ตอนที่แล้วตอนที่ 2 สังหารตัวเอกคนแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 คืนนี้ผู้ใดจะสังเวยชีวิต

ตอนที่ 3 เยี่ยหลีเอ๋อร์ในห้องลับ


ตอนที่ 3 เยี่ยหลีเอ๋อร์ในห้องลับ

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซูอันไม่ได้แสดงความดีใจเกินเหตุ หลังจากขอบคุณแล้วยังยืนอยู่ที่เดิม

  

“หืม ยังมีเรื่องใดอีกหรือ?”

“อะแฮ่ม ฝ่าบาท กระหม่อมขอยืมคนจากพระองค์สักจำนวนหนึ่งได้หรือไม่?” ซูอันทูลขอด้วยความหน้าด้าน

“ยืมคน? เหตุผลคือ?” คิ้วเรียวงามของจักรพรรดินีขมวดมุ่น

“มีคนพยายามฆ่ากระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของซูอันกระชับและตรงประเด็น

  

“ฆ่าเจ้า แล้วใครอยากจะฆ่าเจ้า?” คิ้วงามยิ่งขมวดแน่น

“เยี่ยเสวียนพ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากนั้นซูอันกล่าวเสริมทันที “เขาคือบุตรชายของเยี่ยเต๋อเฉิง เป็นบุตรชายคนรองของตระกูลเยี่ยและเขาออกจากเมืองหลวงตั้งแต่ยังเด็ก ลือกันว่าเขาติดตามผู้เร้นกายท่านหนึ่งไปฝึกตนบนภูเขาพ่ะย่ะค่ะ”

  

“โอ้ จริงหรือนี่?”

  

จักรพรรดินีจับจ้องซูอันตรงเบื้องหน้า ดวงตาคู่นั้นช่างยากแท้หยั่งถึง

  

แม้แต่หงเสายังแปลกใจว่าเสี่ยวอันจื่อไปได้ข้อมูลนี้จากที่ใด

  

ฟุบ!

  

ซูอันทรุดกายคุกเข่าลงทันทีและก้มศีรษะลงเพื่อไม่สบตากับจักรพรรดินี เพราะเขารู้ดีว่าไม่สามารถแสดงหลักฐานที่แน่ชัดและไม่อาจบอกแหล่งที่มาของข่าวนี้แก่จักรพรรดินีได้

  

ถ้าจักรพรรดินีหลอกง่ายขนาดนั้น คงไม่มีทางที่นางจะเอาชนะบรรดาองค์ชายและกลายเป็นจักรพรรดินีได้เด็ดขาด

  

ใต้เข่าลูกผู้ชายมีทองคำ แล้วจะก้มหัวคุกเข่าให้ผู้หญิงได้อย่างไร

  

แต่ซูอันไม่เคยมีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

“ฝ่าบาทเพคะ~” หงเสาที่อยู่ข้างๆ ยังอดโอดครวญไม่ได้

  

นางเห็นซูอันและจักรพรรดินีเติบโตขึ้นมา นางจึงรู้สึกทนไม่ไหว

  

ซูอันคิดในใจว่าพี่หงเสาช่างดีเหลือเกิน

  

ความจริงตอนที่เขายังเด็ก นอกเหนือจากจักรพรรดินีแล้วบุคคลที่เขากลัวมากที่สุดคือพี่หงเสา เพราะนางชอบทำให้เขาอับอายและยังชอบกอดรัดเขาจมอกทำให้เขาอึดอัดหายใจไม่ออก กระนั้นนางก็ดีกับเขาเหมือนพี่สาวและแม่จริงๆ

  

จักรพรรดินีจับจ้องซูอันโดยไม่เอ่ยคำใด

  

ซูอันแค่คุกเข่าอยู่เช่นนั้นต่อไป

  

อากาศในโถงกว้างใหญ่ดูเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

  

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน

“ตกลงตามนั้น ชิงหลิง นับจากนี้เจ้าไปคุ้มครองซูอันชั่วคราวและเจ้าสามารถเรียกระดมพลหน่วยวิหคดำหากเขามีอันตรายได้ด้วย” จักรพรรดินีดูผ่อนคลายลง

  

“เพคะฝ่าบาท” ชิงหลิงน้อมรับพระบัญชาโดยสีหน้าของนางไม่เปลี่ยนแปลงเลย

  

“ฝ่าบาท...คือว่า...” ซูอันเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยด้วยสีหน้าลังเลใจ เพราะชิงหลิงคือมิ่งตานที่แข็งแกร่ง ดูเหมือนว่านางจะแข็งแกร่งกว่าตัวเอกเยี่ยเสวียนด้วยซ้ำ แต่...

  

“ยังจะพูดอะไรอีก!”

  

เมื่อเห็นท่าทางลังเลของซูอันแล้ว องค์จักรพรรดินีอยากจะเตะเขาจริงๆ

  

เขายังคงอืดอาดยืดยาดเวลาพูดไม่เคยเปลี่ยน

  

“ทูลฝ่าบาท เกรงว่าพี่ชิงหลิงอาจจะ...อาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอพ่ะย่ะค่ะ” ซูอันเหลือบมองไปในทิศทางของหงเสาเป็นครั้งคราว

  

เขาต้องการหงเสามากกว่าชิงหลิง

  

จักรพรรดินีไม่โปรดปรานขันที ดังนั้นจึงมีเพียงนางกำนัลคอยรายล้อมถวายการรับใช้และหงเสาเป็นหัวหน้านางกำนัล แม้ว่านางจะมีขอบเขตก่อกำเนิดไม่เกินสองร้อยปี แต่อยู่ในระดับหยางบริสุทธิ์แล้ว นางจึงไม่ด้อยไปกว่าเจ้าสำนักนิกายทวารหรือหัวหน้าตระกูลขุนนางชั้นสูงด้วยซ้ำ

  

หากไม่มีผู้ฝึกตนระดับหยวนเสิน นางคือระดับบนสุด

  

ถ้ามีพี่หงเสามาช่วยรบ ย่อมมีเสถียรภาพมากกว่า

  

ในโลกปัจจุบันนี้แบ่งการฝึกตนออกเป็น 9 ระดับใหญ่

  

ได้แก่ ระดับกลั่นลมปราณ, ระดับชี้วิถีเต๋า, ระดับผันวิญญาณ, ระดับจื่อฝู่, ระดับมิ่งตาน, ระดับหยางบริสุทธิ์, ระดับหยวนเสิน, ระดับภาพมายาและระดับบรรลุวิถี ซึ่งสองระดับสุดท้ายนั้นอยู่ในภาวะไร้ตัวตน

  

หากสามารถบรรลุระดับจื่อฝู่ได้ภายในหนึ่งร้อยปีจึงสามารถพูดได้ว่ามีพรสวรรค์แท้จริงและซูอันสามารถบรรลุขอบเขตก่อกำเนิดเมื่ออายุยี่สิบปีนั้นช่างเป็นวาสนาจริงๆ

  

แม้จะยังเทียบกับสามคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ก็ตาม

  

ลำพังแค่จักรพรรดินี แม้จะมีอายุใกล้เคียงกับเขา ทว่าได้บรรลุขั้นสูงสุดของระดับจื่อฝู่แล้ว ซึ่งเป็นเพียงเปลือกนอกที่แสดงออกมาเท่านั้น...

