ตอนที่ 234 ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
หลังจากกลับมาที่มหาลัยแล้ว ซูเหวิน ได้ส่งข้อความถึง เซี่ย ซินเหยา ทันที และนัดให้เธอมาพบในป่าละเมาะในมหาวิทยาลัย
จากนั้นเขาก็บอก เซี่ย ซินเหยา ว่าใครที่ส่งคนมาลอบสังหารเขาในคืนนั้น
ทันใดนั้น เซี่ย ซินเหยา ก็ประหลาดใจแล้ว
“คนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารคุณในวันนั้นคือ โจวล่าง?”
“กลายเป็นว่าเขา?”
เซี่ย ซินเหยา ไม่อยากจะเชื่อเลย
“อืมม เป็นเขาที่อยู่เบื้องหลัง เขา และชายที่ชื่อ ฉีเจา เป็นคนส่งคนมาลอบสังหารผม”
“ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิด โจว เจิ้นซิง ชายชราของ ตระกูลโจว…”
ดังนั้น ซูเหวิน จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับ เซี่ย ซินเหยา ได้ฟังอย่างละเอียด
พร้อมกันนั้นเขายังบอกเธอถึงการคาดเดาของเขาด้วย
หลังจากฟังการคาดเดาของ ซูเหวิน แล้ว เซี่ย ซินเหยา ขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ
“โจวล่าง ผู้นี้ก็น่ารังเกียจเกินไป เห็นได้ชัดว่าตัวเองทำผิดก่อน กลับไม่พอใจคนอื่น ทั้งยังพยายามหาคนมาลอบทําร้ายคุณ”
“และฉีเจา คนนั้นก็น่ารังเกียจเช่นกัน ความคิดของเขาชั่วร้ายมาก คุณสองคนก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน แต่เขากลับต้องการที่จะฆ่าคุณให้ตาย ซึ่งนี่มันไร้เหตุผลเกินไปจริงๆ”
“เสี่ยวเหวิน ฉันคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงแค่นี้แน่ เราต้องทวงคืนความยุติธรรม ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องส่งคนมาลอบสังหารคุณอีกอย่างแน่นอน”
เซี่ย ซินเหยา แสดงความคิดของตัวเองออกมา
“หรือไม่งั้นให้ฉันบอกพ่อเรื่องนี้ แล้วให้เขาช่วยคุณดีไหม?”
เซี่ย ซินเหยา กล่าวต่อ
เธอรู้ดีว่า ซูเหวิน นั้นแข็งแกร่งมาก แต่คนมากย่อมมีความแข็งแกร่งมากกว่า
การมีคนมากขึ้นก็ย่อมมีความมั่นใจในการจัดการกับอีกฝ่ายมากขึ้น
แต่ ซูเหวิน กลับยิ้มอย่างใจเย็นแล้วกล่าวว่า : “วางใจเถอะ ไม่เป็นไรในเรื่องนี้ ผมรับมือกับพวกเขาได้ ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องให้ ลุงเซี่ย ลงมือ และแค่ผมคนเดียวก็พอแล้ว”
“จริงสิ ที่ผมนัดคุณให้ออกมา หลักๆ ก็เพื่อจะบอกคุณว่า ผมได้เตรียมบอดี้การ์ดสองคนเอาไว้ให้คุณ เป็นชายหนึ่งคน และหญิงอีกหนึ่งคน พวกเขาเป็นทหารรับจ้างชั้นยอด และพวกเขาสามารถรับรองความปลอดภัยของคุณได้”
“ตอนนี้พวกเขาอยู่แถวนี้แล้ว เพียงแต่คุณมองไม่เห็นพวกเขา และทันทีที่คุณตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะโผล่มาทันที”
ซูเหวิน กล่าวอีกครั้ง
จริงๆ แล้วเขารู้ด้วยว่า ด้วยนิสัยของ เซี่ย ซินเหยา เธอน่าจะไม่ชอบให้มีบอดี้การ์ดติดตามเธอ
ไม่ต้องพูดถึงเธอเลย แม้แต่คนส่วนใหญ่คาดว่าคงจะไม่ชอบ
ท้ายที่สุดแล้วใครบ้างอยากถูกจับตามองตลอดเวลา?
