ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ชายผู้กำลังจะอดตาย

บทที่ 1 ความเงียบ


อังเกอร์ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงจิกกระแทกของนก จิตวิญญาณของเขาค่อยๆ ปะทุขึ้นมา คลื่นพลังงานแผ่ออกมาจากโพรงของดวงตาที่ว่างเปล่า สัมผัสสิ่งใดก็รับรู้สิ่งนั้น นี่คือวิธีที่โครงกระดูกใช้สังเกตโลกภายนอก

จิตวิญญาณของเขาแผ่ขยายออกไป ยังกระดูกซี่โครงด้านหน้า ตรงจุดที่มีเสียงจิกกระแทกดังขึ้น นกตัวเล็กกำลังจิกเมล็ดหญ้าที่ฝังตัวอยู่ในรอยแตกของกระดูกซี่โครงของเขาออกมากิน

อังเกอร์ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้นกจิกทำความสะอาดร่างกายของเขา นี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา เพราะเมื่อเมล็ดหญ้าที่ฝังตัวอยู่เปียกชื้น มันจะเริ่มงอกและขยายตัว ทำให้กระดูกแตกเสียหายได้

หลังจากนกบินจากไป อังเกอร์ลุกขึ้นจากพื้นและตรวจดูร่างกายของตัวเองอย่างระเอียด

เสียหายไปอีกเยอะเลย ต้องเปลี่ยนซะแล้ว...

หลังจากการจำศีลในช่วงฤดูหนาว โครงกระดูกของอังเกอร์ชำรุดเสียหายไปมากกว่าปีก่อน หากไม่เปลี่ยนใหม่ ก็อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขาได้

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อังเกอร์ก็หันหน้าไปยังพระราชวังที่ตั้งตระหง่านราวกับภูเขา ทางด้านหลังด้วยความกังวล หลายปีผ่านไป มีเพียงกระดูกในพระราชวังของราชาเท่านั้นที่ยังสมบูรณ์อยู่ การที่จะเปลี่ยนกระดูกต้องเข้าไปเสาะหาจากข้างใน นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขาปวดหัว

แม้จักรวรรดิอมตะจะหายสาบสูญไปนานกว่าพันปีแล้ว แต่อำนาจที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในวิญญาณของอังเกอร์ ก็ทำให้เขาไม่ค่อยอยากเข้าใกล้วังแห่งนี้นัก

ปีนี้ใช้ของเดิมไปก่อน ค่อยว่ากันใหม่ในปีหน้า... อังเกอร์ละทิ้งความคิดที่จะไปหากระดูกทดแทนในวัง แล้วเดินไปทางทุ่งนาที่อยู่ไม่ไกลนัก

สถานที่ที่เขาตื่นขึ้นมานั้นเป็นกองฟาง ซึ่งเป็นบ้านสำหรับนอนและบังแดดของอังเกอร์ แต่ก่อนในช่วงกลางวันแสงแดดแรงกล้า เขาทนแสงแดดที่แผดเผาไม่ไหว จึงจะหลบกลับเข้ากองฟางเพื่อพักร่มเงา รอจนกระทั่งดวงอาทิตย์ใกล้จะตก จึงค่อยออกมาทำงานจนกระทั่งถึงเช้าวันถัดไป

การนอนกลางวันและทำงานตอนกลางคืนเป็นวงจรชีวิตปกติของเหล่าโครงกระดูก

ก่อนหน้านี้ เขายังมีเพื่อนร่วมทางอยู่ พวกเขาจะมุดเข้าไปในกองฟางตอนกลางวัน แล้วค่อยๆ คลานออกมาในเวลากลางคืน ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยฟางแห้ง

อังเกอร์พบว่าวิธีนี้ไม่ดีนัก ภายในกองฟางนั้นชื้นและมืด มีแมลงและทำให้กระดูกผุกร่อนได้

