ตอนที่แล้วบทที่ 1 ชูเหลียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 ศาลาแลกกระบี่

บทที่ 2 หยินเจี้ยนซาน (ยอดเขากระบี่เงิน)


ณ ยอดเขาหยินเจี้ยนแห่งฉูซาน...

ชูเหลียงเบิกตากว้างเป็นประกาย

เขาเหลือบมองด้านนอกและพบว่ามันเป็นเวลาเช้าตรู่ ดวงอาทิตย์สีแดงเพลิงเพิ่งเริ่มขึ้นจากโพ้นภูเขาและค่อยๆ ย้อมท้องฟ้าเป็นสีชาด

เขาอยู่ในโลกนี้มากว่าครึ่งปีจนชินกับการตื่นเช้าเช่นนี้แล้ว

จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่คนของโลกนี้ หากแต่เป็นเด็กจบมัธยมปลายที่เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ มีข่าวของเขาออกมาว่าเขาได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของจังหวัด อย่างไรก็ตาม ในวันรุ่งขึ้น เมื่อเขาเดินออกจากบ้าน มีคนขับรถที่เมาสุราได้ส่งร่างของเขาขึ้นไปในอากาศและลอยออกไปไกลแสนไกล

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่แปลกประหลาดและมหัศจรรย์แห่งนี้ไปเสียแล้ว

โลกนี้สามารถอธิบายได้ว่าแปลกประหลาดเนื่องจากการปรากฏตัวของปีศาจ มังกรบิน อสรพิษที่ออกอาละวาดไปทั่ว และอำนาจสูงสุดของเทพเจ้าและจิตวิญญาณที่อยู่เหนือสวรรค์

ชีวิตมนุษย์นั้นเปราะบางเหมือนเศษหญ้า ความสงบสุขในโลกมนุษย์เกิดขึ้นจากนิกายอมตะที่นำโดย นิกายเซียนทั้งเก้าและนิกายแห่งโลกทั้งสิบที่ร่วมมือกันเพื่อปราบกองกำลังชั่วร้ายเหล่านั้น

ในโลกนี้ผู้ฝึกตนนั้นกล่าวได้ว่าทรงพลัง เพียงทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าก็สามารถทลายภูเขาได้เลยทีเดียว นักปราชญ์นั้นเปรียบได้กับกองทัพและม้านับพัน ปรมาจารย์เต๋าสามารถควบคุมลมและฝนได้ ในขณะที่พระภิกษุของศาสนาพุทธกล่าวกันว่าสามารถปราบมังกรได้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว...

อดีตเจ้าของร่างนี้เป็นเด็กกำพร้า ครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายด้วยปีศาจ ทิ้งเขาไว้เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว เขาได้รับการช่วยเหลือจากคนคนหนึ่งซึ่งต่อมากลายเป็นอาจารย์ของเขา อาจารย์ของเขาตระหนักถึงพรสวรรค์ในการฝึกฝนโดยธรรมชาติของเขาและพาเขากลับไปที่ภูเขา

ด้วยเหตุสะเทือนใจครั้งนั้นทำให้เจ้าของร่างนี้จึงมีแต่ความจงเกลียดจงชังอย่างรุนแรงต่อสิ่งชั่วร้ายและกระตือรือร้นที่จะควบคุมวิทยายุทธและสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์โดยมีเป้าหมายเพื่อออกจากภูเขานี้และกำจัดสิ่งชั่วร้ายให้หมดไป อย่างไรก็ตาม ความกระตือรือร้นและดันทุรังดื้อดึงที่มากเกินไปของเขาทําให้จิตแห่งเต๋าของเขาไม่เสถียรและขาดสมาธิไปในบางช่วง และระหว่างที่เขาพยายามจะฝ่าวงล้อม เขาเสียการควบคุม ทําให้วิญญาณกระจัดกระจาย

ผู้คนได้แต่ถอนหายใจและกล่าวได้เพียงว่าชีวิตนั้นไม่จีรัง

เมื่อวิญญาณของชูเหลียงมาถึงโลกนี้เป็นครั้งแรก เขารู้สึกตื่นตระหนก เขาเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมาในโลกแห่งความสงบ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่พบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่ถูกปีศาจและสัตว์ประหลาดเข้ายึดครอง

