ตอนที่ 310
ตอนที่ 310
ในยามรุ่งสาง ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวลอยล่องราวกับภาพวาดที่สวยงาม
อากาศยามเช้าดูสดชื่นเป็นพิเศษ
เหล่าลูกศิษย์ของ นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ แต่งตัวกันแต่เช้าตรู่และมารอที่ประตูทางเข้าดินแดนนภาด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า
ผู้คนมากมายอยากดูการแข่งขันอันน่าตื่นเต้นในวันนี้
ท้ายที่สุดแล้ว อัจฉริยะเหล่านี้ไม่ได้มารวมตัวกันอยู่บ่อยๆ
อีกทั้งยังมีผู้ที่มุ่งมั่นเพื่ออันดับที่สูงขึ้นอีกด้วย
ความพยายามอย่างหนักทั้งหมดที่ทำมายาวนานในที่สุดก็ได้โอกาสแสดงให้เห็นในวันนี้
เหล่าลูกศิษย์รวมตัวกัน ดินแดนนภานั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก แม้ว่าศิษย์ของนิกายทั้งหมดจะเข้ามารวมกัน พวกเขาก็ไม่รู้สึกแออัด
ที่ใจกลาง มีสนามประลองหลายร้อยแห่งที่ทำจากเหล็กดำปรากฏอยู่ระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน
เหมือนเช่นเคย สนามประลองเหล่านี้หยั่งรากลึกลงสู่พื้นดินอย่างหนาแน่น
การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การต่อสู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแข่งขันหลอมโอสถ สร้างอาคม และความสามารถสายอื่นอีกด้วย
แต่แน่นอนว่าการแข่งขันหลักก็ยังคงเป็นการประลองการต่อสู้
นี่เป็นพิธีการแข่งขันขนาดใหญ่ครั้งแรกที่ผู้นำนิกายเซียวเป็นเจ้าภาพเอง
เขาสวมชุดคลุมสีทองและยืนอยู่หน้าแท่นวงแหวนด้วยท่าทางสง่างาม
พลังระดับ 8 ของเขาแพร่กระจายออกมา
พายุพลังจิตวิญญาณกำลังพลุ่งพล่านในท้องฟ้า
สั่นสะเทือนไปทั่วดินแดนนภา
นี่เป็นสัญลักษณ์พี่บ่งบอกว่าตัวเขานั้นได้ก้าวเข้าสู่ระดับ 8 แล้ว
รอบๆแท่นวงแหวนก็มีที่นั่งมากกว่าหนึ่งโหล
นอกจากผู้นำนิกายเซียวแล้ว รองผู้นำนิกาย เต๋าเสี่ยวโม่ ที่สวมชุดคลุมสีเขียวเองก็เดินเข้ามามาอย่างช้าๆ จากระยะไกล
พลังระดับ 7 ที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวเขาก็ทำให้ผู้คนประหลาดใจไม่แพ้กัน
แรงกดดันนี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเห็นได้ชัดว่ามันไปถึงขอบระดับ 7 สูงสุดแล้ว
ถ้าหากถามว่าอีกไกลเท่าใดกว่าจะทะลวงเข้าสู่ระดับ 8 ได้ ก็ตอบได้เพียงว่าอีกก้าวเดียวเท่านั้น
สำหรับผู้อาวุโสทั้ง 7 นั้นเนื่องจากกูอาวุโสหกถูกกักบริเวณอยู่ ตอนนี้จึงเหลือเพียงหกคนเท่านั้น
ผู้อาวุโสทั้งหกสวมชุดคลุมสีขาวเดินขึ้นไปบนแท่นวงแหวนเพื่อเดินไปยังที่นั่งของตน
สายลมคำราม และทุกย่างก้าวของเหล่าผู้อาวุโสก็เต็มไปด้วยพลัง และเกิดเป็นเมฆกลมกระจายออกมาทุกก้าวที่เดิน
ศิษย์บางคนก็ตีกลองสงครามจากระยะไกล
เสียงกลอง "ปัง ปัง ปัง" ดังก้องไปทั่วโลก
ทุกครั้งที่ไม้ตีกลองสีแดงถูกตีลงไป ผ้าสีแดงที่ผูกอยู่ก็จะกระพือปีก
เสียงกลองนี้ทำให้รู้สึกถึงความร้อนรุ่มและความตื่นเต้นก่อนที่พายุจะมา
ไม่นานกลองสงครามนี้ช่วยผลักดันให้บรรยากาศการประลองขึ้นสู่ระดับสูงสุด
ราวกับว่าพวกมันสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในหัวใจของทุกคนได้
ด้วยการมาถึงของศิษย์สายตรงหลายคน บรรยากาศในงานก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
ภาพฉากเหตุการณ์ทั้งหมดราวกับระเบิดออกมา
ท่านเซียงเฉียนเหิง
เทพธิดาเยือกแข็งเจียงซีเอ๋อ
นักล่าดาบเซี่ยจี่เหอ
จื่อหมิงบุตรแห่งอาคม
21 ดาบราชาไร้พ่าย
-
เมื่อเหล่าศิษย์สายตรงที่มีตำนานมากมายมารวมตัวกัน เจ้าจะจินตนาการได้เลยว่าบรรยากาศอบอุ่นขนาดไหน
เต๋าซุนมองไปที่เหล่าศิษย์ที่กำลังส่งเสียงเชียร์ด้านล่างและหัวเราะเบา ๆ
ในฐานะบุตรแห่งสวรรค์ เขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันประเภทนี้แม้แต่น้อย