“กระหม่อมอยากทูลขอผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์สองสามคน ถ้าเป็นไปได้ก็ขอมิ่งตานอีกสักสองคนพ่ะย่ะค่ะ”

  

หลังจากคำพูดของซูอันจบลง สีหน้าของจักรพรรดินีค่อยๆ มืดลง

  

        ไอ้เด็กคนนี้รู้จักได้คืบจะเอาศอก ถึงขั้นเหยียบจมูกขึ้นหน้า [1] กันแล้ว

“ไสหัวออกไป!” น้ำเสียงตวาดลั่นด้วยโทสะ

  

“กระหม่อมทูลลา” ซูอันปฏิบัติตามโดยดี

  

เขารีบเดินไปที่ประตู จากนั้นวิ่งออกจากพระตำหนักไท่หยวนในชั่วพริบตา

  

ในพระตำหนักไท่หยวนจึงตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง

  

“ฮ่าฮ่า~เสี่ยวอันจื่อ”

“หงเสา เจ้าห้ามหัวเราะ เจิ้นจะลงโทษเจ้าโดยให้ลอบติดตามซูอัน!”

“เพคะ เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชา!”

  ……

เมื่อออกจากวังหลวง ซูอันเดินทางกลับจวนทันที

  

จวนอู่ซ่วนโหวและบรรดาศักดิ์โหว [2] ยังคงเป็นมรดกที่บิดาทิ้งไว้ให้เขา

  

บิดาซึ่งเขาเคยเห็นหน้าเพียงไม่กี่ครั้งคนนั้น เป็นผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่เขา เป็นบิดาที่พึ่งพาความพยายามของตัวเองในการบรรลุระดับหยางบริสุทธิ์และยังเป็นขุนนางผู้แข็งแกร่งของอดีตจักรพรรดิด้วย

  

เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว อดีตจักรพรรดิเสด็จประพาสทางใต้และถูกลอบปลงพระชนม์ บิดาของเขาสละชีพเพื่อปกป้องพระองค์ จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์อู่ซ่วนโหวและตำแหน่งนี้ถูกส่งต่อมายังเขา

  

เนื่องจากเส้นสายเช่นนี้ทำให้เขาได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาอิ้งเทียนซึ่งมีเพียงเชื้อพระวงศ์เข้าศึกษาเท่านั้น และเขาได้พบกับจักรพรรดินีวัยเยาว์ซึ่งในขณะนั้นยังดำรงพระยศองค์หญิงจิ้นอวิ๋น

หากพูดเช่นนี้เขาถือว่าเป็นสมาชิกของราชวงศ์ด้วย

  

แซ่ของราชวงศ์ต้าซางคือซูและซูอันใช้แซ่ซู ส่วนจักรพรรดินีมีพระนามว่าซูรั่วซี

  

เพียงแต่ซูอันยิ่งใหญ่แค่เปลือกและบิดาของเขาต้องใช้ชีวิตแลกกับบรรดาศักดิ์นี้มา

  

สุดท้ายจักรพรรดิสิ้นพระชนม์โดยสันนิษฐานว่าสิ้นพระชนม์เนื่องจากถูกธาตุไฟเข้าแทรก

  

แต่ปรมาจารย์แห่งยุค ผู้ก้าวสู่ระดับหยวนเสินเมื่ออายุเพียงหนึ่งร้อยปี ปรมาจารย์ผู้ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งกล่าวกันว่ามีแนวโน้มจะบุกทะลวงสู่ระดับบรรลุวิถีมากที่สุดจะตายเพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้อย่างไร!

  

เชื้อพระวงศ์มีแต้มต่อกว่าใคร ภัยร้ายข้างนอกจะไม่รุกราน แต่กลับถูกธาตุไฟเข้าแทรก

  

ซูอันรู้ว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังอาจารย์ของเยี่ยเสวียน แต่น่าเสียดายที่นักเขียนบ้านี่เอาแต่ผูกปมไม่เฉลย เขาจึงไม่ค่อยรู้มากนัก

  

แม้แต่จักรพรรดินียังถูกเขียนให้ปกปิดระดับการฝึกตนแท้จริงด้วย

  

อาณาเขตของจวนอู่ซ่วนโหวไม่ใหญ่โต โดยครอบคลุมรัศมีแค่หนึ่งร้อยหลี่เท่านั้น มันไม่คู่ควรกับท่านโหวผู้ยิ่งใหญ่เลย

  