หากเป็นเช่นนั้นมันคงเป็นอะไรที่น่าอึดอัดมาก
เพียงแต่ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ
ช่วงเวลาพิเศษนี้ก็ต้องได้รับการปฏิบัติที่พิเศษเท่านั้น
เซี่ย ซินเหยา ก็เข้าใจความคิดในใจของ ซูเหวิน และแน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธ
การปกป้องตัวเองในเวลานี้ก็เท่ากับเป็นการช่วย ซูเหวิน เช่นกัน
เมื่อเห็นว่า เซี่ย ซินเหยา ไม่ได้คัดค้านอะไร ซูเหวิน ย่อมรู้สึกสบายใจได้แล้ว
ต่อจากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความถึงบอดี้การ์ดอีกสองคนที่เขายังไม่ได้มอบหมายภารกิจ
เขาขอให้พวกเขาไปจับตาดู ฉีเจา คนนั้นอย่างลับๆ
ถ้ามีโอกาสก็ลงมือจัดการกับเขาโดยตรงได้เลย
แน่นอนว่าเงื่อนไขเบื้องต้นคือ ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ เพื่อทำให้ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสงสัย และไม่มีใครตรวจสอบมันได้
สําหรับภารกิจที่ ซูเหวิน มอบหมายนี้ บอดี้การ์ดสองคนย่อมไม่มีความคิดเห็นใดๆ
นั่นเพราะพวกเขาถนัดทําสิ่งนี้อยู่แล้ว
ดังนั้น เพียงนาทีเดียวหลังจากที่ ซูเหวิน มอบหมายภารกิจให้
บอดี้การ์ดสองคนที่รอคําสั่งอยู่ใกล้มหาลัยหายตัวไปทันที และหันไปจับตาดู ฉีเจา คนนั้น
พริบตาเดียวหนึ่งวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันที่รอคอยนั้นยาวนานมาก
ตั้งแต่เมื่อวานที่ ซูเหวิน ให้บอดี้การ์ดสี่ในสิบคนไปจัดการกับ โจวล่าง และฉีเจา ก็ไม่มีข่าวใดๆ มาเลย
แน่นอนว่า ซูเหวิน ไม่คิดติดต่อพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้ว การเข้าถึงตัวเป้าหมายนั้นต้องใช้เวลานาน และต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก
หากอยากจัดการทุกอย่างให้สะอาด และไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้
ก็จำเป็นต้องลงมือในสถานที่ที่ค่อนข้างเป็นความลับ และมืดเท่านั้นมันจึงจะเหมาะสม
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทําให้ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครเห็น
ในเวลานี้หากถ้าเขาติดต่ออีกฝ่าย มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเปิดเผยอีกฝ่าย
ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทําตอนนี้คือไม่ต้องถามอะไร ทำเพียงแค่อดทนรอผลลัพธ์ก็พอ
และเป็นไปตามคาด ในวันที่สามหลังจากที่บอดี้การ์ดหลายคนออกไปทําภารกิจ ในที่สุด บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งก็กลับมา
บอดี้การ์ดกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ออกไปจัดการกับ โจวล่าง
ตามรายงานของพวกเขา โจวล่าง ถูกพวกเขาหักมือ และเท้าทำลายอย่างลับๆ แล้ว
จากนี้ไปเขาคงกลายเป็นคนพิการไร้ประโยชน์เท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นเขาไม่สามารถยกมือ หรือเดินด้วยตนเองได้
ชนิดที่แม้แต่กินข้าวก็ต้องให้คนอื่นป้อนให้
หากจะกล่าวว่า ‘อยู่ไม่สู้ตาย’ มาบรรยายก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
สิ่งสําคัญที่สุดคือการดำเนินการครั้งนี้ต้องสะอาด และเรียบร้อยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้
แม้แต่กล้องวงจรปิดก็ต้องไม่สามารถจับภาพการเคลื่อนไหวใดๆ ของพวกเขาได้
ซูเหวิน พึงพอใจกับผลลัพธ์นี้เป็นอย่างมาก..
คราวนี้ โจวล่าง คงไม่สามารถทำตัวใหญ่โตได้อีกต่อไปแล้ว
โจวล่าง ผู้นี้มักรังแกผู้ที่อ่อนแออย่างไร้ความปรานี
การที่เขามาอยู่ในจุดนี้ก็เป็นผลกรรมที่เขาก่อขึ้นเอง ..คงจะโทษใครไม่ได้
ซูเหวิน หัวเราะอย่างเย็นชา ต่อไปก็เหลือแค่ ฉีเจา คนนั้นแล้ว
แต่สิ่งที่ ซูเหวิน ไม่คาดคิดก็คือ…
ในช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้น บอดี้การ์ดอีกชุดก็กลับมาเช่นกัน
แต่ผลลัพธ์ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป
เมื่อบอดี้การ์ดสองคนที่เขาส่งไปนั้นกลับมา ไม่เพียงแต่ทําภารกิจไม่สำเร็จ แต่เขายังได้รับบาดเจ็บกลับมาอีกด้วย
พอฟังจากสิ่งที่พวกเขาพูด ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาวิ่งเร็ว คาดว่าคงยากที่จะรอดกลับมาอย่างมีชีวิต..
ดังนั้น ซูเหวิน จึงวางบอดี้การ์ดสองคนนี้ไว้ที่บ้านของเขา และหาหมอมารักษาพวกเขา
เมื่อพวกเขาฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว ซูเหวิน จึงถามว่า : “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกคุณสองคนถึงได้รับบาดเจ็บ?”
ซูเหวิน อยากรู้อยากเห็นมาก
บอดี้การ์ดทั้งสองคนก็อธิบาย
ปรากฎว่าเมื่อพวกเขาติดตามดู ฉีเจา เมื่อวันก่อน พวกเขาพบว่า ฉีเจา คนนี้ไม่ได้อยู่บ้าน แต่อยู่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
สถานบันเทิงแห่งนี้มีผู้คนเยอะมาก ดังนั้นมันจึงยากที่จะลงมือ
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรอ..
โดยไม่คาดคิด พวกเขาต้องรอคอยจนถึงวันที่สามจริงๆ
จนกระทั่งเช้าของวันที่สาม ฉีเจา จึงได้เดินออกจากสถานบันเทิงก่อนจะกลับบ้าน
ดังนั้นพวกเขาจึงติดตามไปจนถึงคฤหาสน์ตระกูลฉี และเตรียมพร้อมที่จะลงมือในคืนนี้
แต่ในช่วงบ่ายของวันที่พวกเขารอคอย..
กลับมีคนกลุ่มหนึ่งมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉี
คนกลุ่มนี้ดูแข็งแกร่ง และลึกลับมาก
มีออร่าสังหารออกมาจากร่างกายพวกเขาเป็นครั้งคราว
บอดี้การ์ดสองคนที่ปฏิบัติภารกิจแบบนี้มาหลายปี มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดาอย่างมาก แต่ละคนต้องเป็นนักฆ่าอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทําอะไรบุ่มบ่าม ทำได้แต่สอดแนมอย่างลับๆ ต่อไป
จนกระทั่งค่ำคนพวกนั้นก็ยังไม่ออกไปไหน
ในเวลานี้ พวกเขาสองคนเห็นว่าการลอบสังหารคงไม่สามารถทําได้ และตระกูลฉียังมีนักฆ่าอยู่มากมาย พวกเขาจึงไม่ได้วางแผนที่จะติดตามต่อไป และพร้อมที่จะกลับไปแจ้งให้ ซูเหวิน ทราบถึงสถานการณ์
โดยไม่คาดคิด ในเวลานี้ ฉากที่น่ากลัวก็ได้บังเกิดขึ้นแล้ว
พวกคนจากตระกูลฉีนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ค้นพบการมีอยู่ของพวกเขา
เมื่อพวกเขาตระหนักถึงอันตราย อีกฝ่ายก็วิ่งไล่พวกเขาออกมา และเกือบจะปิดล้อมพวกเขาไว้ได้แล้ว
ยังดีที่พวกเขาสองคนเป็นทหารรับจ้างอันดับต้นๆ ที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน พวกเขาเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างไม่เกรงกลัว และตอบโต้กลับทันที
ก่อนจะถอยหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วไม่กล้าสู้ต่อแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ถึงได้รับโอกาสรอดมาได้แม้แสงแห่งความหวังจะริบหรี่ก็ตามที
แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างการเผชิญหน้าในช่วงระยะสั้นๆ
ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
เมื่อพวกเขาถูกอีกฝ่ายปิดล้อมเข้าให้จริงๆ
เกรงว่าทั้งสองคนคงจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นั่นแล้ว
“พวกเขาทั้งหมดมีกี่คน?”
ทันใดนั้น ซูเหวิน ก็ถาม
“อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเจ็ด หรือแปดคน และในแง่ของความสามารถ แต่ละคนอาจไม่ด้อยไปกว่าเรา..”
บอดี้การ์ดทั้งสองตอบทันที