และเช่นเดียวกับผู้อาวุโสทั้ง 6 เขาเองก็ได้รับที่นั่งพิเศษอยู่บนแท่นวงแหวน
บางทีสำหรับศิษย์ธรรมดาของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ลูกศิษย์สายตรงเหล่านี้อาจเป็นเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจะไล่ตาม
เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงในใจของพวกเขา
แต่สำหรับเต๋าซุน สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมานั้นไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่กำลังละเล่น
เมื่อใดที่พิธีการแข่งขันสิ้นสุดลง เต๋าซุนก็พร้อมที่จะออกจากนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์
ถึงตอนนั้น มันก็สมควรแก่เวลาแล้วที่เขาจะก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ต่อไป
เขายังคงต้องไปจัดการธุระที่นัดหมายกับเผ่ากู่หมิง และสุดท้ายก็ต้องไปที่วัดพุทธฝังศพ
-
ผู้นำนิกายเซียวยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเวที มองไปที่เหล่าศิษย์ด้านล่างที่มาเข้าร่วมหรือชมการต่อสู้
“เจ้าทุกคนคือความหวังในอนาคตของนิกายของเรา!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงสูงส่ง
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับสูงนั้นเป็นรากฐานของนิกาย
แม้ว่าพวกเจ้าคนรุ่นใหม่ บางทีตอนนี้จะยังอ่อนแอมากอยู่
แต่ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งเจ้าจะกลายเป็นอนาคตของนิกายได้และเป็นผู้ยกระดับความสูงส่งของนิกาย
จงมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่นี้
ในฐานะผู้นำของพระเจ้า ข้ารู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมาก ‘’
ผู้นำนิกายเซียวหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ จากนั้นค่อย ๆ หายใจออกและตะโกนอีกครั้ง
“ข้าหวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้อันดับที่ดีในการประลองครั้งนี้
เพราะนั่นจะหมายความว่านิกายควรจะมอบทรัพยากรในการบ่มเพาะให้พวกพวกเจ้ามากเพียงใดในอนาคต
พวกเจ้าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม และการประลองครั้งนี้ก็จะถูกดำเนินการอย่างยุติธรรม ”
ขณะที่ผู้นำนิกายเซียวประกาศเริ่มพิธีการแข่งขันยังเป็นทางการ ท้องฟ้าก็ก้องกังวาลไปด้วยเสียงโห่ร้องของทุกคน
กฎของการประลองนั้นเรียบง่าย
ศิษย์สายนอกกับศิษย์สายนอกประลองกัน
ส่วนศิษย์สายในก็ประลองกับศิษย์สายใน
สุดท้ายก็เป็นการประลองหลักซึ่งก็คือการต่อสู้ระหว่างศิษย์สายตรง
แน่นอนว่าผู้ชนะสามอันดับแรกจากศิษย์สายในและสายนอกก็มีคุณสมบัติที่จะท้าประลองกับศิษย์สายตรงได้
นี่คือส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการแข่งขันประจำปี
แม้ว่าการประลองระหว่างศิษย์ชั้นในและศิษย์สายตรงส่วนใหญ่จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มักจะมีม้ามืดปรากฏขึ้นบ้างในทุกปี
ศิษย์สายตรงนั้นใช้เวลาฝึกฝนมานานกว่ามาก แถมพวกเขายังได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสทั้งเจ็ดเองอีกด้วย
พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับจักรพรรดิสูงสุดทั้งสิ้น และแม้แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แย่สุดก็ยังมีระดับพรสวรรค์ที่จักรพรรดิทั่วไปควรมี
ในหมู่ศิษย์สายใน ผู้ที่มีระดับการฝึกฝนสูงสุดนั้นจะอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับ 5
และยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงส่งขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งยากต่อการก้าวข้ามยิ่งขึ้น
-
หวู่เฟิง สู้กับ เฉาซิน , จั่วหยาน สู้กับ เฉิงอยู่ ………….
ขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่ประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขัน ศิษย์แต่ละคนก็ก้าวขึ้นไปบนสังเวียน
โดยพื้นฐานแล้ว สนามประลองนับร้อยจะแข่งขันพร้อมกัน
ด้วยวิธีนี้การประลองจะดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว
การประลองระหว่างศิษย์สายนอกนั้นไม่น่าสนใจที่จะดู ระดับพลังยุทธ์ของพวกเขาต่ำเกินไป และประสบการณ์การต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสบางคนก็คอยพิจารณาดูอยู่อย่างรอบคอบ โดยน่าจะมองหาคนที่มีความสามารถอยู่ในหมู่พวกเขา
เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ระหว่างศิษย์สายนอกแล้ว การต่อสู้ระหว่างศิษย์สายในนั้นน่าตื่นเต้นกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
และคนที่ได้รับความสนใจจากเต๋าซุนก็คือจื่อไป๋หยู่
นางได้รับมรดกจากจักรพรรดิเฟยหยู่ และนางนำหน้าคนอื่นทั้งในด้านทรัพยากรและการฝึกฝน
ตอนนี้นางอยู่จุดสูงสุดของระดับ 5 แล้ว ดังนั้นจึงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มชื่อ เกาซวง แม้ว่าระดับพลังยุทธ์ของเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เทียบได้กับจุดสูงสุดของระดับ 5
ชายคนนี้มีสายเลือดของหมีคลั่งโบราณ และพลังของเขาก็อยู่กว่าระดับการบ่มเพาะเล็กน้อย
แม้แต่ยอดฝีมือระดับ 5 ทั่วไปก็ไม่อาจเผชิญหน้ากับเขาได้
มีศิษย์ที่โดดเด่นไม่มากนักในนิกายชั้นใน ตามมาตรฐานของ เต๋าซุน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาสนใจได้
นั่นก็คือชายหนุ่มผมสั้น สวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อน
ดวงตาของชายหนุ่มเย็นชาและเขาถือง้าวที่ทำจากเหล็กสีดำ
การเคลื่อนไหวของเขาเปิดกว้าง ซึ่งดูค่อนข้างน่าประทับใจ
ง้าวเหล็กยาวสามเมตรและทั้งด้ามเป็นสีดำสนิท
มีมังกรสีทองยาวหลายตัวสลักอยู่บนนั้น และเมื่อมองแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่อาวุธธรรมดา
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มร่ายรำ ง้าวเหล็กก็จะกระแทกพื้น และคลื่นวงแหวนเหล็กสีดำก็จะระเบิดออกมา
ชายหนุ่มไม่เพียงแต่มีพลังอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับ 5 เท่านั้น แต่เขายังมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในด้านประสบการณ์การต่อสู้และการใช้พลังแก่นชีวิต
เมื่อมองแวบแรกเขาดูราวกับว่ากำเนิดขึ้นมาจากเลือดและไฟ
“ชายคนนี้ชื่ออะไรหรือขอรับ” เต๋าซุนมองไปยังผู้อาวุโสอยู่ข้างๆแล้วถาม