ตอนที่แล้วตอนที่ 3 เยี่ยหลีเอ๋อร์ในห้องลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ทิ้งจอกสุราส่งสัญญาณ

ตอนที่ 4 คืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต


ตอนที่ 4 คืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต

“อะ...อึก...”

  

นิ้วของซูอันบีบแก้มของเยี่ยหลีเอ๋อร์แล้วพูดเย้ยหยันว่า

  

“คงไม่คิดจะใช้วิธีนี้ฆ่าตัวตายกระมัง เด็กโง่ แค่กัดลิ้นไม่ทำให้ตายหรอกนะ”

  

การกัดลิ้นจะทำให้เจ็บและเสียเวลาเปล่า

  ……

ครึ่งชั่วยามต่อมา

  

ซูอันนั่งขัดสมาธิบนฟูกและอยู่ในท่าฝึกตน

  

พลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา มันถูกแปลงเป็นพลังวิญญาณต่อเนื่องและชำระพลังดั้งเดิมให้บริสุทธิ์มากขึ้น

  

จิตวิญญาณค่อยๆ กลายเป็นแก่นสาร สามจิตเจ็ดวิญญาณ [1] ในร่างกายควบแน่นขึ้นทุกขณะ สุดท้ายกลายเป็นขุมกักเก็บพลังวิญญาณมหาศาลที่เรียกว่า ‘จื่อฝู่’

  

“ระดับจื่อฝู่เชียวหรือ อืม ผลของกายอินบริสุทธิ์นี้ทรงพลังจริงๆ”

  

ระดับกลั่นลมปราณยังอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดซึ่งถือว่าเป็นมนุษย์ หากได้เข้าสู่ระดับชี้วิถีเต๋า หมายความว่าก้าวสู่ประตูแห่งการบ่มเพาะ ดังนั้นระดับชี้วิถีเต๋าและขอบเขตก่อกำเนิดคือความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกตนกับมนุษย์ เมื่อสามจิตเจ็ดวิญญาณรวมตัวอยู่ในระดับจื่อฝู่จะสามารถปลูกฝังอักษรเวทในขุมกักเก็บพลังวิญญาณได้

  

ก่อนเข้าสู่ระดับจื่อฝู่ ในยามต่อสู้จะใช้ได้เพียงอาวุธจริงๆ ของมนุษย์เท่านั้น

  

ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การฝึกตนของเขาที่พัฒนาขึ้น แต่เขายังรู้สึกว่าพลังวิญญาณได้รับการปรับปรุงไปสู่ระดับที่สูงกว่าและพลังเวทไหลเวียนราบรื่นขึ้นด้วย

  

นี่คือผลจากกายอินบริสุทธิ์กายนั้น

  

โฮสต์ : ซูอัน

  

พลังวิญญาณ : ระดับจื่อฝู่ขั้นต้น

  

วิทยายุทธเสินทง : เคล็ดวิชาชี่หลอมโจวเทียน, เคล็ดวิชากระบี่ต้าโจวเทียน, เคล็ดวิชามุทราเจินเสวียน

  

สูตรโกง : ผลเต๋าอายุยืน

  

ความพิเศษ : รัศมีตัวร้าย

  

คะแนนตัวร้าย : 1500

  

ระบบร้านค้า : เปิดใช้งาน

  

คะแนนตัวร้ายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 600 คะแนน ซูอันจึงแตะที่หัวข้อประวัติ

  

[ล่อลวงตัวเอกหญิงเยี่ยหลีเอ๋อร์และหลอกให้นางยอมควบรวมอินหยาง คะแนนตัวร้าย +600]

  

นี่มันเทียบเท่าคะแนนสองในสามจากการฆ่าตัวเอกขันที

  

เมื่อเปิดระบบร้านค้าจะพบกับทุกสรรพสิ่งในนั้น ตั้งแต่เคล็ดวิชา อาวุธเวทและของจิปาถะ

  

ซูอันกลอกตาใช้ความคิด

  

ในร้านค้าแห่งนี้ สิ่งที่เขาสามารถซื้อได้กลับไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สำหรับสิ่งที่ต้องการนั้นยังซื้อไม่ได้

  

ตัวอย่างเช่น เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกเพื่อใช้เปิดโลกภายในได้ แต่คะแนนตัวร้ายต้องถึง 10000

  

จะต้องสังหารตัวเอกอีกกี่คน!

  

ก่อนที่เขาจะออกจากระบบร้านค้า สายตาพลันเหลือบเห็นวงล้ออยู่ตรงมุมระบบร้านค้า

  

ใช้คะแนนตัวร้าย 1000 ต่อการหมุนวงล้อ 1 ครั้ง

  

ราคาสูงเกินไป!

  

เขายกมือแตะคางพลางใช้ความคิด วงล้อนี้เป็นการเสี่ยงโชค ดังนั้นทางเลือกที่ชาญฉลาดคือเก็บคะแนนตัวร้ายไว้เพื่อซื้อสิ่งจำเป็นในอนาคตดีกว่า

  

เขาจึง...

“หมุน!”

  

[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ได้รับสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียน...ห่วงวัชระ]

  

“ซี้ด...”

  

ซูอันสูดหายใจเข้าลึก...ห่วงวัชระ เขาเข้าใจถูกต้องหรือไม่?

  

เขาสามารถครอบครองอาวุธในตำนานได้หรือ?!

  

[ห่วงวัชระ : กำเนิดจากดินแดนตะวันตก เหล่าจวินหลอมจากน้ำอมฤต หล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณ สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งและปรับแต่งเป็นกำไลวัชระได้]

  

ไม่ผิด!

  

เขามองแสงสีขาวในมือที่ปรากฏเป็นวงกลมไม่เด่นชัด

  

ซูอันไม่กล้าประมาทจึงรีบปรับแต่งห่วงนี้ อาจเพราะมันมาจากระบบจึงทำให้ห่วงวัชระถูกปรับเปลี่ยนรูปร่างโดยง่ายดายและกลายเป็นกำไลข้อมือสีขาวบนมือของเขา

  

  สมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนนี้สามารถดูดกลืนอาวุธเวทได้ทุกชนิด มันจึงเป็นศัตรูของอาวุธเวททั้งหลาย

  

ด้วยกำไลข้อมือวงนี้ เขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าอาวุธเวทของคนอื่นจะมีพลังมากกว่าของตน

  

เดิมทีอาวุธเวทของอีกฝ่ายอาจแข็งแกร่งมาก แต่ในครั้งต่อไปมันจะกลายเป็นของเขาแทน

  

สำหรับการโจมตีศัตรูโดยตรงไม่ใช่คุณสมบัติของห่วงวัชระ แน่นอนว่าเหล่าจวินโจมตีศัตรูด้วยอาวุธเทพมากกว่า คงไม่ใช้ห่วงวัชระไปฟาดใคร

  

ด้วยอาวุธเวทนี้ทำให้ซูอันมีความมั่นใจมากขึ้น

  

“เยี่ยเสวียนเอ๋ยเยี่ยเสวียน ข้ากำลังรอเจ้าอยู่”

  ……

ใต้ภูเขาเขียวเงียบสงบ มีบุรุษในอาภรณ์เรียบง่ายทว่าหล่อเหลาคนหนึ่งเดินไปตามถนนมุ่งสู่เมืองหลวง

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ น้องเล็ก”

  

“ครั้งนี้ข้าสามารถลงจากเขาเพื่อเจอทุกคนได้แล้ว”

  

ใบหน้าของชายหนุ่มมีความตื่นเต้นยินดี เขาอยู่บนภูเขานานกว่าสิบปี ในที่สุดก็สำเร็จวิชาและท่านอาจารย์อนุญาตให้ลงจากเขาได้

  

อาจารย์ยังกล่าวด้วยว่าความสามารถของเขาถือเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ของต้าซาง

  

สายตาของเขามองไปยังผู้คนที่สัญจรรอบกาย จากนั้นเขาเชิดหน้าขึ้นและเหยียดยิ้มมุมปากด้วยความดูแคลน

  

อนาคตโลกจะต้องเป็นของเขา

  

ชื่อของราชวงศ์นี้ควรเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เยี่ย!

  

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

  

เมื่อเดินเข้าสู่เขตเมืองหลวง เขามุ่งหน้าต่อไปตามความทรงจำเพื่อกลับบ้าน รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัวอีกครั้ง

  

กระทั่งเขาได้เห็นตราผนึกขนาดใหญ่สองแผ่นติดไขว้กันที่หน้าประตู เขาก็ตกตะลึง

“เฮ้อ ตระกูลเยี่ยเคยเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่พูดในสิ่งไม่สมควรจะพูด” ผู้คนที่เดินผ่านหน้าบ้านตระกูลเยี่ยได้แต่มองประตูที่ปิดสนิทแล้วส่ายหัว

“น่าเสียดายลูกสาวของตระกูลเยี่ยคนนั้น กล่าวกันว่านางทั้งงดงาม มีการศึกษาสูง สมเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่ เมื่อก่อนมีบุรุษมากมายมาสู่ขอ ทว่าตอนนี้นาง...”

  

“พี่หวัง ระวังคำพูดด้วย โปรดระวังคำพูด!” คนที่อยู่ข้างๆ รีบดึงศอกของเขาไว้เพื่อเตือนสติ

  

หากมีใครได้ยินพวกเขานินทาบุคคลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง เกรงว่าพวกเขาจะถูกทุบตีจนตายกลางถนนจริงๆ

“ใคร! เป็นฝีมือของใคร?!”

  

เสียงแหบห้าวดังขึ้น

  

ดวงตาที่ชัดเจนของเยี่ยเสวียนแดงก่ำ อารมณ์ที่ผ่อนคลายหายไปจากร่างของเขาและสายตาจ้องมองไปที่ผู้สัญจรทั้งสองคน

  

รัศมีของระดับจื่อฝู่เปล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว

  

หลายคนตกใจกับการแสดงออกที่น่าสะพรึงกลัวของเยี่ยเสวียนและเห็นว่านี่คือผู้ฝึกตนระดับจื่อฝู่ ทำให้ผู้สัญจรแซ่หวังมีสีหน้าขมขื่นและเขาสามารถบอกทุกสิ่งที่รู้ด้วยเสียงสั่นเทาเท่านั้น

  

โคตร*เอ๊ย ปากพาซวยขนานแท้!

  

คราวนี้แม้ว่าจะทุบตีเขาจนตายก็ไม่กล้าพูดเหลวไหลอีก

“ซูอัน!!!”

  

เสียงนั้นเหมือนนกกาเหว่าร้องไห้เป็นเลือด รังสีความเกลียดชังสะเทือนก้องไปทั่วนภา

  ……

“มาแล้วหรือ”

  

เมื่อฟังรายงานจากสายลับหน่วยวิหคดำ ซูอันยังนั่งจิบชาด้วยความใจเย็น ทว่าดวงตาของเขามืดมนลึกล้ำ

  

นับเป็นคืนฆาตกรรมที่พระจันทร์เร้นกายและลมแรง เขาอยากรู้ว่าคืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต?

เชิงอรรถ

[1] สามจิตเจ็ดวิญญาณ (三魂七魄) สามจิต ได้แก่ ฟ้า ดิน คน , เจ็ดวิญญาณ ได้แก่ รัก โลภ โกรธ หลง เศร้า กลัว ดีใจ