ดังนั้นอังเกอร์จะมัดต้นหญ้าเป็นกำๆ กองเป็นโพรงกึ่งปิด จากนั้นก็มุดเข้าไปข้างใน แบบนี้จะไม่โดนฝนและไม่โดนแดดเผา ทำให้สภาพกระดูกของเขาดีกว่าเพื่อนคนอื่นๆ มาก

ช่วงหลายปีมานี้ เขาไม่ค่อยสนใจแสงแดดที่แผดเผาแล้ว แต่พฤติกรรมที่เคยชินในอดีตก็ยังส่งผลต่อเขาเช่นเดิม ทำให้เขายังคงนิสัยตื่นเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น และทำงานเมื่อดวงอาทิตย์ตก ขณะนี้เป็นช่วงเย็นของวัน และก็ถึงเวลาสำหรับการทำงานอย่างหนักอีกครั้ง

อังเกอร์เป็นเพียงโครงกระดูกระดับต่ำ ทำสวนผักในฟาร์มใกล้ๆ พระราชวังสงบจิต มีหน้าที่ไถเพาะปลูกทุ่งนาขนาดห้าสิบเอเคอร์ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาหนึ่งพันหนึ่งร้อยปีแล้ว

ก่อนหน้านี้ ในฟาร์มทั้งหมดมีโครงกระดูกทำสวนผักเหมือนอังเกอร์อยู่ราวหกสิบกว่าตัว แต่ละตัวรับผิดชอบทุ่งนาขนาดห้าสิบเอเคอร์ อังเกอร์เป็นเพียงหนึ่งในนั้นโดยไม่มีอะไรพิเศษ จุดเด่นที่สุดของเขาก็คงเป็นการมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าคนอื่นๆ

โดยทั่วไปแล้ว โครงกระดูกจะไม่ดูแลรักษากระดูกของตัวเอง ชอบไล่นกตัวเล็ก ชอบมุดเข้ากองฟาง ดังนั้นกระดูกบนร่างกายจึงพังทลาย และสามารถใช้งานได้เพียงสิบกว่าปี ก่อนจะกลับลงสู่พื้น

บางครั้งจะมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตายระดับสูงผ่านมาทางอากาศ เมื่อพบว่าทุ่งนาผืนใดถูกทิ้งร้าง ก็จะรู้ได้ว่าโครงกระดูกที่รับผิดชอบนั้นสลายตัวไปแล้ว และจะรายงานไปยังเบื้องบนให้ทราบ ในอีกสิบกว่าวันต่อมาก็จะมีโครงกระดูกใหม่ถูกส่งมาแทนที่

แน่นอนว่าทุ่งนาที่ถูกทิ้งร้างไประยะหนึ่งย่อมไม่มีผลผลิตในปีนั้น แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตายไม่จำเป็นต้องกินอาหาร สิ่งที่ปลูกที่นี่เป็นเพียงเพื่อเก็บไว้ใช้ต้อนรับคณะทูตมนุษย์ที่มาเยือนเมื่อจำเป็นต้องใช้

อย่างไรก็ตาม ด้วยความสัมพันธ์อันเลวร้ายระหว่างจักรวรรดิแห่งโครงกระดูกกับมนุษย์ในตอนนี้ อาจไม่มีมนุษย์มาเยือนเลยเป็นเวลาหลายร้อยปี

แต่มันจะสำคัญอะไรกัน? ต้นทุนที่ลงไปก็ไม่ได้สูง เป็นเพียงโครงกระดูกหกสิบกว่าชิ้นเท่านั้น การรักษาการทำงานของฟาร์มแห่งนี้นั้นไม่ยุ่งยากเลย สุดท้ายแล้วแม้แต่ผู้นำระดับสูงของจักรวรรดิแห่งโครงกระดูก ก็ลืมไปแล้วว่ามีฟาร์มเช่นนี้อยู่ จึงแค่อาศัยแรงเฉื่อยทำให้มันดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

ในฟาร์มที่อาศัยแรงเฉื่อยทำให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดเคยสังเกตเห็นอังเกอร์ซึ่งเป็นโครงกระดูกที่มีชีวิต

ยืนยาวอย่างพิเศษ สิ่งมีชีวิตที่ไม่ตายชั้นสูงซึ่งมีสติปัญญาแทบไม่เคยมาที่นี่ อังเกอร์ไม่เคยเน่าเปื่อยจึงไม่มีใครมาโยนเขาทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังค้นพบวิธีที่จะยืดอายุขัยอีกด้วย

โครงกระดูกบางส่วนผุพังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งร่างที่จะผุพัง บ้างก็แค่แขนขาด บ้างก็แค่กระดูกสันหลังผุ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเท้ามักเป็นส่วนที่ผุพังง่ายที่สุด

ขณะที่โครงกระดูกเหล่านั้นนอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับได้ อังเกอร์ก็จะถอดเอาชิ้นส่วนที่ยังสมบูรณ์ดีออกมาเพื่อนำไปเปลี่ยนกับส่วนที่ผุพังไปแล้วของเขา

ดังนั้นผ่านเวลามากว่าร้อยปี เพื่อนๆ ก็ถูกเปลี่ยนตัวไปสิบกว่ารอบแล้ว แต่อังเกอร์ยังคงยืดหยัดอยู่อย่างร้าวรานต่อไป จากนั้นในปีที่หนึ่งร้อยสามสิบเก้า เมื่อตื่นจากการจำศีลยาวนานในฤดูหนาวอีกครั้ง อังเกอร์พบว่าโลกทั้งใบเปลี่ยนแปลงไปหมด

โดยรอบเงียบสงบอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเสียงครวญคร่ำของปีศาจ เสียงร้องแหลมของวิญญาณอำมหิต ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตไม่ตายชั้นสูงที่บินผ่านไปมาเป็นครั้งคราวในท้องฟ้า แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานในไร่ก็ไม่เห็นแล้ว

อังเกอร์ไม่ทันตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำตามขั้นตอนปกติที่ซ้ำซากมากว่าร้อยปี ถอนหญ้า พรวนดิน หว่านเมล็ด ทำอย่างนี้ต่อเนื่องไปหนึ่งสัปดาห์ เขาจึงสังเกตเห็นว่านอกจากบริเวณที่เขารับผิดชอบแล้ว ที่อื่นๆ ล้วนรกร้างว่างเปล่า

นี่มีโครงกระดูกผุพังอีกแล้วหรือ?

ตามธรรมเนียมแล้ว เขารีบออกเดินทางไปตามหา

กระดูกมาเปลี่ยนทันที ค้นหาทุกพื้นที่ที่รกร้าง อังเกอร์พบโครงกระดูกเก้าสิบห้าชุดที่ยังไม่ผุพังมากนัก เปลวไฟแห่งวิญญาณบนร่างพวกมันก็ดับสนิทแล้ว

จากจุดนี้ อังเกอร์เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่เขาก็เป็นเพียงโครงกระดูกปลูกผักระดับต่ำ เขาจึงคิดไม่ออกว่ามีอะไรผิดแปลกไป นอกจากดีใจที่เก็บเกี่ยวโครงกระดูกที่สมบูรณ์มาได้ห้าสิบกว่าชุด

อังเกอร์ใช้วิธีที่เขาคิดค้นเอง เอาฟางมากองกันเป็นโพรงเพื่อเก็บโครงกระดูกเหล่านี้ไว้ ในช่วงสองร้อยปีถัดมา เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบราบรื่นด้วยการเปลี่ยนใช้โครงกระดูกพวกนี้

ตลอดสองร้อยปีนี้ อังเกอร์ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หว่านเมล็ด เก็บเกี่ยว ผลผลิตที่เก็บได้ส่วนหนึ่งจะเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ ที่เหลือจะลากไปที่ขอบไร่ซึ่งมีหลุมใหญ่ แล้วโยนลงไปตามรางลื่น

หลุมนั้นปกคลุมด้วยซิลเวอร์เชด ช่วยให้ผลผลิตเก็บได้

นานมากๆ และข้างในมีพื้นที่กว้างขวางมาก ถ้าให้อังเกอร์ทำเองคนเดียว อาจต้องใช้เวลาถึงพันปีกว่าจะเติมหลุมนี้จนเต็ม

วันเวลาผ่านไปทีละวันๆ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่โครงกระดูกทั้งหมดถูกใช้จนหมด โดยเฉพาะเมื่อเวลาผ่านไป กระดูกที่เก็บไว้ในโพรงก็ค่อยๆ ผุพังไปด้วย

เมื่อกระดูกสำรองชิ้นสุดท้ายถูกใช้หมด เท้าข้างหนึ่งของอังเกอร์ก็หัก ทำให้เขาต้องกระเผลกออกจากไร่ที่อยู่มานานกว่าสามร้อยปีโดยไม่เคยออกไปไหน

ทั่วทั้งจักรวรรดิแห่งความไม่ตายเงียบสงัด ไม่เห็นวิญญาณสักดวง บนพื้นมีแต่โครงกระดูกแตกหักผุกร่อนกระจัดกระจายอยู่มากมาย จากระดับการย่อยสลายแล้ว พวกมันคงตายไปอย่างน้อยสองร้อยปีแล้ว

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ? อังเกอร์เดินไปบนผืนแผ่นดินอันเงียบสงัดนี้ด้วยความสงสัย เสาะหากระดูกที่ใช้แทนของเขาได้ ในที่สุดก็ไปถึงวัง

พระราชวังที่เงียบสงบคือสถานที่สูงสุดแห่งจักรวรรดิของความไม่ตาย ที่ประทับบรรทมของราชาผู้ไม่ตายซึ่งปกครองวิญญาณและชีวิตนิรันดร์ มันมีอำนาจกดดันตามธรรมชาติเหนือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตายระดับต่ำ

อังเกอร์เดินวนเวียนอยู่แถวนั้นหลายวันจนปรับตัวเข้ากับแรงกดดันนี้ได้ จึงก้าวเข้าไปในบริเวณพระราชวังที่เงียบสงบ ที่นี่มีกลิ่นอายของความตายหนาแน่น บนพื้นมีดินสีเงินปกคลุมหนา ดินเงินทำให้ทุกสรรพสิ่งที่สิ้นชีวิตและแห้งกรอบ ยังถูกเก็บรักษาและคงรูปไว้ได้นานขึ้น

ในดินสีเงินนั้น อังเกอร์พบโครงกระดูกที่ค่อนข้างแข็งแรงและมั่นคงบางชุด หากอังเกอร์เป็นโครงกระดูกระดับต่ำ โครงกระดูกที่แข็งแกร่งมั่นคงเหล่านี้ก็คงเคยเป็นของโครงกระดูกสีเทาหรือขาวที่มีระดับสูงกว่า

น่าเสียดายที่โครงกระดูกเหล่านี้ที่เคยแข็งแรงกว่าอังเกอร์ ตอนนี้สูญเสียวิญญาณไปแล้ว เหลือไว้เพียงกองกระดูก หากไม่ได้ฝังอยู่ในดินเงินก็คงเน่าเปื่อยไปเหมือนพวกข้างนอกแล้ว

อังเกอร์เก็บกระดูกมาหนึ่งกอง ประกอบขึ้นเป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์ จากนั้นก็ย้ายวิญญาณของตัวเองไปที่นั่น แปลงกายกลายเป็นโครงกระดูกสีเทาชั้นสูงขึ้นในพริบตา

ถึงแม้เขาอยากจะประกอบโครงกระดูกสีเงินที่มีระดับสูงกว่า แต่พบว่าวิญญาณของเขาอ่อนแอเกินไปที่จะขับเคลื่อนมัน จึงต้องล้มเลิกความตั้งใจ

แบบนี้แหละ อังเกอร์จึงกลับมาที่ไร่ สานต่อวิถีชีวิตที่ตื่นแต่เช้าและหลับยามพระอาทิตย์ตกดิน จนกระทั่งกระดูกบนร่างของเขาผุพังไปอีกครั้ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด