ตอนที่แล้วตอนที่ 309
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 311

ตอนที่ 310


ตอนที่ 310

ในยามรุ่งสาง ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวลอยล่องราวกับภาพวาดที่สวยงาม

 อากาศยามเช้าดูสดชื่นเป็นพิเศษ

เหล่าลูกศิษย์ของ นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ แต่งตัวกันแต่เช้าตรู่และมารอที่ประตูทางเข้าดินแดนนภาด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า

 ผู้คนมากมายอยากดูการแข่งขันอันน่าตื่นเต้นในวันนี้

  ท้ายที่สุดแล้ว อัจฉริยะเหล่านี้ไม่ได้มารวมตัวกันอยู่บ่อยๆ

 อีกทั้งยังมีผู้ที่มุ่งมั่นเพื่ออันดับที่สูงขึ้นอีกด้วย

 ความพยายามอย่างหนักทั้งหมดที่ทำมายาวนานในที่สุดก็ได้โอกาสแสดงให้เห็นในวันนี้

เหล่าลูกศิษย์รวมตัวกัน ดินแดนนภานั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก แม้ว่าศิษย์ของนิกายทั้งหมดจะเข้ามารวมกัน พวกเขาก็ไม่รู้สึกแออัด

ที่ใจกลาง มีสนามประลองหลายร้อยแห่งที่ทำจากเหล็กดำปรากฏอยู่ระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน

 เหมือนเช่นเคย สนามประลองเหล่านี้หยั่งรากลึกลงสู่พื้นดินอย่างหนาแน่น

การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การต่อสู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแข่งขันหลอมโอสถ สร้างอาคม และความสามารถสายอื่นอีกด้วย

แต่แน่นอนว่าการแข่งขันหลักก็ยังคงเป็นการประลองการต่อสู้

 นี่เป็นพิธีการแข่งขันขนาดใหญ่ครั้งแรกที่ผู้นำนิกายเซียวเป็นเจ้าภาพเอง

เขาสวมชุดคลุมสีทองและยืนอยู่หน้าแท่นวงแหวนด้วยท่าทางสง่างาม

พลังระดับ 8 ของเขาแพร่กระจายออกมา

 พายุพลังจิตวิญญาณกำลังพลุ่งพล่านในท้องฟ้า

 สั่นสะเทือนไปทั่วดินแดนนภา

 นี่เป็นสัญลักษณ์พี่บ่งบอกว่าตัวเขานั้นได้ก้าวเข้าสู่ระดับ 8 แล้ว

 รอบๆแท่นวงแหวนก็มีที่นั่งมากกว่าหนึ่งโหล

นอกจากผู้นำนิกายเซียวแล้ว รองผู้นำนิกาย เต๋าเสี่ยวโม่ ที่สวมชุดคลุมสีเขียวเองก็เดินเข้ามามาอย่างช้าๆ จากระยะไกล

 พลังระดับ 7  ที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวเขาก็ทำให้ผู้คนประหลาดใจไม่แพ้กัน

 แรงกดดันนี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเห็นได้ชัดว่ามันไปถึงขอบระดับ 7 สูงสุดแล้ว

 ถ้าหากถามว่าอีกไกลเท่าใดกว่าจะทะลวงเข้าสู่ระดับ 8 ได้ ก็ตอบได้เพียงว่าอีกก้าวเดียวเท่านั้น

สำหรับผู้อาวุโสทั้ง 7 นั้นเนื่องจากกูอาวุโสหกถูกกักบริเวณอยู่ ตอนนี้จึงเหลือเพียงหกคนเท่านั้น

 ผู้อาวุโสทั้งหกสวมชุดคลุมสีขาวเดินขึ้นไปบนแท่นวงแหวนเพื่อเดินไปยังที่นั่งของตน

สายลมคำราม  และทุกย่างก้าวของเหล่าผู้อาวุโสก็เต็มไปด้วยพลัง และเกิดเป็นเมฆกลมกระจายออกมาทุกก้าวที่เดิน

