ตอนที่ 4 คืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต
ตอนที่ 4 คืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต
“อะ...อึก...”
นิ้วของซูอันบีบแก้มของเยี่ยหลีเอ๋อร์แล้วพูดเย้ยหยันว่า
“คงไม่คิดจะใช้วิธีนี้ฆ่าตัวตายกระมัง เด็กโง่ แค่กัดลิ้นไม่ทำให้ตายหรอกนะ”
การกัดลิ้นจะทำให้เจ็บและเสียเวลาเปล่า
……
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ซูอันนั่งขัดสมาธิบนฟูกและอยู่ในท่าฝึกตน
พลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา มันถูกแปลงเป็นพลังวิญญาณต่อเนื่องและชำระพลังดั้งเดิมให้บริสุทธิ์มากขึ้น
จิตวิญญาณค่อยๆ กลายเป็นแก่นสาร สามจิตเจ็ดวิญญาณ [1] ในร่างกายควบแน่นขึ้นทุกขณะ สุดท้ายกลายเป็นขุมกักเก็บพลังวิญญาณมหาศาลที่เรียกว่า ‘จื่อฝู่’
“ระดับจื่อฝู่เชียวหรือ อืม ผลของกายอินบริสุทธิ์นี้ทรงพลังจริงๆ”
ระดับกลั่นลมปราณยังอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดซึ่งถือว่าเป็นมนุษย์ หากได้เข้าสู่ระดับชี้วิถีเต๋า หมายความว่าก้าวสู่ประตูแห่งการบ่มเพาะ ดังนั้นระดับชี้วิถีเต๋าและขอบเขตก่อกำเนิดคือความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกตนกับมนุษย์ เมื่อสามจิตเจ็ดวิญญาณรวมตัวอยู่ในระดับจื่อฝู่จะสามารถปลูกฝังอักษรเวทในขุมกักเก็บพลังวิญญาณได้
ก่อนเข้าสู่ระดับจื่อฝู่ ในยามต่อสู้จะใช้ได้เพียงอาวุธจริงๆ ของมนุษย์เท่านั้น
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การฝึกตนของเขาที่พัฒนาขึ้น แต่เขายังรู้สึกว่าพลังวิญญาณได้รับการปรับปรุงไปสู่ระดับที่สูงกว่าและพลังเวทไหลเวียนราบรื่นขึ้นด้วย
นี่คือผลจากกายอินบริสุทธิ์กายนั้น
โฮสต์ : ซูอัน
พลังวิญญาณ : ระดับจื่อฝู่ขั้นต้น
วิทยายุทธเสินทง : เคล็ดวิชาชี่หลอมโจวเทียน, เคล็ดวิชากระบี่ต้าโจวเทียน, เคล็ดวิชามุทราเจินเสวียน
สูตรโกง : ผลเต๋าอายุยืน
ความพิเศษ : รัศมีตัวร้าย
คะแนนตัวร้าย : 1500
ระบบร้านค้า : เปิดใช้งาน
คะแนนตัวร้ายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 600 คะแนน ซูอันจึงแตะที่หัวข้อประวัติ
[ล่อลวงตัวเอกหญิงเยี่ยหลีเอ๋อร์และหลอกให้นางยอมควบรวมอินหยาง คะแนนตัวร้าย +600]
นี่มันเทียบเท่าคะแนนสองในสามจากการฆ่าตัวเอกขันที
เมื่อเปิดระบบร้านค้าจะพบกับทุกสรรพสิ่งในนั้น ตั้งแต่เคล็ดวิชา อาวุธเวทและของจิปาถะ
ซูอันกลอกตาใช้ความคิด
ในร้านค้าแห่งนี้ สิ่งที่เขาสามารถซื้อได้กลับไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สำหรับสิ่งที่ต้องการนั้นยังซื้อไม่ได้
ตัวอย่างเช่น เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกเพื่อใช้เปิดโลกภายในได้ แต่คะแนนตัวร้ายต้องถึง 10000
จะต้องสังหารตัวเอกอีกกี่คน!
ก่อนที่เขาจะออกจากระบบร้านค้า สายตาพลันเหลือบเห็นวงล้ออยู่ตรงมุมระบบร้านค้า
ใช้คะแนนตัวร้าย 1000 ต่อการหมุนวงล้อ 1 ครั้ง
ราคาสูงเกินไป!
เขายกมือแตะคางพลางใช้ความคิด วงล้อนี้เป็นการเสี่ยงโชค ดังนั้นทางเลือกที่ชาญฉลาดคือเก็บคะแนนตัวร้ายไว้เพื่อซื้อสิ่งจำเป็นในอนาคตดีกว่า
เขาจึง...
“หมุน!”
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ได้รับสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียน...ห่วงวัชระ]
“ซี้ด...”
ซูอันสูดหายใจเข้าลึก...ห่วงวัชระ เขาเข้าใจถูกต้องหรือไม่?
เขาสามารถครอบครองอาวุธในตำนานได้หรือ?!
[ห่วงวัชระ : กำเนิดจากดินแดนตะวันตก เหล่าจวินหลอมจากน้ำอมฤต หล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณ สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งและปรับแต่งเป็นกำไลวัชระได้]
ไม่ผิด!
เขามองแสงสีขาวในมือที่ปรากฏเป็นวงกลมไม่เด่นชัด
ซูอันไม่กล้าประมาทจึงรีบปรับแต่งห่วงนี้ อาจเพราะมันมาจากระบบจึงทำให้ห่วงวัชระถูกปรับเปลี่ยนรูปร่างโดยง่ายดายและกลายเป็นกำไลข้อมือสีขาวบนมือของเขา
สมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนนี้สามารถดูดกลืนอาวุธเวทได้ทุกชนิด มันจึงเป็นศัตรูของอาวุธเวททั้งหลาย
ด้วยกำไลข้อมือวงนี้ เขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าอาวุธเวทของคนอื่นจะมีพลังมากกว่าของตน
เดิมทีอาวุธเวทของอีกฝ่ายอาจแข็งแกร่งมาก แต่ในครั้งต่อไปมันจะกลายเป็นของเขาแทน
สำหรับการโจมตีศัตรูโดยตรงไม่ใช่คุณสมบัติของห่วงวัชระ แน่นอนว่าเหล่าจวินโจมตีศัตรูด้วยอาวุธเทพมากกว่า คงไม่ใช้ห่วงวัชระไปฟาดใคร
ด้วยอาวุธเวทนี้ทำให้ซูอันมีความมั่นใจมากขึ้น
“เยี่ยเสวียนเอ๋ยเยี่ยเสวียน ข้ากำลังรอเจ้าอยู่”
……
ใต้ภูเขาเขียวเงียบสงบ มีบุรุษในอาภรณ์เรียบง่ายทว่าหล่อเหลาคนหนึ่งเดินไปตามถนนมุ่งสู่เมืองหลวง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ น้องเล็ก”
“ครั้งนี้ข้าสามารถลงจากเขาเพื่อเจอทุกคนได้แล้ว”
ใบหน้าของชายหนุ่มมีความตื่นเต้นยินดี เขาอยู่บนภูเขานานกว่าสิบปี ในที่สุดก็สำเร็จวิชาและท่านอาจารย์อนุญาตให้ลงจากเขาได้
อาจารย์ยังกล่าวด้วยว่าความสามารถของเขาถือเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ของต้าซาง
สายตาของเขามองไปยังผู้คนที่สัญจรรอบกาย จากนั้นเขาเชิดหน้าขึ้นและเหยียดยิ้มมุมปากด้วยความดูแคลน
อนาคตโลกจะต้องเป็นของเขา
ชื่อของราชวงศ์นี้ควรเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เยี่ย!
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
เมื่อเดินเข้าสู่เขตเมืองหลวง เขามุ่งหน้าต่อไปตามความทรงจำเพื่อกลับบ้าน รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัวอีกครั้ง
กระทั่งเขาได้เห็นตราผนึกขนาดใหญ่สองแผ่นติดไขว้กันที่หน้าประตู เขาก็ตกตะลึง
“เฮ้อ ตระกูลเยี่ยเคยเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่พูดในสิ่งไม่สมควรจะพูด” ผู้คนที่เดินผ่านหน้าบ้านตระกูลเยี่ยได้แต่มองประตูที่ปิดสนิทแล้วส่ายหัว
“น่าเสียดายลูกสาวของตระกูลเยี่ยคนนั้น กล่าวกันว่านางทั้งงดงาม มีการศึกษาสูง สมเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่ เมื่อก่อนมีบุรุษมากมายมาสู่ขอ ทว่าตอนนี้นาง...”
“พี่หวัง ระวังคำพูดด้วย โปรดระวังคำพูด!” คนที่อยู่ข้างๆ รีบดึงศอกของเขาไว้เพื่อเตือนสติ
หากมีใครได้ยินพวกเขานินทาบุคคลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง เกรงว่าพวกเขาจะถูกทุบตีจนตายกลางถนนจริงๆ
“ใคร! เป็นฝีมือของใคร?!”
เสียงแหบห้าวดังขึ้น
ดวงตาที่ชัดเจนของเยี่ยเสวียนแดงก่ำ อารมณ์ที่ผ่อนคลายหายไปจากร่างของเขาและสายตาจ้องมองไปที่ผู้สัญจรทั้งสองคน
รัศมีของระดับจื่อฝู่เปล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลายคนตกใจกับการแสดงออกที่น่าสะพรึงกลัวของเยี่ยเสวียนและเห็นว่านี่คือผู้ฝึกตนระดับจื่อฝู่ ทำให้ผู้สัญจรแซ่หวังมีสีหน้าขมขื่นและเขาสามารถบอกทุกสิ่งที่รู้ด้วยเสียงสั่นเทาเท่านั้น
โคตร*เอ๊ย ปากพาซวยขนานแท้!
คราวนี้แม้ว่าจะทุบตีเขาจนตายก็ไม่กล้าพูดเหลวไหลอีก
“ซูอัน!!!”
เสียงนั้นเหมือนนกกาเหว่าร้องไห้เป็นเลือด รังสีความเกลียดชังสะเทือนก้องไปทั่วนภา
……
“มาแล้วหรือ”
เมื่อฟังรายงานจากสายลับหน่วยวิหคดำ ซูอันยังนั่งจิบชาด้วยความใจเย็น ทว่าดวงตาของเขามืดมนลึกล้ำ
นับเป็นคืนฆาตกรรมที่พระจันทร์เร้นกายและลมแรง เขาอยากรู้ว่าคืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต?
เชิงอรรถ
[1] สามจิตเจ็ดวิญญาณ (三魂七魄) สามจิต ได้แก่ ฟ้า ดิน คน , เจ็ดวิญญาณ ได้แก่ รัก โลภ โกรธ หลง เศร้า กลัว ดีใจ