ตอนที่แล้วตอนที่ 4 คืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 กระบี่ของข้าต่างหาก

ตอนที่ 5 ทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ


ตอนที่ 5 ทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ

“พี่ชิงหลิง ต้องรบกวนท่านแล้ว”

  

ชิงหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ในเมื่อฝ่าบาทสั่งให้ข้าปกป้องเจ้า ข้าจะทำสุดความสามารถ”

  

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วนางก็เงียบอีกครั้ง หลับตาและปรับลมหายใจ

  

รูปลักษณ์เย็นชาและเก็บตัว

  

ซูอันยังนึกสงสัยว่าหากเขาไม่เริ่มชวนคุยก่อน นางคงสามารถอยู่ได้หลายวันโดยไม่พูดสักคำ

  

ซูอันผู้ว่างงานจึงคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเปิดประตูห้องลับและเตรียมฝึกควบรวมอินหยางอีกรอบ

  

แน่นอนว่ามันคือการควบรวมอินหยางด้วยความขยันขันแข็ง

  ……

ราตรีกาลมาเยือนได้ไม่นาน

  

บนนภามีเพียงจันทร์สลัวแสนโดดเดี่ยว

  

แสงไฟในจวนโหวสว่างไสว ดูราวกับว่ากำลังเตรียมงานเลี้ยง

  

พวกคนรับใช้เดินในจวนโหวกันให้ควั่ก

  

ในสวนหลังบ้าน มีนางระบำในชุดระบำขนนกจำนวนสิบคนกำลังร่ายรำไปตามจังหวะบรรเลงดนตรีของนางขับร้องทั้งซ้ายและขวา สร้างฉากร้องเพลงเต้นรำเหมือนอยู่ในสถานเริงรมย์

  

ผู้ที่นั่งตำแหน่งสูงสุดคือชายหนุ่มรูปงามในอาภรณ์หรูหรา เขาเอนกายอยู่บนต้นขาอวบอัดของสาวใช้ ในบางครั้งสาวใช้จะนำผลไม้หรืออาหารป้อนใส่ปากของเขา มีองครักษ์สีหน้าจริงจังยืนอยู่ด้านหลังซึ่งไม่สอดคล้องกับความเสื่อมทรามรอบตัวเขาเลย

  

แต่ถ้าลองพิจารณาให้ดีจะพบว่าการเคลื่อนไหวของสาวใช้รอบตัวชายผู้นี้ค่อนข้างแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย

  

ทว่าดวงตาของเยี่ยเสวียนถูกบดบังด้วยความเกลียดชังจึงไม่ได้สังเกตเห็นพิรุธ

  

เพราะหลังจากยืนยันว่าชายคนนั้นคือซูอันยิ่งทำให้โทสะในใจของเขาแทบระเบิดออกมา

  

วิจารณญาณไม่สามารถทำงานได้ในตอนนี้

  

ทว่าที่นี่มีผู้คนมากมาย...ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ ทำให้เขาไม่สบายใจและลางสังหรณ์นี้ทำให้เยี่ยเสวียนเกิดความลังเลขึ้นมา

ที่สำคัญคือเขาต้องหาเบาะแสของน้องสาวจากซูอัน เพราะเขาไม่พบร่องรอยของน้องสาวในจวนโหวเลย

  

เขายังต้องจับเป็นซูอัน

  

เยี่ยเสวียนมองไปรอบๆ และเห็นบ่าวรับใช้คนหนึ่งกำลังเดินไปที่สวนหลังบ้านโดยถือจานอยู่ในมือ

  

หัวใจของเขาสั่นไหวและระเบิดพลังเวทใส่บ่าวรับใช้จนล้มลงกับพื้น แต่จานในมือของบ่าวรับใช้ถูกเยี่ยเสวียนจับไว้โดยมั่นคง

  

เยี่ยเสวียนรีบเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าของบ่าวรับใช้และผนึกพลังวิญญาณของตน จากนั้นโยนบ่าวรับใช้เข้าไปในพุ่มไม้แล้วเดินถือจานไปที่สวนหลังบ้าน

  

การเดินทางเป็นไปโดยราบรื่นจนกระทั่งเดินไปถึงตัวซูอัน

  

มือของเยี่ยเสวียนที่จับจานนั้นกำแน่นไปอีก ขอเพียงตราบใดที่เขาเข้าใกล้มากขึ้น เขาก็มั่นใจว่าสามารถจัดการซูอันได้ก่อนที่องครักษ์จะทันโต้ตอบ

  

“ช้าก่อน!”