 ศิษย์บางคนก็ตีกลองสงครามจากระยะไกล

 เสียงกลอง "ปัง ปัง ปัง" ดังก้องไปทั่วโลก

 ทุกครั้งที่ไม้ตีกลองสีแดงถูกตีลงไป ผ้าสีแดงที่ผูกอยู่ก็จะกระพือปีก

 เสียงกลองนี้ทำให้รู้สึกถึงความร้อนรุ่มและความตื่นเต้นก่อนที่พายุจะมา

ไม่นานกลองสงครามนี้ช่วยผลักดันให้บรรยากาศการประลองขึ้นสู่ระดับสูงสุด

ราวกับว่าพวกมันสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในหัวใจของทุกคนได้

 ด้วยการมาถึงของศิษย์สายตรงหลายคน บรรยากาศในงานก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น

ภาพฉากเหตุการณ์ทั้งหมดราวกับระเบิดออกมา

 ท่านเซียงเฉียนเหิง

 เทพธิดาเยือกแข็งเจียงซีเอ๋อ

นักล่าดาบเซี่ยจี่เหอ

จื่อหมิงบุตรแห่งอาคม

 21 ดาบราชาไร้พ่าย

-

 เมื่อเหล่าศิษย์สายตรงที่มีตำนานมากมายมารวมตัวกัน เจ้าจะจินตนาการได้เลยว่าบรรยากาศอบอุ่นขนาดไหน

เต๋าซุนมองไปที่เหล่าศิษย์ที่กำลังส่งเสียงเชียร์ด้านล่างและหัวเราะเบา ๆ

ในฐานะบุตรแห่งสวรรค์  เขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันประเภทนี้แม้แต่น้อย

และเช่นเดียวกับผู้อาวุโสทั้ง 6 เขาเองก็ได้รับที่นั่งพิเศษอยู่บนแท่นวงแหวน

บางทีสำหรับศิษย์ธรรมดาของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ลูกศิษย์สายตรงเหล่านี้อาจเป็นเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจะไล่ตาม

  เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงในใจของพวกเขา

 แต่สำหรับเต๋าซุน สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมานั้นไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่กำลังละเล่น

 เมื่อใดที่พิธีการแข่งขันสิ้นสุดลง เต๋าซุนก็พร้อมที่จะออกจากนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์

 ถึงตอนนั้น มันก็สมควรแก่เวลาแล้วที่เขาจะก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ต่อไป

เขายังคงต้องไปจัดการธุระที่นัดหมายกับเผ่ากู่หมิง  และสุดท้ายก็ต้องไปที่วัดพุทธฝังศพ

-

ผู้นำนิกายเซียวยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเวที มองไปที่เหล่าศิษย์ด้านล่างที่มาเข้าร่วมหรือชมการต่อสู้

 “เจ้าทุกคนคือความหวังในอนาคตของนิกายของเรา!”

 เขาพูดด้วยน้ำเสียงสูงส่ง

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับสูงนั้นเป็นรากฐานของนิกาย

 แม้ว่าพวกเจ้าคนรุ่นใหม่ บางทีตอนนี้จะยังอ่อนแอมากอยู่

 แต่ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งเจ้าจะกลายเป็นอนาคตของนิกายได้และเป็นผู้ยกระดับความสูงส่งของนิกาย

 จงมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่นี้

 ในฐานะผู้นำของพระเจ้า ข้ารู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมาก ‘’

ผู้นำนิกายเซียวหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ จากนั้นค่อย ๆ หายใจออกและตะโกนอีกครั้ง

“ข้าหวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้อันดับที่ดีในการประลองครั้งนี้

 เพราะนั่นจะหมายความว่านิกายควรจะมอบทรัพยากรในการบ่มเพาะให้พวกพวกเจ้ามากเพียงใดในอนาคต

 พวกเจ้าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม และการประลองครั้งนี้ก็จะถูกดำเนินการอย่างยุติธรรม  ”

ขณะที่ผู้นำนิกายเซียวประกาศเริ่มพิธีการแข่งขันยังเป็นทางการ ท้องฟ้าก็ก้องกังวาลไปด้วยเสียงโห่ร้องของทุกคน

  กฎของการประลองนั้นเรียบง่าย

  ศิษย์สายนอกกับศิษย์สายนอกประลองกัน

 ส่วนศิษย์สายในก็ประลองกับศิษย์สายใน

 สุดท้ายก็เป็นการประลองหลักซึ่งก็คือการต่อสู้ระหว่างศิษย์สายตรง

แน่นอนว่าผู้ชนะสามอันดับแรกจากศิษย์สายในและสายนอกก็มีคุณสมบัติที่จะท้าประลองกับศิษย์สายตรงได้

 นี่คือส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการแข่งขันประจำปี

แม้ว่าการประลองระหว่างศิษย์ชั้นในและศิษย์สายตรงส่วนใหญ่จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มักจะมีม้ามืดปรากฏขึ้นบ้างในทุกปี

 ศิษย์สายตรงนั้นใช้เวลาฝึกฝนมานานกว่ามาก แถมพวกเขายังได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสทั้งเจ็ดเองอีกด้วย

 พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับจักรพรรดิสูงสุดทั้งสิ้น  และแม้แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แย่สุดก็ยังมีระดับพรสวรรค์ที่จักรพรรดิทั่วไปควรมี

 ในหมู่ศิษย์สายใน ผู้ที่มีระดับการฝึกฝนสูงสุดนั้นจะอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับ 5

 และยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงส่งขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งยากต่อการก้าวข้ามยิ่งขึ้น

-

 หวู่เฟิง สู้กับ เฉาซิน  , จั่วหยาน สู้กับ เฉิงอยู่ ………….

ขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่ประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขัน ศิษย์แต่ละคนก็ก้าวขึ้นไปบนสังเวียน

  โดยพื้นฐานแล้ว  สนามประลองนับร้อยจะแข่งขันพร้อมกัน

 ด้วยวิธีนี้การประลองจะดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว

 การประลองระหว่างศิษย์สายนอกนั้นไม่น่าสนใจที่จะดู ระดับพลังยุทธ์ของพวกเขาต่ำเกินไป และประสบการณ์การต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสบางคนก็คอยพิจารณาดูอยู่อย่างรอบคอบ โดยน่าจะมองหาคนที่มีความสามารถอยู่ในหมู่พวกเขา

เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ระหว่างศิษย์สายนอกแล้ว การต่อสู้ระหว่างศิษย์สายในนั้นน่าตื่นเต้นกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

 และคนที่ได้รับความสนใจจากเต๋าซุนก็คือจื่อไป๋หยู่

 นางได้รับมรดกจากจักรพรรดิเฟยหยู่ และนางนำหน้าคนอื่นทั้งในด้านทรัพยากรและการฝึกฝน

ตอนนี้นางอยู่จุดสูงสุดของระดับ 5 แล้ว ดังนั้นจึงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มชื่อ เกาซวง แม้ว่าระดับพลังยุทธ์ของเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เทียบได้กับจุดสูงสุดของระดับ 5

ชายคนนี้มีสายเลือดของหมีคลั่งโบราณ และพลังของเขาก็อยู่กว่าระดับการบ่มเพาะเล็กน้อย

แม้แต่ยอดฝีมือระดับ 5 ทั่วไปก็ไม่อาจเผชิญหน้ากับเขาได้

มีศิษย์ที่โดดเด่นไม่มากนักในนิกายชั้นใน ตามมาตรฐานของ เต๋าซุน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาสนใจได้

นั่นก็คือชายหนุ่มผมสั้น สวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อน

ดวงตาของชายหนุ่มเย็นชาและเขาถือง้าวที่ทำจากเหล็กสีดำ

 การเคลื่อนไหวของเขาเปิดกว้าง ซึ่งดูค่อนข้างน่าประทับใจ

ง้าวเหล็กยาวสามเมตรและทั้งด้ามเป็นสีดำสนิท

มีมังกรสีทองยาวหลายตัวสลักอยู่บนนั้น และเมื่อมองแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่อาวุธธรรมดา

ทุกครั้งที่ชายหนุ่มร่ายรำ ง้าวเหล็กก็จะกระแทกพื้น และคลื่นวงแหวนเหล็กสีดำก็จะระเบิดออกมา

 ชายหนุ่มไม่เพียงแต่มีพลังอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับ 5 เท่านั้น    แต่เขายังมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในด้านประสบการณ์การต่อสู้และการใช้พลังแก่นชีวิต

 เมื่อมองแวบแรกเขาดูราวกับว่ากำเนิดขึ้นมาจากเลือดและไฟ

 “ชายคนนี้ชื่ออะไรหรือขอรับ” เต๋าซุนมองไปยังผู้อาวุโสอยู่ข้างๆแล้วถาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด