ตอนที่แล้วตอนที่ 5 ทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 อาณัติสวรรค์ก็แค่เรื่องตลก

ตอนที่ 6 กระบี่ของข้าต่างหาก


ตอนที่ 6 กระบี่ของข้าต่างหาก

“นั่นคืออาวุธเต๋า!” เหล่าเฉินหลุดอุทานออกมา

  

ระดับของอาวุธเวทแบ่งออกเป็น อาวุธธรรม อาวุธวิญญาณ อาวุธเต๋าและสมบัติวิญญาณในตำนาน ซึ่งในหมู่อาวุธเวทเหล่านี้ อาวุธเต๋าเป็นอาวุธเวทชั้นยอดที่ใช้โดยผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์หรือแม้แต่ระดับหยวนเสินเท่านั้น พวกมันสามารถเชื่อมระหว่างสวรรค์และโลกได้

  

เพียงสังเกตและศึกษาอาวุธเต๋าเป็นครั้งคราวก็สามารถพัฒนาการฝึกตนและความเข้าใจเกี่ยวกับอาวุธเต๋าถึงแก่นแท้ได้!

  

แม้ว่าเหล่าเฉินจะตกตะลึง แต่เขาไม่ลืมภารกิจในการคุ้มครองซูอัน

ช่างน่าเสียดายที่การเผชิญหน้ากับเยี่ยเสวียนในครั้งนี้ เขากลับถูกกระแทกออกไปโดยไม่มีจังหวะให้ใช้มีดสปาต้าด้วยซ้ำ และเขาไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดได้หรือเปล่า

  

เยี่ยเสวียนไม่เสียเวลากับพวกลิ่วล้อกระจอกเหล่านี้ เขาแปลงกระบี่ทมิฬในมือให้กลายเป็นลำแสงสีดำและพุ่งไปยังซูอัน

  

วิชาที่เขาใช้คือวิชาลับที่อาจารย์หวังให้มันช่วยชีวิตเขาในยามวิกฤติ แต่มันมีข้อจำกัดมาก เพราะเมื่อใช้แล้วแม้ว่าอายุขัยกับพลังวิญญาณจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่จะตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลาสามเดือน

  

แต่สถานการณ์ตรงหน้าได้เตือนเขาว่าใช้ได้เลยและห้ามประมาทเด็ดขาด

  

ด้วยราคาที่สูงลิ่วขนาดนี้ ถ้าซูอันไม่ถูกสังหาร เขาคงไม่ยอม!

  

ตอนนี้ชิงหลิงผู้มีสีหน้าเคร่งขรึมได้ยืนขวางหน้าซูอันไว้

  

เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยเสวียนผู้ถือครองอาวุธเต๋า นางไม่แน่ใจนักว่าจะชนะได้หรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรนางต้องยืนหยัด

  

จากนั้นบังเกิดลำแสงกระบี่สีฟ้าและลำแสงกระบี่สีดำพุ่งเข้าเกี่ยวพันกันราวกับมังกรยาวสองตัวต่อสู้กันอยู่

  

ลำแสงกระบี่ที่พลุ่งพล่านทิ้งรอยกระบี่เหนือจินตนาการไว้บนพื้น ทำให้ทั้งจวนโหวประสบภัยพิบัติ

  

ซูอันมองทั้งสองต่อสู้กันแบบดุเดือด เมื่อการต่อสู้มาถึงทางตัน เขาจึงโยนกำไลข้อมือสีขาวสว่างออกมา

  

เยี่ยเสวียนตวัดกระบี่ทมิฬเข้าโจมตีด้วยความบ้าคลั่ง ทันใดนั้นบังเกิดแรงดูดที่อธิบายไม่ได้พุ่งเข้าใส่และทำให้มือของเขาคลายออกโดยไม่รู้ตัว

  

จากนั้นกระบี่ทมิฬหลุดออกจากมือของเขาและบินไปหาซูอัน

  

ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อและเขาพยายามเรียกกระบี่ทมิฬคืนมา แต่มันไม่ได้ผลเพราะดูเหมือนว่ากระบี่ทมิฬจะขาดการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณกับเขาและยอมอยู่ในมือของซูอันโดยง่ายดาย

“กระบี่ดีและตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว”

  

สีหน้าพึงพอใจของซูอันทำให้เยี่ยเสวียนแทบกระอักเลือด

  

ชิงหลิงเห็นเยี่ยเสวียนใกล้เสียสติจึงไม่รอช้า นางคว้าโอกาสนี้ไว้แล้วรวบรวมพลังเวทไปที่ลำแสงสีฟ้าเต็มอัตรา

  

แย่แล้ว!

เยี่ยเสวียนกลับมามีสติแล้วรีบตั้งรับ

  

“เยี่ยเสวียน ข้าลืมบอกว่าแม่ของเจ้าเสียชีวิตแบบน่าอนาถ แต่น้องสาวของเจ้าให้ความชุ่มชื่นดีมาก” ซูอันพูดโพล่งขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันเขาก็เลียริมฝีปากและแสดงสีหน้าอิ่มเอมมากด้วย

  

เสียงนั้นดังมาก รับประกันได้ว่าไปถึงหูของเยี่ยเสวียนแน่นอน

“อัก!”

  

ดวงตาของเยี่ยเสวียนแดงก่ำและเขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก พลังวิญญาณไม่เสถียร

  

“ซูอัน เจ้าสมควรตาย!”

“ฆ่ามันซะ!”

  

“พลังกระบี่ฉางหลง!” กระบี่ยาวของชิงหลิงถูกห่อหุ้มด้วยพลังกระบี่ มันกลายรูปร่างเป็นมังกรเขียวและพุ่งเข้าใส่เยี่ยเสวียนพร้อมเสียงคำราม

  

เยี่ยเสวียนเห็นแล้วจึงรีบกระตุ้นพลังวิญญาณไปทั่วร่างจนเส้นเลือดทั้งร่างปูดขึ้นมาชัดเจน เขาขยับไปเพียงครึ่งก้าวในขณะที่มังกรเขียวพุ่งเฉียดร่างเขาไป

  

มังกรเขียวผ่านร่างกายของเขา ทำลายไตของเยี่ยเสวียนฝั่งหนึ่งจนเป็นรูขนาดใหญ่

ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงตาย

  

แค่ว่าสภาพเขาเหมือนบ้านหลังคารั่วที่ถูกฝนกระหน่ำตลอดคืน

  

เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้วิชาลับของเยี่ยเสวียนสิ้นสุดลงก่อนเวลา

  

รัศมีบนร่างกายของเขาอ่อนลงจนถึงขอบเขตก่อกำเนิดและใบหน้าของเขาซีดเผือด

“โจมตีต่อไป จงสับมันเป็นชิ้นให้ข้า!”

  

เมื่อซูอันเห็นภาพนี้ ดวงตาของเขาเคลื่อนไหว แต่เขาไม่ได้ใช้โอกาสนี้ทำให้อีกฝ่ายอับอายหรือเย้ยหยันด้วยวาจา เขาสั่งให้หน่วยวิหคดำที่ยังต่อสู้ไหวทำการโจมตีต่อไป

  

เพราะเขาจะไม่สบายใจจนกว่าได้เห็นเยี่ยเสวียนกลายเป็นเนื้อสับ

  

ชิงหลิงก็ลงมือในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดการโจมตีนับไม่ถ้วนเข้าครอบงำเยี่ยเสวียนทันที

  

ภายใต้การโจมตีดังกล่าวทำให้เยี่ยเสวียนแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย

  

กระนั้นใบหน้าของซูอันไม่ได้แสดงท่าทีผ่อนคลายหรือมีความสุขเลย เพราะไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จากระบบ

  

“โจมตีต่อไป อย่าหยุด!” ซูอันตะโกนสั่ง

  

หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำสั่งจึงโจมตีอีกครั้ง ทำให้รอบกายของเยี่ยเสวียนเต็มไปด้วยลำแสงของกระบี่และพลังงานดาบ

“อ๊าก!”

  

        ทันใดนั้นเสียงของเยี่ยเสวียนเต็มไปด้วยหมอกควันที่พุ่งออกจากข้างใน

“ซูอัน ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า!”

  

หมอกควันกระจายออกไปและปรากฏยันต์หยกขึ้นตรงเบื้องหน้าของเยี่ยเสวียน ยันต์หยกสร้างแสงสีทองห่อหุ้มเยี่ยเสวียน จากนั้นกลายเป็นกระแสแสงพาเยี่ยเสวียนบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง

  

“อย่าคิดหนี!” มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นจากอีกฟากฟ้า และปรากฏฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังเวทขั้นสูงพุ่งเข้าใส่กระแสแสงด้วยความกดดันหนักหน่วงราวกับภูเขาทั้งลูก

  

เยี่ยเสวียนที่ได้รับการปกป้องจากแสงสีทองยังต้องกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดราวกระดาษ

  

แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นยังทลายเข้าไปในกระแสแสงไม่ได้และทำได้เพียงเฝ้ามองเยี่ยเสวียนบินหนีไป

  

“ไม่นึกว่าบุตรชายคนรองของตระกูลเยี่ยจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกตนระดับหยวนเสิน” ร่างของหงเสาย้ายมาปรากฏตัวข้างๆ ซูอันและใบหน้าของนางเคร่งขรึมมาก

  

ซูอันมองตามทิศทางที่เยี่ยเสวียนจากไปด้วยแววตาลึกล้ำ เขารู้ว่านี่อาจเป็นแผนสำรองที่เยี่ยเสวียนและอาจารย์เตรียมไว้

  

เขายังคงประมาทเกินไป

  

หากไม่ระวังก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเยี่ยเสวียนจัดการ