โดยเฉพาะในความทรงจำที่สืบทอดต่อมาในร่างนี้ เขาได้เห็นฉากสะเทือนใจที่พ่อแม่และคนรักถูกสัตว์ประหลาดฆ่าตาย มันทำร้ายจิตใจเขามากเกินรับไหว

แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าความกลัวนั้นเกิดจากการขาดซึ่งกําลัง

คนที่อ่อนแอย่อมต้องอยู่ในความกลัว วิธีเดียวที่จะหลุดพ้นจากความกลัวนี้คือต้องแข็งแกร่งขึ้น เมื่อพิจารณาถึงพรสวรรค์ในการฝึกฝนบ่มเพาะของบุคคลนี้และความสัมพันธ์กับนิกายฉูซานซึ่งเป็นนิกายอมตะชั้นนําของโลก จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ของเขาจึงถือว่ามีประโยชน์ในการเริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก

สิ่งที่โดดเด่นกว่าคือหลังจากการกลับชาติมาเกิดของเขา เขาพบการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในจิตใจของตัวเขาเอง

นั่นคือการดำรงอยู่ของเจดีย์ภายในจิตใจของเขา

เมื่อใดก็ตามที่เขาทำสมาธิ เจดีย์ขนาดใหญ่สีขาวโพลนจะปรากฏขึ้นในใจ เมื่อใดก็ตามที่เขาฆ่าสัตว์ประหลาดได้สำเร็จ เจดีย์จะตอบแทนเขา ปรากฏการณ์นี้ไม่มีอยู่ในความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อน หรือเจดีย์นี้จะเป็นนิ้วทองคำ[1] ที่มีเพื่อเขา

แต่เดิมชูเหลียงไม่กล้าล่าปีศาจตัวใหญ่ ตรงกันข้าม เขามองหาหลุมฝังศพและสุสานที่ไม่มีใครสนใจในหมู่บ้านเล็กและเมืองเล็กๆ โดยรอบเขาฉูซาน จากนั้นก็ฆ่าสัตว์ประหลาดตะเกียงที่นั่น

สัตว์ประหลาดตะเกียงเป็นสิ่งชั่วร้ายที่เกิดจากความแค้นที่ผู้ตายไม่อาจลบล้างได้ มันควบแน่นจนคล้ายเปลวไฟที่ติดอยู่บนตะเกียง ในเวลากลางคืนพวกมันจะลอยไปรอบ ๆ และชนเข้ามนุษย์ที่มีชีวิตในบริเวณนั้น ในบางครั้งสัตว์ประหลาดโคมไฟจะแค่กระจายและสลายไปในอากาศ แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือคนที่ถูกชนเข้าอาจเจ็บป่วยได้ ปีศาจตะเกียงทำอะไรไม่ได้เลยต่อหน้าผู้ฝึกตนเช่นเขา

รางวัลสำหรับการชำระล้างปีศาจตะเกียงคือยาแห่งพลังชี่ที่ช่วยเพิ่มพลังในการฝึกฝนบ่มเพาะ แม้ว่ายานี้จะไม่ได้ดูสลักสำคัญมากนัก แต่การสะสมยานี้เป็นจำนวนมากนั้นช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของเขาได้อย่างดีทีเดียว

ครั้งหนึ่ง เขาบังเอิญเจอเข้ากับปีศาจหินยักษ์ซึ่งมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง และกำลังฆ่าคน หลังจากต่อสู้กันอย่างยากลำบากและยาวนาน ในที่สุดชูเหลียงก็สามารถบดขยี้และฆ่ามันได้สำเร็จ

นั่นเป็นครั้งแรกที่เจดีย์ขาวได้ให้รางวัลเขาเป็นสิ่งประดิษฐ์วิเศษ - อิฐทองก้อนนั้นบังคับให้ปีศาจแมงมุมเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงของมัน

[อิฐเผยตัวตน: เมื่ออิฐก้อนนี้กระทบศีรษะมนุษย์ มันจะบังคับให้ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่เปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงของมันทันที หากบุคคลนั้นไม่ใช่ปีศาจที่ปลอมตัว พวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกวิงเวียนศีรษะในระดับหนึ่ง]

สิ่งประดิษฐ์นี้ชูเหลียงเห็นว่ามีประโยชน์มาก

ในโลกแห่งการฝึกตนนี้ ยา สิ่งประดิษฐ์วิเศษและทักษะสวรรค์ถือว่ามีค่าอย่างยิ่ง... แม้แต่ศิษย์ของนิกายฉูซานเองก็ต้องปฏิบัติภารกิจในนามของนิกายฉูซานให้สำเร็จเพื่อแลกกับทรัพยากรและของมีค่าต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงสามารถได้รับของมีค่าเหล่านี้ได้โดยการฆ่าปิศาจ และเมื่อเขาสังหารปีศาจที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ระดับของของมีค่าที่เขาจะได้รับก็เพิ่มขึ้นและช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขาได้ดีเป็นแน่

ทว่าในขณะนี้ ชูเหลียงพบว่าตัวเองตกอยู่ในตรรกะที่ขัดแย้งกัน นั่นคือการฆ่าสัตว์ประหลาดด้วยความกลัวอย่างมากต่อสัตว์ประหลาด แต่จากมุมมองหนึ่ง เขาได้บรรลุความปรารถนาบางอย่างของเจ้าของร่างคนเก่าไปด้วย

...

ชูเหลียงสระผมอย่างไม่รีบร้อนและค่อยๆ ล้างตัว

หลังจากทำความสะอาดร่างกายและแต่งตัวเรียบร้อยเขาก็ผลักประตูของเขาและออกมาจากกระท่อม เขาจ้องมองท้องฟ้ากว้างและเมฆที่เงียบสงบ มันเป็นปลายฤดูใบไม้ผลิของเดือนเมษายน สายลมอ่อน ๆ มีกลิ่นหอมของหญ้าและต้นไม้ เขาเดินตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่มีนกและดอกไม้เรียงรายตามทาง อ้อมเนินเขาครึ่งเนินเขา จนถึงศาลาบนยอดเขา

เขามาเยี่ยมอาจารย์ของเขา

ประตูของศาลาเปิดอยู่และเมื่อเขาเดินเข้าประตู มันปรากฏร่างที่มีเสน่ห์นอนอยู่หน้าแท่นบูชาในท่าที่ผ่อนคลาย

นั่นคือร่างของผู้หญิงที่มีผมยาวสง่างาม เส้นผมสองสามเส้นห้อยลงมาตามใบหน้าของเธอและปกปิดใบหน้าบางส่วน แต่อีกครึ่งหนึ่งเปล่งประกายอย่างประณีต ใบหน้าของเธอคล้ายกับภาพวาดหมึกที่วาดอย่างบรรจงด้วยสีกุหลาบที่ละเอียดอ่อนในขณะที่คอของเธอมีรูปร่างงดงามราวเครื่องลายครามแกะสลัก

เธอสวมเสื้อคลุมสีดำซ้อนกันแม้ในท่านอนก็รู้สึกได้ว่าหน้าอกของเธออวบอิ่มราวกับพระจันทร์เต็มดวง หน้าอกของเคลื่อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ จี้หยกที่โดดเด่นซุกอยู่ในอ้อมอกของเธอด้วยแสงสีแดงเข้ม เอวของเธอถูกผูกไว้อย่างสง่างามด้วยผ้าแพรผืนหนา ในขณะที่ด้านล่างสะโพกของเธอเผยให้เห็นต้นขาเรียวยาวนุ่มนวลทั้งสองที่สยายออกไปด้านข้าง

ข้างมือของเธอมีขวดน้ำเต้าใส่สุราขนาดใหญ่คล้องอยู่ ทันทีที่ชูเหลียงเข้าประตูมาเขาก็สามารถได้ยินเสียงกรนเบาๆ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนอย่างไร

และแม้เธอจะหลับสนิทแล้ว แต่เมื่อเสียงฝีเท้าของชูเหลียงดังขึ้น เธอก็ตื่นขึ้นและค่อยๆ ลืมตา

"ท่านอาจารย์" ชูเหลียงตะโกนที่ประตู

แท้จริงแล้ว ผู้หญิงคนนี้คือ ตี้หนิวเฟิ่ง [2] อาจารย์ของชูเหลียง ผู้ที่เป็นเจ้าแห่งหยินเจี้ยนซานซึ่งเป็นหนึ่งในสามสิบหกยอดเขาแห่งเขาฉูซานแห่งนี้

