ตอนที่ 5 ทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ
ตอนที่ 5 ทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ
“พี่ชิงหลิง ต้องรบกวนท่านแล้ว”
ชิงหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ในเมื่อฝ่าบาทสั่งให้ข้าปกป้องเจ้า ข้าจะทำสุดความสามารถ”
เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วนางก็เงียบอีกครั้ง หลับตาและปรับลมหายใจ
รูปลักษณ์เย็นชาและเก็บตัว
ซูอันยังนึกสงสัยว่าหากเขาไม่เริ่มชวนคุยก่อน นางคงสามารถอยู่ได้หลายวันโดยไม่พูดสักคำ
ซูอันผู้ว่างงานจึงคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเปิดประตูห้องลับและเตรียมฝึกควบรวมอินหยางอีกรอบ
แน่นอนว่ามันคือการควบรวมอินหยางด้วยความขยันขันแข็ง
……
ราตรีกาลมาเยือนได้ไม่นาน
บนนภามีเพียงจันทร์สลัวแสนโดดเดี่ยว
แสงไฟในจวนโหวสว่างไสว ดูราวกับว่ากำลังเตรียมงานเลี้ยง
พวกคนรับใช้เดินในจวนโหวกันให้ควั่ก
ในสวนหลังบ้าน มีนางระบำในชุดระบำขนนกจำนวนสิบคนกำลังร่ายรำไปตามจังหวะบรรเลงดนตรีของนางขับร้องทั้งซ้ายและขวา สร้างฉากร้องเพลงเต้นรำเหมือนอยู่ในสถานเริงรมย์
ผู้ที่นั่งตำแหน่งสูงสุดคือชายหนุ่มรูปงามในอาภรณ์หรูหรา เขาเอนกายอยู่บนต้นขาอวบอัดของสาวใช้ ในบางครั้งสาวใช้จะนำผลไม้หรืออาหารป้อนใส่ปากของเขา มีองครักษ์สีหน้าจริงจังยืนอยู่ด้านหลังซึ่งไม่สอดคล้องกับความเสื่อมทรามรอบตัวเขาเลย
แต่ถ้าลองพิจารณาให้ดีจะพบว่าการเคลื่อนไหวของสาวใช้รอบตัวชายผู้นี้ค่อนข้างแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
ทว่าดวงตาของเยี่ยเสวียนถูกบดบังด้วยความเกลียดชังจึงไม่ได้สังเกตเห็นพิรุธ
เพราะหลังจากยืนยันว่าชายคนนั้นคือซูอันยิ่งทำให้โทสะในใจของเขาแทบระเบิดออกมา
วิจารณญาณไม่สามารถทำงานได้ในตอนนี้
ทว่าที่นี่มีผู้คนมากมาย...ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ ทำให้เขาไม่สบายใจและลางสังหรณ์นี้ทำให้เยี่ยเสวียนเกิดความลังเลขึ้นมา
ที่สำคัญคือเขาต้องหาเบาะแสของน้องสาวจากซูอัน เพราะเขาไม่พบร่องรอยของน้องสาวในจวนโหวเลย
เขายังต้องจับเป็นซูอัน
เยี่ยเสวียนมองไปรอบๆ และเห็นบ่าวรับใช้คนหนึ่งกำลังเดินไปที่สวนหลังบ้านโดยถือจานอยู่ในมือ
หัวใจของเขาสั่นไหวและระเบิดพลังเวทใส่บ่าวรับใช้จนล้มลงกับพื้น แต่จานในมือของบ่าวรับใช้ถูกเยี่ยเสวียนจับไว้โดยมั่นคง
เยี่ยเสวียนรีบเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าของบ่าวรับใช้และผนึกพลังวิญญาณของตน จากนั้นโยนบ่าวรับใช้เข้าไปในพุ่มไม้แล้วเดินถือจานไปที่สวนหลังบ้าน
การเดินทางเป็นไปโดยราบรื่นจนกระทั่งเดินไปถึงตัวซูอัน
มือของเยี่ยเสวียนที่จับจานนั้นกำแน่นไปอีก ขอเพียงตราบใดที่เขาเข้าใกล้มากขึ้น เขาก็มั่นใจว่าสามารถจัดการซูอันได้ก่อนที่องครักษ์จะทันโต้ตอบ
“ช้าก่อน!”
“ในจานนี้คืออาหารใด?” ซูอันถามขึ้นมา
เยี่ยเสวียนตกใจและหยุดชะงักโดยอัตโนมัติ เขาเหลือบมองอาหารในจานแล้วตอบด้วยความมั่นใจ “คือไส้วัวตุ๋นทงฮวา”
เขาบังเอิญจำอาหารจานนี้ได้ เพราะนี่เป็นอาหารจานโปรดของเขาเมื่อตอนยังเด็ก
ซูอันตอบรับว่า “อืม” ดูเหมือนเขาถามแบบสบายๆ เท่านั้น
เยี่ยเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเตรียมเดินหน้าต่อ
กระนั้น...
“โจมตี!”
จอกสุราในมือของซูอันร่วงลงพื้นและบรรยากาศในสวนหลังบ้านทั้งหมดเปลี่ยนโดยกะทันหัน
นี่คือการทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ!
ก่อนที่เยี่ยเสวียนจะรู้ว่าเขาถูกเปิดเผยได้อย่างไร องครักษ์ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมซึ่งอยู่ด้านหลังซูอันก็พุ่งใส่เขาพร้อมมีดสปาต้าขนาดใหญ่และรัศมีของระดับจื่อฝู่แผ่ออกมาชัดเจน
“ไอ้กบฏ กินมีดของข้าซะ!”
นางระบำที่ร่ายรำอยู่ด้านหน้าก็หยุดเคลื่อนไหวทีละคนแล้วเผยรังสีสังหารออกมา
ไม่มีนางระบำคนใดอยู่ในระดับต่ำกว่าขอบเขตก่อกำเนิดและมียอดฝีมือระดับจื่อฝู่ปะปนอยู่มากมาย
ดังนั้นรังสีสังหารจึงโอบล้อมเยี่ยเสวียนไว้ในพริบตา
มันเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว เยี่ยเสวียนกลับรู้สึกได้เพียงหัวใจที่หนาวเหน็บเหมือนมีลมหนาวพัดผ่านเสื้อผ้ามากระทบหน้าผากของเขา แต่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หรือซูอันรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาคืนนี้และตั้งใจวางกับดักล่อเขาเป็นพิเศษ
“หลีกไปซะ!”
เขากัดฟันกรอดแล้วตวาดดังลั่น ในมือของเขาปรากฏกระบี่สีดำขึ้นมา ประกายแสงคมกริบของกระบี่เล่มนั้นฟาดฟันองครักษณ์ที่โจมตีเขาให้ล่าถอยออกไป
เยี่ยเสวียนจดจ้องไปที่ซูอันอีกครั้ง
หากบุคคลนี้ได้วางแผนรับมือไว้แล้วก็อาจไม่ใช่หนึ่งในระดับจื่อฝู่ธรรมดา
ด้วยทักษะทางร่างกายที่ว่องไวของเยี่ยเสวียน ทำให้เขาหลบเลี่ยงนางระบำที่กำลังโจมตีได้ทันที และเมื่อมาถึงเบื้องหน้าของซูอัน เขาก็แทงกระบี่ยาวไปที่ขาของซูอัน
แม้ว่าซูอันได้วางแผนล่วงหน้าแล้ว แต่ยังประเมินความแข็งแกร่งของเยี่ยเสวียนต่ำไป
รูปลักษณ์ที่ดุร้ายปรากฏบนใบหน้าของเยี่ยเสวียน แม้ว่าเขาไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้โดยตรง แต่เขาสามารถระบายความโกรธโดยการทำลายแขนขาของอีกฝ่ายก่อนได้
แต่แทนที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมา ซูอันกลับแสดงสีหน้าเย้ยหยันแทน
ประกายแสงสีเงินกะพริบ
“ฉับ!”
ในพริบตาต่อมา
ร่างของเยี่ยเสวียนไปโผล่ยังจุดที่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง เขาใช้มือขวากุมหูไว้แน่นและเลือดสีแดงสดไหลออกจากช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขา
เขาเหลือใบหูข้างเดียวเท่านั้น
“น่าเสียดาย” ซูอันใช้มือยันต้นขาของสาวใช้เพื่อยืนขึ้น จากนั้นใช้เท้าเหยียบใบหูที่หล่นบนพื้นด้วยความรู้สึกผิดหวังนิดๆ
เยี่ยเสวียนหลบทันเสียได้
“บัดซบ!”
เมื่อรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่หูข้างขวา เยี่ยเสวียนจ้องมองไปที่ซูอันและสาวใช้ซึ่งถือกระบี่ยาวอยู่ข้างกายด้วยความเกลียดชังและความกลัว
สาวใช้ที่ทำตัวเป็นหมอนคอยป้อนผลไม้ให้ซูอันเงียบๆ ความจริงคือผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานอันแข็งแกร่ง!
“ขออภัยด้วยพี่ชิงหลิง เมื่อครู่ล่วงเกินเจ้าแล้ว” เห็นได้ชัดว่าซูอันชอบหมอนเช่นนางมาก แต่เขาแสร้งพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่ถือสา เพราะนี่คือพระบัญชาของฝ่าบาท” ชิงหลิงโบกมือ ใบหน้าของนางยังคงเย็นชาและเอาแต่จับจ้องไปข้างหน้า
แต่ลำคอสีแดงๆ นั้นเผยให้เห็นว่านางไม่ได้เฉยเมยเหมือนที่ปรากฏ
เพราะนางดูแลฝ่าพระบาทตั้งแต่เยาว์วัย ไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษมากขนาดนี้มาก่อน
บัดนี้ผู้คนที่แต่งกายเป็นคนรับใช้ในจวนโหวก็เข้ามาจากทุกทิศทางแล้วโอบล้อมเยี่ยเสวียนไว้
คนรับใช้เหล่านี้รับบทโดยหน่วยวิหคดำทั้งสิ้น
มีผู้อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดมากกว่าสองร้อยคน ระดับจื่อฝู่มากกว่าสิบคนและมีผู้แข็งแกร่งระดับมิ่งตานด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือยอดฝีมือเหล่านี้เชื่อมโยงถึงกันและกันโดยก่อตัวเป็นค่ายกลขึ้นมา
ทำให้ใบหน้าของเยี่ยเสวียนจมดิ่ง
เขายังไม่รู้ว่าตัวเองถูกเปิดเผยได้อย่างไรจนถึงขั้นทำให้ซูอันมีเวลาวางหลุมพรางขนาดใหญ่เช่นนี้ใส่เขาได้
“จับตัวมันและฆ่ามันให้ตายในสภาพมีหูข้างเดียวนั่นแหละ!”
ซูอันยืนอยู่หลังวงล้อมพลางออกคำสั่ง ในขณะเดียวกันเขาไม่ลืมที่จะดูถูกอีกฝ่าย
“ซูอัน เจ้าสมควรตาย!”
ความเกลียดชังของเยี่ยเสวียนที่มีต่อซูอันยิ่งรุนแรงขึ้น
“เคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียน!”
เครื่องหมายสีทองปรากฏบนหน้าผากของเยี่ยเสวียนทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ในที่สุดเขาก็เหยียบเข้าสู่ระดับมิ่งตานและสามารถต้านทานชิงหลิงได้
นี่มัน...
เหล่าเฉินองครักษ์ผู้น่าเกรงขามยังนึกฉงนในใจ
สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งจากระดับจื่อฝู่ไประดับมิ่งตานได้ทันทีทันใดเช่นนี้ จะต้องเป็นวิชาลับสุดยอดที่มีเพียงไม่กี่คนทำได้
แม้แต่การแสดงออกของชิงหลิงก็เปลี่ยนไป เพราะก่อนหน้านี้ซูอันเคยกล่าวไว้ว่านางไม่แข็งแกร่งพอ
แม้ว่าตอนนั้นนางจะไม่แสดงออก แต่ยอมรับว่าในใจรู้สึกลังเล ยิ่งมาเห็นผลลัพธ์ในตอนนี้จึงดูเหมือนว่านางแย่กว่าจริงๆ
ต้องทราบก่อนว่านางไม่ได้ยั้งกระบี่เลยและเห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนระดับจื่อฝู่เมื่อครู่ไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ แต่เขายังหลบได้ทัน
ตอนนี้เขาได้ยกระดับพลังวิญญาณให้อยู่ในระดับเดียวกับนางภายในพริบตา
“สารเลวซู จงตายซะ!”
หนึ่งกระบี่ทมิฬในมือของเยี่ยเสวียนแตกกระจายออกเป็นหมอกสีดำและกระแสเสียงแห่งเต๋าหมุนวนเข้าทำลายการเชื่อมต่อระหว่างค่ายกลหน่วยวิหคดำ
“นั่นคืออาวุธเต๋า!”