  

“ในจานนี้คืออาหารใด?” ซูอันถามขึ้นมา

  

เยี่ยเสวียนตกใจและหยุดชะงักโดยอัตโนมัติ เขาเหลือบมองอาหารในจานแล้วตอบด้วยความมั่นใจ “คือไส้วัวตุ๋นทงฮวา”

  

เขาบังเอิญจำอาหารจานนี้ได้ เพราะนี่เป็นอาหารจานโปรดของเขาเมื่อตอนยังเด็ก

  

ซูอันตอบรับว่า “อืม” ดูเหมือนเขาถามแบบสบายๆ เท่านั้น

  

เยี่ยเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเตรียมเดินหน้าต่อ

กระนั้น...

  

“โจมตี!”

  

จอกสุราในมือของซูอันร่วงลงพื้นและบรรยากาศในสวนหลังบ้านทั้งหมดเปลี่ยนโดยกะทันหัน

  

นี่คือการทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ!

  

ก่อนที่เยี่ยเสวียนจะรู้ว่าเขาถูกเปิดเผยได้อย่างไร องครักษ์ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมซึ่งอยู่ด้านหลังซูอันก็พุ่งใส่เขาพร้อมมีดสปาต้าขนาดใหญ่และรัศมีของระดับจื่อฝู่แผ่ออกมาชัดเจน

  

“ไอ้กบฏ กินมีดของข้าซะ!”

  

นางระบำที่ร่ายรำอยู่ด้านหน้าก็หยุดเคลื่อนไหวทีละคนแล้วเผยรังสีสังหารออกมา

  

ไม่มีนางระบำคนใดอยู่ในระดับต่ำกว่าขอบเขตก่อกำเนิดและมียอดฝีมือระดับจื่อฝู่ปะปนอยู่มากมาย

  

ดังนั้นรังสีสังหารจึงโอบล้อมเยี่ยเสวียนไว้ในพริบตา

  

มันเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว เยี่ยเสวียนกลับรู้สึกได้เพียงหัวใจที่หนาวเหน็บเหมือนมีลมหนาวพัดผ่านเสื้อผ้ามากระทบหน้าผากของเขา แต่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

  

หรือซูอันรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาคืนนี้และตั้งใจวางกับดักล่อเขาเป็นพิเศษ

  

“หลีกไปซะ!” 

  

เขากัดฟันกรอดแล้วตวาดดังลั่น ในมือของเขาปรากฏกระบี่สีดำขึ้นมา ประกายแสงคมกริบของกระบี่เล่มนั้นฟาดฟันองครักษณ์ที่โจมตีเขาให้ล่าถอยออกไป

  

เยี่ยเสวียนจดจ้องไปที่ซูอันอีกครั้ง

  

หากบุคคลนี้ได้วางแผนรับมือไว้แล้วก็อาจไม่ใช่หนึ่งในระดับจื่อฝู่ธรรมดา

  

ด้วยทักษะทางร่างกายที่ว่องไวของเยี่ยเสวียน ทำให้เขาหลบเลี่ยงนางระบำที่กำลังโจมตีได้ทันที และเมื่อมาถึงเบื้องหน้าของซูอัน เขาก็แทงกระบี่ยาวไปที่ขาของซูอัน

  

แม้ว่าซูอันได้วางแผนล่วงหน้าแล้ว แต่ยังประเมินความแข็งแกร่งของเยี่ยเสวียนต่ำไป

  

รูปลักษณ์ที่ดุร้ายปรากฏบนใบหน้าของเยี่ยเสวียน แม้ว่าเขาไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้โดยตรง แต่เขาสามารถระบายความโกรธโดยการทำลายแขนขาของอีกฝ่ายก่อนได้

  

แต่แทนที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมา ซูอันกลับแสดงสีหน้าเย้ยหยันแทน

  

ประกายแสงสีเงินกะพริบ

  

“ฉับ!”

  

ในพริบตาต่อมา

  

ร่างของเยี่ยเสวียนไปโผล่ยังจุดที่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง เขาใช้มือขวากุมหูไว้แน่นและเลือดสีแดงสดไหลออกจากช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขา

  

เขาเหลือใบหูข้างเดียวเท่านั้น

“น่าเสียดาย” ซูอันใช้มือยันต้นขาของสาวใช้เพื่อยืนขึ้น จากนั้นใช้เท้าเหยียบใบหูที่หล่นบนพื้นด้วยความรู้สึกผิดหวังนิดๆ

  

เยี่ยเสวียนหลบทันเสียได้

  

“บัดซบ!”

  

เมื่อรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่หูข้างขวา เยี่ยเสวียนจ้องมองไปที่ซูอันและสาวใช้ซึ่งถือกระบี่ยาวอยู่ข้างกายด้วยความเกลียดชังและความกลัว

  

สาวใช้ที่ทำตัวเป็นหมอนคอยป้อนผลไม้ให้ซูอันเงียบๆ ความจริงคือผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานอันแข็งแกร่ง!

  

“ขออภัยด้วยพี่ชิงหลิง เมื่อครู่ล่วงเกินเจ้าแล้ว” เห็นได้ชัดว่าซูอันชอบหมอนเช่นนางมาก แต่เขาแสร้งพูดด้วยความรู้สึกผิด

  

“ไม่ถือสา เพราะนี่คือพระบัญชาของฝ่าบาท” ชิงหลิงโบกมือ ใบหน้าของนางยังคงเย็นชาและเอาแต่จับจ้องไปข้างหน้า

  

แต่ลำคอสีแดงๆ นั้นเผยให้เห็นว่านางไม่ได้เฉยเมยเหมือนที่ปรากฏ

  

เพราะนางดูแลฝ่าพระบาทตั้งแต่เยาว์วัย ไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษมากขนาดนี้มาก่อน

  

บัดนี้ผู้คนที่แต่งกายเป็นคนรับใช้ในจวนโหวก็เข้ามาจากทุกทิศทางแล้วโอบล้อมเยี่ยเสวียนไว้

  

คนรับใช้เหล่านี้รับบทโดยหน่วยวิหคดำทั้งสิ้น

  

มีผู้อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดมากกว่าสองร้อยคน ระดับจื่อฝู่มากกว่าสิบคนและมีผู้แข็งแกร่งระดับมิ่งตานด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือยอดฝีมือเหล่านี้เชื่อมโยงถึงกันและกันโดยก่อตัวเป็นค่ายกลขึ้นมา

  

ทำให้ใบหน้าของเยี่ยเสวียนจมดิ่ง

  

เขายังไม่รู้ว่าตัวเองถูกเปิดเผยได้อย่างไรจนถึงขั้นทำให้ซูอันมีเวลาวางหลุมพรางขนาดใหญ่เช่นนี้ใส่เขาได้

“จับตัวมันและฆ่ามันให้ตายในสภาพมีหูข้างเดียวนั่นแหละ!”

  

ซูอันยืนอยู่หลังวงล้อมพลางออกคำสั่ง ในขณะเดียวกันเขาไม่ลืมที่จะดูถูกอีกฝ่าย

  

“ซูอัน เจ้าสมควรตาย!”

  

ความเกลียดชังของเยี่ยเสวียนที่มีต่อซูอันยิ่งรุนแรงขึ้น

  

“เคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียน!”

  

เครื่องหมายสีทองปรากฏบนหน้าผากของเยี่ยเสวียนทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

  

ในที่สุดเขาก็เหยียบเข้าสู่ระดับมิ่งตานและสามารถต้านทานชิงหลิงได้

  

นี่มัน...

  

เหล่าเฉินองครักษ์ผู้น่าเกรงขามยังนึกฉงนในใจ

  

สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งจากระดับจื่อฝู่ไประดับมิ่งตานได้ทันทีทันใดเช่นนี้ จะต้องเป็นวิชาลับสุดยอดที่มีเพียงไม่กี่คนทำได้

  

แม้แต่การแสดงออกของชิงหลิงก็เปลี่ยนไป เพราะก่อนหน้านี้ซูอันเคยกล่าวไว้ว่านางไม่แข็งแกร่งพอ

แม้ว่าตอนนั้นนางจะไม่แสดงออก แต่ยอมรับว่าในใจรู้สึกลังเล ยิ่งมาเห็นผลลัพธ์ในตอนนี้จึงดูเหมือนว่านางแย่กว่าจริงๆ

  

ต้องทราบก่อนว่านางไม่ได้ยั้งกระบี่เลยและเห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนระดับจื่อฝู่เมื่อครู่ไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ แต่เขายังหลบได้ทัน

  

ตอนนี้เขาได้ยกระดับพลังวิญญาณให้อยู่ในระดับเดียวกับนางภายในพริบตา

  

“สารเลวซู จงตายซะ!”

  

หนึ่งกระบี่ทมิฬในมือของเยี่ยเสวียนแตกกระจายออกเป็นหมอกสีดำและกระแสเสียงแห่งเต๋าหมุนวนเข้าทำลายการเชื่อมต่อระหว่างค่ายกลหน่วยวิหคดำ

“นั่นคืออาวุธเต๋า!”