"หือ มาแล้วหรือ" ตี้หนิวเฟิ่งพลิกตัวลุกขึ้นนั่งและอุทาน เสื้อผ้าของเธอยุ่งเหยิงและเผยให้เห็นไหล่ข้างหนึ่งของเธอ

เธอไม่ได้จัดเก็บเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงแต่เกาหัวและจ้องมองที่ชูเหลียงอย่างงุนงง "ทําไมเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ"

เธอยังคงสะลึมสะลืออยู่อย่างเห็นได้ชัด

"อืม..." ชูเหลียงเงยหน้าขึ้นและตอบว่า "ท่านอาจารย์ ท่านส่งข้อความผ่านนกกระเรียนมาหาข้ามิใช่หรือ ท่านเรียกพบข้าหากข้ากลับมาถึงแล้ว"

"อืม.. จริงหรือ" เห็นได้ชัดว่าหลังจากดื่มไปอย่างหนักสติของเธอนั้นเรือนรางเป็นอย่างมาก เธอเกาหัวแล้วทันใดนั้นก็ตะโกน "โอ้ ข้าจําได้แล้ว"

เธอกระตุกเสื้อและจัดเสื้อผ้าของเธอก่อนที่จะลุกขึ้นและเผยให้เห็นรูปร่างที่สูงสง่าและส่วนโค้งเว้าที่น่าเหลือเชื่อ

"ท่านเจ้านิกายได้จัดการประชุมเมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมการสําหรับประชุมสุดยอดของเขาฉูซานที่จะจัดขึ้นในทุก ๆ สิบปี เจ้าเคยได้ยินหรือเปล่า นี่จะเป็นเหตุที่เหล่าศิษย์แย่งกันเป็นศิษย์เอกเลยทีเดียว"

"ข้าทราบขอรับ" ชูเหลียงเอ่ยตอบ

"ในที่ประชุมข้าทะเลาะกับเฒ่าหวังซวนหลิงคนนั้น เขาบอกว่าผู้ที่จะได้รับตำแหน่งศิษย์เอกนั้นจะต้องมาจากยู่เจียนซาน (ยอดเขากระบี่หยก) ของเขา ข้าทนความเย่อหยิ่งของเขาไม่ได้จริงๆ“ตี้หนิวเฟิ่งพูดถึงเรื่องนี้ก็โกรธจัด”ข้าโต้เถียงกับเขาด้วยคำพูดที่รุนแรงและจบลงด้วยการวางเดิมพัน”

"หากศิษย์คนหนึ่งของยู่เจียนซาน (ยอดเขากระบี่หยก) ได้รับตําแหน่งศิษย์เอก ข้าจะต้องมอบหยกเลือดวิญญาณฟีนิกซ์ให้กับเขา ในทางกลับกัน ถ้าศิษย์คนหนึ่งของหยินเจี้ยนซานของข้าได้รับตําแหน่งศิษย์เอกได้สำเร็จ หวังซวนหลิงจะออกจากตําแหน่งเจ้าแห่งยอดเขายู่เจียน และส่งมอบตําแหน่งนั้นให้กับข้า"

เธอพูดพลางทอดสายตาไปที่ชูเหลียง "ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อถามว่าเจ้าจะแนะนำใครในยอดเขาหยินเจี้ยนของเราเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของเขาฉูซาน"

"..." ชูเหลียงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวเบา ๆ ว่า "ท่านอาจารย์ของข้า ข้ามิใช่ศิษย์เพียงคนเดียวบนยอดเขาหยินเจี้ยนแห่งนี้หรือ.."

"เยี่ยมไปเลย" ตี้หนิวเฟิ่งปรบมือ "เจ้าแนะนําตัวเองเลยงั้นหรือ ข้าดีใจมากเหลือเกิน"

1. นิ้วทองคำ : เป็นคำในวัฒนธรรมสมัยนิยมของจีนซึ่งหมายถึงข้อได้เปรียบที่ไม่คาดคิดหรือความสามารถในการโกงเพื่อช่วยให้ใครบางคนก้าวหน้าหรือประสบความสำเร็จเหนือผู้อื่น
2. ตี้หนิวเฟิ่ง : ชื่อภาษาจีนของเธอคือ 帝女凤 (Dì nǚ fèng) ซึ่งหมายถึงราชินีฟีนิกซ์

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด