ตอนที่ 7 อาณัติสวรรค์ก็แค่เรื่องตลก
ตอนที่ 7 อาณัติสวรรค์ก็แค่เรื่องตลก
“หรือข้าใช้โชคไปกับห่วงวัชระหมดแล้ว คราวนี้จึงได้รางวัลเป็นของพวกนี่แทน” เขาพึมพำบ่นกับตัวเอง
เพราะของรางวัลทั้งสองนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อเขามากนัก
ไม่มีสิ่งใดเทียบกับห่วงวัชระได้เลย
หากเรียกบุปผาโฉดออกมาใช้ ไม่ว่าผู้ใช้จะเผชิญหน้ากับใครก็ตาม ไม่ว่าผู้ใช้จะแสดงสีหน้าแบบใด มันจะดูน่ากลัว ชั่วร้ายและมุ่งร้ายเสมอ
แต่เขายังคิดไม่ออกว่าควรใช้มันกับใคร ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีประโยชน์ในภายหลัง
สำหรับน้ำเบญจรสนั้นสามารถล้างความทรงจำของผู้คนให้คืนสภาพเป็นกระดาษขาวได้ แต่น่าเสียดายที่มันมีคุณภาพธรรมดาจึงมีผลต่อผู้ฝึกตนระดับต่ำกว่าจื่อฝู่และขอบเขตการใช้งานแคบเกินไป
ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ
“ข้าจำได้ว่าเยี่ยหลีเอ๋อร์เหมือนจะยังอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิด”
“ถ้าเช่นนั้นใช้กับเยี่ยหลีเอ๋อร์ดีกว่า เพราะถึงอย่างไรนางก็มีกายอินบริสุทธิ์ การใช้นางเพื่อจัดการกับเยี่ยเสวียนในอนาคตอาจมีผลที่น่าอัศจรรย์ก็ได้” ซูอันได้ตัดสินใจแล้วจึงเก็บบุปผาโฉดแล้วถือน้ำเบญจรสไปที่ห้องลับ
เนื่องจากรูปแบบการป้องกันระดับสูงทำให้ห้องนอนด้านในของเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากความเสียหาย เช่นเดียวกับห้องลับที่อยู่ด้านล่าง
ในห้องลับนั้นเยี่ยหลีเอ๋อร์ยังนั่งเหม่อลอย ราวกับว่านางสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว
นับตั้งแต่นางยินยอมเป็นเตาหม้อให้ซูอัน นางก็อยู่ในสภาพนี้มาโดยตลอด
ซูอันไม่เสียเวลาพูดกับนางเช่นกัน เขาก้าวไปข้างหน้าและบีบกรามของนาง บังคับกรอกน้ำเบญจรสใส่ปากนาง
“แคก...แคก แคก!”
เยี่ยหลีเอ๋อร์ถูกผนึกพลังวิญญาณเอาไว้จึงมีเพียงร่างกายของมนุษย์ เวลานี้เกิดการสำลักออกมาทันทีที่ซูอันแสดงความหยาบกระด้างใส่
แต่นางไม่ได้ต่อสู้หรือดิ้นรนขัดขืน
เมื่อกลืนน้ำเบญจรสลงไปแล้วดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาและว่างเปล่าของนางพลันเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกกลัวเกิดขึ้นในใจของนาง
เพราะนางรู้สึกว่าความทรงจำในอดีตค่อยๆ จางหายไปทีละน้อย
ความรู้สึกที่นางดูแคลนซูอัน ความเกลียดชังที่ซูอันทำให้ครอบครัวพังทลาย ความรักของท่านพ่อท่านแม่และความเทิดทูนพี่ชายคนรอง...
นางเบิกตากว้างและต้องการต่อต้าน แต่ก็ทำไม่ได้
จนกระทั่งน้ำเบญจรสไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
ดวงตาของเยี่ยหลีเอ๋อร์บริสุทธิ์เช่นเดียวกับกระเบื้องเคลือบไร้ที่ติ มีความอยากรู้อยากเห็นในความไร้เดียงสานั้น
ราวกับสัตว์ตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก
ในเวลานี้นางเป็นเหมือนกระดาษขาวบริสุทธิ์ที่ซูอันสามารถสาดหมึกและวาดภาพหลากสีสันได้
เยี่ยหลีเอ๋อร์เอียงศีรษะพลางมองไปที่ซูอันซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“ท่านเป็นใคร?”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เมื่อเห็นเยี่ยหลีเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ ซูอันกลับรู้สึกว่านางมีเสน่ห์มากกว่าเดิม
……
ณ ภูเขาแห้งแล้งสามพันหลี่นอกเมืองหลวง
ลำแสงสีทองหายไปในป่าภูเขาแห่งหนึ่ง นำพาชายหนุ่มร่างกายแหลกสลายและหมดสติตกไปในลำธารสายหนึ่ง
ร่างกายของชายหนุ่มคนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ส่วนที่ร้ายแรงที่สุดคือมีรูขนาดใหญ่ตรงร่างกายด้านซ้าย เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์นั้นจึงมีแนวโน้มว่าไตจะหายไป
แม้ว่าการฝึกตนของโลกนี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเช่นนี้ได้ก็ตาม
แต่ความเจ็บปวดนั้นยังเจ็บปวดจริงๆ
ชายหนุ่มคนนี้คือเยี่ยเสวียน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีอีกร่างหนึ่งปรากฏตรงเบื้องหน้าของเยี่ยเสวียน
เขาเป็นชายชราที่มีกระดูกเซียน สวมชุดเต้าผาวลายเมฆและลมหายใจของเขาสอดคล้องกับสวรรค์และโลก ใบหน้าของเขาสงบไม่แยแส
“ยันต์หยกที่ข้ามอบให้เสวียนเอ๋อร์นั้นเคลื่อนไหวได้เร็วมากจริงๆ”
“แต่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้!”
เขามองไปที่เยี่ยเสวียนบนพื้น ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย ทันใดนั้นเขาขยับนิ้วมือขวาสองสามครั้งเหมือนท่าทางที่พวกหมอดูริมถนนมักจะทำกัน
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและคิ้วขมวดมุ่นพลางเอ่ย “อาณัติสวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว!”
“เป็นไปได้อย่างไร เวลานี้ควรเป็นยุครุ่งเรืองของนิกายเทียนเต๋าของข้า”
เขาไม่เชื่อและคิดคำนวณอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าที่ขมวดมุ่นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
“เป็นเช่นนี้เอง อาณัติสวรรค์กำหนดไว้เพื่อให้ทวีความแข็งแกร่งขึ้นสินะ?”
“ดูเหมือนว่าเมื่อครู่ข้าจะคำนวณพลาดไป”
เขากลับมาแสดงสีหน้าปกติอีกครั้ง จากนั้นสะบัดมือและปลดปล่อยพลังเวทสีเขียวเข้าปกคลุมเยี่ยเสวียน
หลังจากที่ลมหายใจของเยี่ยเสวียนมั่นคงแล้ว เขาจึงหยุดปล่อยพลังเวทและไม่มีความตั้งใจที่จะรักษาต่ออีก
“เนื่องจากเป็นบททดสอบของเสวียนเอ๋อร์เอง ข้าเข้าไปยุ่งคงไม่สะดวกและไม่ควรแทรกแซงลิขิตสวรรค์”
จากนั้นเขาก็หายตัวไปทันที เหลือเพียงเยี่ยเสวียนที่ถูกกระแสน้ำพัดพาให้ลอยล่องไปตามแม่น้ำโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง
……
ในพื้นที่ห่างออกไป ม่านพลังที่มีโครงร่างคลุมเครือก็ค่อยๆ ถอยกลับเช่นกัน
“ลิขิตสวรรค์น่ะหรือ เฮอะ”
……
ในเมืองหลวงกำลังพูดกันถึงเรื่องหนึ่ง
จวนของอู่ซ่วนโหวผู้โปรดปรานของจักรพรรดินีถูกทำลาย จากคำบอกเล่าของชาวบ้านใกล้เคียงเล่าว่าในคืนนั้นท้องฟ้าเหนือจวนอู่ซ่วนโหวมืดมิด ดวงจันทร์สลัวและมีพลังการต่อสู้ที่ทรงอานุภาพจนทุบทำลายจวนอู่ซ่วนโหวจนราบเป็นหน้ากลอง
ข่าวลือแพร่สะพัดในทันที
แต่ในไม่ช้าก็มีแถลงการณ์จากราชสำนัก เนื้อหาคืออู่ซ่วนโหวนำกองกำลังหน่วยวิหคดำเข้าปราบปรามกลุ่มกบฏและได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ นับตั้งแต่เขาเข้ารับราชการ เขารับใช้แผ่นดินด้วยความขยันขันแข็ง เขาทำงานแบบมีสติและรายงานทุกเรื่องต่อราชสำนักโดยตรง เขาได้นำความสงบสุขมาสู่ราษฎร เหมาะสมกับตำแหน่งที่ปรึกษาองค์จักรพรรดินีและรางวัลมหาศาลทั้งหมด
กล่าวโดยสรุปคือในแง่ของตำแหน่งทางการใหม่นั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าการกระทำของอู่ซ่วนโหว
“ฝ่าบาทใส่พระทัยเจ้ามากจริงๆ”
ใบหน้าของซูอันกระตุก เขามองไปยังคนสองคนที่อยู่ตรงหน้า คนหนึ่งเป็นสตรี ส่วนอีกคน...อาจจะเป็นสตรี
“ฝ่าบาทเตรียมการเพื่อความปลอดภัยของเจ้าเป็นพิเศษ” หงเสายกมือปิดปากแล้วหัวเราะเบาๆ แต่ยังมองเห็นได้ชัดเจน
“เซิ่งหนาน ต่อไปนี้ความปลอดภัยของเสี่ยวอันจื่อเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว” นางหันไปพูดกับสตรีที่อยู่ข้างๆ ซึ่งดูเหมือนหอคอยเหล็ก
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะตายพร้อมท่านโหวซู!” เสียงทุ้มเล็กน้อยสำหรับสตรีหอคอยเหล็กเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
นี่ฟังดูไม่ค่อยดีและซูอันยังไม่พร้อมที่จะตาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า...” หงเสาได้ยินเช่นนี้จึงหลุดหัวเราะออกมา แต่นางรู้ว่านิสัยของผู้หญิงคนนี้ซื่อตรง แม้พูดไม่เก่ง แต่ถ้าให้พูดจะพูดตรงไปตรงมาเสมอ
มีเส้นสีดำหลายเส้นปรากฏบนหน้าผากของซูอัน “พี่เซิ่งหนาน นับจากนี้ข้าขอฝากชีวิตไว้กับท่าน เรียกข้าว่าซูอันก็พอ”
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ท่านเรียกข้าว่าเซิ่งหนานหรือถูเซิ่งหนานก็ได้ ส่วนข้าจะเรียกท่านว่าคุณชาย ฝ่าบาทแต่งตั้งข้าเป็นบริวารของท่านแล้ว ข้าจะเรียกเจ้านายด้วยชื่อจริงได้อย่างไร”
เซิ่งหนานยกมือเกาหัวและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ซูอันพยักหน้าและไม่เถียงอีกต่อไป “เอาล่ะเซิ่งหนาน นับจากนี้ขอฝากตัวด้วยแล้วกัน”
“เจ้าค่ะคุณชาย!”
ในบรรดาแปดองครักษ์วิหคดำขององค์จักรพรรดินี ยกเว้นซูอันที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมครองตำแหน่งแล้ว คนอื่นๆ นั้นมีทั้งความสามารถและระดับการฝึกตนที่ไม่ธรรมดา
และถูเซิ่งหนานก็เป็นหนึ่งในแปดองครักษ์วิหคดำข้างกายจักรพรรดินี
สิ่งที่นางฝึกฝนคือ ‘คัมภีร์วชิระมังกรคชสาร’ ซึ่งเป็นวิธีหลอมร่างกายขั้นสูงของผู้ฝึกตนระดับมิ่งตาน นางสามารถต่อสู้และต่อต้านได้แบบทรงพลัง จึงเป็นผู้พิทักษ์ที่หายาก
นางมีพรสวรรค์ในการปรับแต่งร่างกายและได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์แม้ในหมู่ผู้เป็นปรมาจารย์ระดับสูง
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก อธิบายได้เพียงแปดคำเท่านั้น...
หน้าตาสวยงามกำยำล่ำสัน!
พูดกันว่าครั้งหนึ่งนางเคยเป็นสตรีที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์ จนกระทั่งนางได้สัมผัสกับการปรับแต่งร่างกายและปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ให้ตื่นขึ้น จากนั้นรูปร่างของนางก็เริ่มควบคุมไม่ได้
ตอนนี้นางสูงถึง 2 เมตรแล้ว ทำให้ซูอันที่สูงกว่า 1.8 เมตรดูเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กเมื่ออยู่ต่อหน้าของนาง
ถ้าไม่มองหน้าก็เกรงจะไม่มีใครคิดว่านี่คือผู้หญิง