่า... เจ้าน่าจะชอบภารกิจฆ่าปีศาจมากกว่า อืม..." ผู้อาวุโสเสิ่นพึมพํากับตัวเอง
และเมื่อเขายกมือขึ้น ตรงกลางของแถวกระบอกไม้ไผ่แถวหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลัง ไม้ไผ่ที่สลักคําจารึกกระบอกหนึ่งลอยออกมา มันตกใส่ฝ่ามือของผู้อาวุโสเสิ่น จากนั้นเขาก็ยื่นมันให้ชูเหลียง
"ลองดูนี่เป็นอย่างไร" ผู้อาวุโสเสิ่นพูด
ชูเหลียงรับไม้ไผ่มา บนไม้ไผ่เขียนด้วยตัวอักษรเล็ก ๆ บรรทัดหนึ่งเท่านั้น
ล่าปีศาจที่คฤหาสน์หมิงแห่งเมืองซิงโจว
1. ผู้ดูแลศาลาแลกกระบี่ พวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายฉูซานเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาทำงานรับใช้ในศาลาแลกกระบี่แทนที่จะออกทำภารกิจหรือกิจกรรมอื่นๆ ของนิกาย
2. โกะ เป็นเกมกระดานกลยุทธ์เก่าแก่ที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน 圍棋 weiqi แต่โด่งดังมากขึ้นในโลกด้วยชื่อ “โกะ” ซึ่งเป็นชื่อในภาษาญี่ปุ่น