เพราะจวนโหวจวนกงอื่นๆ สามารถรองรับบริวารได้มากเรือนหมื่นเรือนแสน เทียบเท่ากับนิกายใหญ่ๆ ได้เลย ดังนั้นพื้นที่ไม่เล็กแบบนี้เด็ดขาด

  

แต่ซูอันไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูบริวารจำนวนมากเหมือนตระกูลขุนนางเหล่านั้น เขาจึงไม่สนใจขนาดของจวนโหว

  

ในจวนโหวมีคนรับใช้ไม่มากและมีสาวใช้เพียงไม่กี่คน เมื่อเทียบกับขุนนางอื่นๆ แล้วดูเรียบง่ายกว่ามาก

  

เมื่อเขาเดินมาถึงห้องนอนชั้นใน เขาจึงไล่สาวใช้ออกไปแล้วปิดประตู

  

จากนั้นซัดพลังเวทจากฝ่ามือใส่กระถางต้นไม้ที่อยู่ข้างหัวเตียง ทันใดนั้นปรากฏหลุมดำลึกบนพื้นห้องนอน

  

เมื่อเดินลงไปตามหลุมดำขนาดใหญ่จะบรรจบกับห้องลับมืดมิดซึ่งผนังโดยรอบทำจากเหล็กกล้าสีดำและอุปกรณ์ทรมานต่างๆ ถูกวางไว้ในห้องลับด้วย

  

สตรีงดงามถูกมัดอยู่ตรงมุมห้อง เมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นคนที่กำลังเดินมา

  

ใบหน้างดงามนั้นเต็มไปด้วยความโกรธทันที

“โจรชั่ว เจ้าสมควรตายอย่างน่าอนาถ!” นางตะโกนด้วยความโกรธแค้น

“สมเป็นน้องสาวของตัวเอก ถึงขั้นนี้แล้วยังปากเก่งได้”

  

ซูอันมองหญิงงามที่อยู่ตรงเบื้องหน้า ดวงตาของเขาเหมือนจ้องมองสินค้าหรือสมบัติชิ้นหนึ่ง ไม่รู้สึกเหมือนกำลังมองมนุษย์คนหนึ่งเลย

  

หัวใจของเยี่ยหลีเอ๋อร์สั่นสะท้าน จากนั้นนางเชิดหน้าขึ้นอีกครั้ง

“เจ้ามันคนทรยศ ไม่ช้าก็เร็วจะได้พบหายนะ”

“หายนะ? ข้านี่แหละหายนะ!”

  

มุมปากของซูอันกระตุกน้อยๆ เขาใช้มือเดียวเชยคางของเยี่ยหลีเอ๋อร์ขึ้น จากนั้นไล้นิ้วมือเบาๆ ไปตามผิวที่อ่อนนุ่มของนาง

“อืม ให้สัมผัสไม่เลวเลย”

“ข้าต้องการกายอินบริสุทธ์ของเจ้า”

  

รูม่านตาของเยี่ยหลีเอ๋อร์หดลงทันที “ฝันไปเถอะ!”

  

นางตวาดลั่น ในใจบังเกิดความปรารถนาจะตายขึ้นมา

  

นางยอมตายดีกว่าแปดเปื้อนมลทินจากโจรชั่วคนนี้

  

ประกายแห่งความมุ่งมั่นฉายชัดในดวงตาของนาง ขณะเดียวกันนางก็ใช้ฟันกัดลงที่ลิ้นโดยแรง

เชิงอรรถ

[1] เหยียบจมูกขึ้นหน้า (蹬鼻子上脸) หมายถึง ให้เกียรติอีกฝ่ายแล้ว ทว่าอีกฝ่ายไม่สนใจและวางท่าหยิ่งผยองมากขึ้น

[2] โหว (侯) คือ บรรดาศักดิ์รองจากชั้น กง ได้รับยศจากการสืบสกุลหรือได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ เนื่องจากมีความดีความชอบ บรรดาศักดิ์รองจากโหว ยังมี ปั๋ว จื่อและหนาน รวมเป็นบรรดาศักดิ์ 5 ขั้น