  

ในนิยายไม่มีการเอ่ยถึงว่าเยี่ยเสวียนเป็นเจ้าของยันต์หยก บางทีเยี่ยเสวียนคงถูกเขียนให้เป็นมังกรไร้พ่าย ไม่เคยถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้จึงไม่ต้องใช้ยันต์หยก กระนั้นนิยายเรื่องนี้ก็ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด

  

ก่อนหน้านี้ซูอันสามารถสังหารตัวเอกขันทีได้ง่ายดายจึงทำให้เขาเกิดภาพลวงตา และตอนนี้เขากระจ่างแล้วว่าตัวเอกแบบเยี่ยเสวียนที่ในนิยายเขียนให้อยู่ยงคงกระพันนั้นแตกต่างออกไป

  

ก็น่าสนใจดี

  

ก่อนหน้านี้เขาขอให้พี่ชิงหลิงใส่ยาพิษในระหว่างการโจมตีด้วย แม้จะสังหารเยี่ยเสวียนไม่ได้ แต่ยังทำให้เยี่ยเสวียนรู้สึกถึงอันตรายของโลกได้บ้าง

“เสี่ยวอันจื่อ ครั้งนี้เจ้าค่อนข้างก่อปัญหาใหญ่ เพราะมันเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกตนระดับหยวนเสินจริงๆ” หงเสามองซูอันและน้ำเสียงของนางไม่มีความตำหนิ ในทางกลับกันคือมีความกังวลมากกว่า “แต่เป็นฝ่าบาทที่ตัดสินใจทำลายตระกูลเยี่ย จึงไม่สามารถตำหนิเจ้าได้”

  

ซูอันส่ายหน้า เขาเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าไกลโพ้นโดยคาดเดาความคิดไม่ได้

  

“บางทีอาจไม่ใช่ข้าที่ยั่วยุผู้ฝึกตนระดับหยวนเสิน แต่มีหยวนเสินคนหนึ่งคอยจับตาดูต้าซางมาโดยตลอด”

หงเสาสะดุ้งและฉุกคิดตาม ทันใดนั้นก็มีความคิดมากมายจู่โจมนาง

  

หลังจัดการทำความสะอาดสนามรบแล้ว หน่วยวิหคดำจึงแยกย้ายกันไปและผู้บาดเจ็บถูกส่งไปรักษาเช่นกัน เหล่าเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่รับมือเยี่ยเสวียนรอบสอง โชคดีที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่จวนโหวนั้นถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

  

หงเสายังพูดติดตลกว่าหากซูอันไม่มีที่อยู่อาศัยก็ไปอยู่ในวังได้

  

สุดท้ายเหลือเพียงชิงหลิงที่ยังติดตามเขา

“จริงสิ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าบุคคลนั้นคือเยี่ยเสวียน?” นางอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ถ้าเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”

  

ช่างหายากที่ชิงหลิงจะพูดมากขนาดนี้

  

“พูดได้สิ” ซูอันยิ้มและพูดว่า “เขาพูดแต่ว่าข้าสมควรตาย นี่ก็บ่งบอกสถานะของเขาได้กระมัง”

  

เขาไม่ได้บอกชิงหลิงเกี่ยวกับแผนการเหล่านี้ล่วงหน้า สาเหตุหลักคือชิงหลิงไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว

  

“โอ้” ชิงหลิงตระหนักได้

  

เมื่อเห็นชิงหลิงอ้าปากเล็กน้อย ซูอันก็โพล่งออกมาว่า “พี่ชิงหลิง ข้าไม่เคยเห็นเจ้าทำตัวน่ารักขนาดนี้มาก่อน…”

  

ซ่า!

  

ก่อนที่เขาจะพูดจบ หญิงงามก็หายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่

  

ซูอันหัวเราะบ้าคลั่ง “นี่ท่านเขินหรือ”

  

ทั้งชิงหลิงและหงเสามีความเข้าใจโดยสัญชาตญาณจึงไม่ได้ถามเขาถึงวิธีการยึดอาวุธของเยี่ยเสวียนมาครอง

  ……

[ติ๊ง! โฮสต์ทำให้ตัวเอกเยี่ยเสวียนได้รับบาดเจ็บสาหัส คะแนนตัวร้าย +1500]

  

แค่ทำร้ายเยี่ยเสวียนให้บาดเจ็บสาหัส ยังได้รับคะแนนตัวร้ายสูงกว่าการสังหารตัวเอกขันทีหลายเท่า จึงช่วยยืนยันว่าพวกตัวเอกก็มีความแตกต่างกัน

  

“ระบบ อย่าลืมรางวัล!” ซูอันพูดด้วยความโกรธ

  

[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัล : บุปผาโฉด, น้ำเบญจรส (ธรรมดา)]

  

เมื่อมองไปที่บุปผาโฉดและน้ำเบญจรสในมือแล้วซูอันจึงตกอยู่ในความคิด