ตอนที่ 6 กระบี่ของข้าต่างหาก
ตอนที่ 6 กระบี่ของข้าต่างหาก
“นั่นคืออาวุธเต๋า!” เหล่าเฉินหลุดอุทานออกมา
ระดับของอาวุธเวทแบ่งออกเป็น อาวุธธรรม อาวุธวิญญาณ อาวุธเต๋าและสมบัติวิญญาณในตำนาน ซึ่งในหมู่อาวุธเวทเหล่านี้ อาวุธเต๋าเป็นอาวุธเวทชั้นยอดที่ใช้โดยผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์หรือแม้แต่ระดับหยวนเสินเท่านั้น พวกมันสามารถเชื่อมระหว่างสวรรค์และโลกได้
เพียงสังเกตและศึกษาอาวุธเต๋าเป็นครั้งคราวก็สามารถพัฒนาการฝึกตนและความเข้าใจเกี่ยวกับอาวุธเต๋าถึงแก่นแท้ได้!
แม้ว่าเหล่าเฉินจะตกตะลึง แต่เขาไม่ลืมภารกิจในการคุ้มครองซูอัน
ช่างน่าเสียดายที่การเผชิญหน้ากับเยี่ยเสวียนในครั้งนี้ เขากลับถูกกระแทกออกไปโดยไม่มีจังหวะให้ใช้มีดสปาต้าด้วยซ้ำ และเขาไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดได้หรือเปล่า
เยี่ยเสวียนไม่เสียเวลากับพวกลิ่วล้อกระจอกเหล่านี้ เขาแปลงกระบี่ทมิฬในมือให้กลายเป็นลำแสงสีดำและพุ่งไปยังซูอัน
วิชาที่เขาใช้คือวิชาลับที่อาจารย์หวังให้มันช่วยชีวิตเขาในยามวิกฤติ แต่มันมีข้อจำกัดมาก เพราะเมื่อใช้แล้วแม้ว่าอายุขัยกับพลังวิญญาณจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่จะตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลาสามเดือน
แต่สถานการณ์ตรงหน้าได้เตือนเขาว่าใช้ได้เลยและห้ามประมาทเด็ดขาด
ด้วยราคาที่สูงลิ่วขนาดนี้ ถ้าซูอันไม่ถูกสังหาร เขาคงไม่ยอม!
ตอนนี้ชิงหลิงผู้มีสีหน้าเคร่งขรึมได้ยืนขวางหน้าซูอันไว้
เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยเสวียนผู้ถือครองอาวุธเต๋า นางไม่แน่ใจนักว่าจะชนะได้หรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรนางต้องยืนหยัด
จากนั้นบังเกิดลำแสงกระบี่สีฟ้าและลำแสงกระบี่สีดำพุ่งเข้าเกี่ยวพันกันราวกับมังกรยาวสองตัวต่อสู้กันอยู่
ลำแสงกระบี่ที่พลุ่งพล่านทิ้งรอยกระบี่เหนือจินตนาการไว้บนพื้น ทำให้ทั้งจวนโหวประสบภัยพิบัติ
ซูอันมองทั้งสองต่อสู้กันแบบดุเดือด เมื่อการต่อสู้มาถึงทางตัน เขาจึงโยนกำไลข้อมือสีขาวสว่างออกมา
เยี่ยเสวียนตวัดกระบี่ทมิฬเข้าโจมตีด้วยความบ้าคลั่ง ทันใดนั้นบังเกิดแรงดูดที่อธิบายไม่ได้พุ่งเข้าใส่และทำให้มือของเขาคลายออกโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นกระบี่ทมิฬหลุดออกจากมือของเขาและบินไปหาซูอัน
ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อและเขาพยายามเรียกกระบี่ทมิฬคืนมา แต่มันไม่ได้ผลเพราะดูเหมือนว่ากระบี่ทมิฬจะขาดการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณกับเขาและยอมอยู่ในมือของซูอันโดยง่ายดาย
“กระบี่ดีและตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว”
สีหน้าพึงพอใจของซูอันทำให้เยี่ยเสวียนแทบกระอักเลือด
ชิงหลิงเห็นเยี่ยเสวียนใกล้เสียสติจึงไม่รอช้า นางคว้าโอกาสนี้ไว้แล้วรวบรวมพลังเวทไปที่ลำแสงสีฟ้าเต็มอัตรา
แย่แล้ว!
เยี่ยเสวียนกลับมามีสติแล้วรีบตั้งรับ
“เยี่ยเสวียน ข้าลืมบอกว่าแม่ของเจ้าเสียชีวิตแบบน่าอนาถ แต่น้องสาวของเจ้าให้ความชุ่มชื่นดีมาก” ซูอันพูดโพล่งขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันเขาก็เลียริมฝีปากและแสดงสีหน้าอิ่มเอมมากด้วย
เสียงนั้นดังมาก รับประกันได้ว่าไปถึงหูของเยี่ยเสวียนแน่นอน
“อัก!”
ดวงตาของเยี่ยเสวียนแดงก่ำและเขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก พลังวิญญาณไม่เสถียร
“ซูอัน เจ้าสมควรตาย!”
“ฆ่ามันซะ!”
“พลังกระบี่ฉางหลง!” กระบี่ยาวของชิงหลิงถูกห่อหุ้มด้วยพลังกระบี่ มันกลายรูปร่างเป็นมังกรเขียวและพุ่งเข้าใส่เยี่ยเสวียนพร้อมเสียงคำราม
เยี่ยเสวียนเห็นแล้วจึงรีบกระตุ้นพลังวิญญาณไปทั่วร่างจนเส้นเลือดทั้งร่างปูดขึ้นมาชัดเจน เขาขยับไปเพียงครึ่งก้าวในขณะที่มังกรเขียวพุ่งเฉียดร่างเขาไป
มังกรเขียวผ่านร่างกายของเขา ทำลายไตของเยี่ยเสวียนฝั่งหนึ่งจนเป็นรูขนาดใหญ่
ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงตาย
แค่ว่าสภาพเขาเหมือนบ้านหลังคารั่วที่ถูกฝนกระหน่ำตลอดคืน
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้วิชาลับของเยี่ยเสวียนสิ้นสุดลงก่อนเวลา
รัศมีบนร่างกายของเขาอ่อนลงจนถึงขอบเขตก่อกำเนิดและใบหน้าของเขาซีดเผือด
“โจมตีต่อไป จงสับมันเป็นชิ้นให้ข้า!”
เมื่อซูอันเห็นภาพนี้ ดวงตาของเขาเคลื่อนไหว แต่เขาไม่ได้ใช้โอกาสนี้ทำให้อีกฝ่ายอับอายหรือเย้ยหยันด้วยวาจา เขาสั่งให้หน่วยวิหคดำที่ยังต่อสู้ไหวทำการโจมตีต่อไป
เพราะเขาจะไม่สบายใจจนกว่าได้เห็นเยี่ยเสวียนกลายเป็นเนื้อสับ
ชิงหลิงก็ลงมือในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดการโจมตีนับไม่ถ้วนเข้าครอบงำเยี่ยเสวียนทันที
ภายใต้การโจมตีดังกล่าวทำให้เยี่ยเสวียนแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย
กระนั้นใบหน้าของซูอันไม่ได้แสดงท่าทีผ่อนคลายหรือมีความสุขเลย เพราะไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จากระบบ
“โจมตีต่อไป อย่าหยุด!” ซูอันตะโกนสั่ง
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำสั่งจึงโจมตีอีกครั้ง ทำให้รอบกายของเยี่ยเสวียนเต็มไปด้วยลำแสงของกระบี่และพลังงานดาบ
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นเสียงของเยี่ยเสวียนเต็มไปด้วยหมอกควันที่พุ่งออกจากข้างใน
“ซูอัน ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า!”
หมอกควันกระจายออกไปและปรากฏยันต์หยกขึ้นตรงเบื้องหน้าของเยี่ยเสวียน ยันต์หยกสร้างแสงสีทองห่อหุ้มเยี่ยเสวียน จากนั้นกลายเป็นกระแสแสงพาเยี่ยเสวียนบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง
“อย่าคิดหนี!” มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นจากอีกฟากฟ้า และปรากฏฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังเวทขั้นสูงพุ่งเข้าใส่กระแสแสงด้วยความกดดันหนักหน่วงราวกับภูเขาทั้งลูก
เยี่ยเสวียนที่ได้รับการปกป้องจากแสงสีทองยังต้องกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดราวกระดาษ
แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นยังทลายเข้าไปในกระแสแสงไม่ได้และทำได้เพียงเฝ้ามองเยี่ยเสวียนบินหนีไป
“ไม่นึกว่าบุตรชายคนรองของตระกูลเยี่ยจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกตนระดับหยวนเสิน” ร่างของหงเสาย้ายมาปรากฏตัวข้างๆ ซูอันและใบหน้าของนางเคร่งขรึมมาก
ซูอันมองตามทิศทางที่เยี่ยเสวียนจากไปด้วยแววตาลึกล้ำ เขารู้ว่านี่อาจเป็นแผนสำรองที่เยี่ยเสวียนและอาจารย์เตรียมไว้
เขายังคงประมาทเกินไป
หากไม่ระวังก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเยี่ยเสวียนจัดการ
ในนิยายไม่มีการเอ่ยถึงว่าเยี่ยเสวียนเป็นเจ้าของยันต์หยก บางทีเยี่ยเสวียนคงถูกเขียนให้เป็นมังกรไร้พ่าย ไม่เคยถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้จึงไม่ต้องใช้ยันต์หยก กระนั้นนิยายเรื่องนี้ก็ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ซูอันสามารถสังหารตัวเอกขันทีได้ง่ายดายจึงทำให้เขาเกิดภาพลวงตา และตอนนี้เขากระจ่างแล้วว่าตัวเอกแบบเยี่ยเสวียนที่ในนิยายเขียนให้อยู่ยงคงกระพันนั้นแตกต่างออกไป
ก็น่าสนใจดี
ก่อนหน้านี้เขาขอให้พี่ชิงหลิงใส่ยาพิษในระหว่างการโจมตีด้วย แม้จะสังหารเยี่ยเสวียนไม่ได้ แต่ยังทำให้เยี่ยเสวียนรู้สึกถึงอันตรายของโลกได้บ้าง
“เสี่ยวอันจื่อ ครั้งนี้เจ้าค่อนข้างก่อปัญหาใหญ่ เพราะมันเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกตนระดับหยวนเสินจริงๆ” หงเสามองซูอันและน้ำเสียงของนางไม่มีความตำหนิ ในทางกลับกันคือมีความกังวลมากกว่า “แต่เป็นฝ่าบาทที่ตัดสินใจทำลายตระกูลเยี่ย จึงไม่สามารถตำหนิเจ้าได้”
ซูอันส่ายหน้า เขาเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าไกลโพ้นโดยคาดเดาความคิดไม่ได้
“บางทีอาจไม่ใช่ข้าที่ยั่วยุผู้ฝึกตนระดับหยวนเสิน แต่มีหยวนเสินคนหนึ่งคอยจับตาดูต้าซางมาโดยตลอด”
หงเสาสะดุ้งและฉุกคิดตาม ทันใดนั้นก็มีความคิดมากมายจู่โจมนาง
หลังจัดการทำความสะอาดสนามรบแล้ว หน่วยวิหคดำจึงแยกย้ายกันไปและผู้บาดเจ็บถูกส่งไปรักษาเช่นกัน เหล่าเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่รับมือเยี่ยเสวียนรอบสอง โชคดีที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่จวนโหวนั้นถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
หงเสายังพูดติดตลกว่าหากซูอันไม่มีที่อยู่อาศัยก็ไปอยู่ในวังได้
สุดท้ายเหลือเพียงชิงหลิงที่ยังติดตามเขา
“จริงสิ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าบุคคลนั้นคือเยี่ยเสวียน?” นางอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ถ้าเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”
ช่างหายากที่ชิงหลิงจะพูดมากขนาดนี้
“พูดได้สิ” ซูอันยิ้มและพูดว่า “เขาพูดแต่ว่าข้าสมควรตาย นี่ก็บ่งบอกสถานะของเขาได้กระมัง”
เขาไม่ได้บอกชิงหลิงเกี่ยวกับแผนการเหล่านี้ล่วงหน้า สาเหตุหลักคือชิงหลิงไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว
“โอ้” ชิงหลิงตระหนักได้
เมื่อเห็นชิงหลิงอ้าปากเล็กน้อย ซูอันก็โพล่งออกมาว่า “พี่ชิงหลิง ข้าไม่เคยเห็นเจ้าทำตัวน่ารักขนาดนี้มาก่อน…”
ซ่า!
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หญิงงามก็หายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่
ซูอันหัวเราะบ้าคลั่ง “นี่ท่านเขินหรือ”
ทั้งชิงหลิงและหงเสามีความเข้าใจโดยสัญชาตญาณจึงไม่ได้ถามเขาถึงวิธีการยึดอาวุธของเยี่ยเสวียนมาครอง
……
[ติ๊ง! โฮสต์ทำให้ตัวเอกเยี่ยเสวียนได้รับบาดเจ็บสาหัส คะแนนตัวร้าย +1500]
แค่ทำร้ายเยี่ยเสวียนให้บาดเจ็บสาหัส ยังได้รับคะแนนตัวร้ายสูงกว่าการสังหารตัวเอกขันทีหลายเท่า จึงช่วยยืนยันว่าพวกตัวเอกก็มีความแตกต่างกัน
“ระบบ อย่าลืมรางวัล!” ซูอันพูดด้วยความโกรธ
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัล : บุปผาโฉด, น้ำเบญจรส (ธรรมดา)]
เมื่อมองไปที่บุปผาโฉดและน้ำเบญจรสในมือแล้วซูอันจึงตกอยู่ในความคิด