ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 448 หมดแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 450 โชคชะตาของเฒ่าโม่

MDB ตอนที่ 449 เหอเฉี่ยนเปรมปรีดิ์


จ้าวจิงหยานไม่ได้ออกไปทันที เนื่องจากเธอยังมีคำถามมากมายที่จะถามหลินจินเกี่ยวกับฟีนิกซ์ของเธอหลังจากที่บรรลุนิพพาน

เมื่อมาถึงจุดนี้ เธอแน่ใจว่าเธอไม่จำเป็นต้องตามหาภัณฑารักษ์อีกต่อไป เพราะผู้ประเมินหลินเองก็สามารถแก้ไขปัญหาของเธอได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับภัณฑารักษ์ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือชั้นยอด ดูเหมือนไม่มีอะไรจะทำให้พวกเขาต้องเกรงกลัวเลย

จ้าวจิงหยานตระหนักถึงแผนการของหลินจินที่จะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเกลียวสวรรค์

“ผู้ประเมินหลิน ท่านตั้งใจจะที่นั่นแทนภัณฑารักษ์อย่างงั้นเหรอ?”

จ้าวจิงหยานถาม

หลินจินพยักหน้า

สมมติฐานของเธอถูกต้อง และหลินจินก็ไม่คิดว่าเขาจำเป็นจะต้องปิดบังอีกฝ่ายเช่นกัน

จ้าวจิงหยานมีท่าทีแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตอนแรก ก่อนหน้านี้เธอเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าเธอเองก็ได้เกิดใหม่เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงของเธอ

ต่อจากนั้น จ้าวจิงหยานเริ่มขอคำแนะนำจากเขา และหลินจินก็ตอบคำถามของเธออย่างถูกต้อง การแลกเปลี่ยนของพวกเขาดำเนินต่อไปจนถึงเที่ยงคืนก่อนที่จ้าวจิงหยานจะตัดสินใจพอแค่นี้ แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม

“ผู้ประเมินหลินจิน ข้า จินหยาน ได้รับพระคุณจากท่านมากมาย หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากข้าในอนาคต ขอเพียงแค่ท่านเอ่ยขึ้นมา ข้าก็พร้มอทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือท่าน”

จ้าวจิงหยานให้สัญญา

หลินจินรู้ว่าเธอกำลังจะออกเดินทาง

หลังจากการตายของสัตว์เลี้ยงของเธอ เธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ตอนนี้ฟีนิกซ์ของเธอได้เกิดใหม่แล้ว จ้าวจิงหยานก็มีสิ่งที่เธอต้องไปทวงคืนที่ตำหนักฟีนิกซ์อย่างแน่นอน

หากพูดถึงเรื่องนี้ หากเธอสามารถยึดตำหนักฟีนิกซ์กลับคืนมาได้ นั่นก็จะเป็นประโยชน์ต่อหลินจินเช่นกัน

จ้าวจิงหยานเดินทางไปในตอนกลางคืน เธอเป็นคนเด็ดเดี่ยวที่จะทำตามความคิดและความต้องการของเธอเอง ช่างเป็นบุคลิกที่แตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างแท้จริง

หลินจินเองก็ต้องเร่งเตรียมการที่จำเป็นเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่จะเป็นการเดินทางที่ยาวนาน และอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่เขาจะกลับมา

...

วันรุ่งขึ้น ผู้ประเมินระดับสองที่เดินทางออกจากเมืองหลวงมาถึงเมืองเมเปิ้ล เขามาที่นี่เพื่อเข้ารับตำแหน่งแทนหลินจิน

แม้ว่าเขาจะแก่กว่าและมีประสบการณ์มากกว่าหลินจิน แต่ชายคนนั้นก็ยังคงให้ความเคารพเขาเยี่ยงบรรพบุรุษของเขา

“ข้าขอฝากความรับผิดชอบของข้าไว้ในมือของท่าน!”

หลังจากมอบความรับผิดชอบทั้งหมดในฐานะหัวหน้าสมาคมแล้ว หลินจินก็มองไปที่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ล ในระหว่างที่เขาไม่อยู่ ลูกศิษย์ของเขาจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในห้องโถงประเมินของเขา ด้วยทักษะของพวกเขา หลินจินจึงไม่มีอะไรต้องกังวล

“ถึงเวลาต้องไปแล้ว”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชางเอ๋อร์ขอร้องให้หลินจินครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้เธอร่วมการเดินทางกับเขา แต่เธอกลับถูกหลินจินปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

จุดประสงค์ของเขาที่อาณาจักรเกลียวสวรรค์ก็เพื่อเลื่อนระดับผู้ประเมินของเขาไปสู่ระดับสี่ และขอดูอักษรภาพของเต้าจวิน ภารกิจเหล่านี้หลินจินสามารถบรรลุได้ด้วยตัวเอง

สิ่งที่เขาต้องการคือยอดฝีมือที่เก่งกาจอย่างชางเอ๋อร์มาคอยอยู่ดูแล และปกป้องเมืองเมเปิ้ลในขณะที่เขาไม่อยู่

การเผชิญหน้าของเขากับเต๋าแมลงเป็นสัญญาณเตือนแก่หลินจิน

บางทีอาจมีคนข้างนอกนั่นเริ่มวางแผนต่อต้านเขาแล้ว อย่างคำกล่าวที่ว่า ยิ่งต้นไม้สูง ลมก็ยิ่งแรง เมื่อพิจารณาจากชื่อเสียงของหลินจิน และความจริงที่ว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับภัณฑารักษ์ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเก็บตัวเงียบได้อีกต่อไป

เมืองเมเปิ้ลเป็นบ้านของเขา หากใครก็ตามที่มีเจตนาไม่ดี ก็จำเป็นต้องมีคนมาปกป้อง

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ประเมินมารก็ยังคงเป็นภัยคุกคามที่สามารถสร้างภัยอันตรายต่อเมืองเมเปิ้ลตอนไหนก็ได้

ถึงเย่หยู่โจวอาจจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังขาดอยู่เล็กน้อย

มีเพียงชางเอ๋อร์เท่านั้นที่ทำให้หลินจินวางใจได้

แม้ว่าเธอจะฝืนใจ แต่ชางเอ๋อร์ก็เชื่อฟังคำสั่งของเขา

“โกลดี้ตื่นแล้วหรือยัง?”

หลินจินถาม

ชางเอ๋อร์ส่ายหัว

ตอนนี้โกลดี้ได้ทำสถิติการนอนหลับขึ้นมาใหม่แล้ว คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าเจ้าไก่หลับอยู่หรือตายไปแล้ว

แน่นอนว่าหลินจินรู้ดีว่าไม่เป็นเช่นนั้น

โกลดี้เพียงแต่หลับลึกเพราะมันกินราชาแมลงระดับห้า และแมลงหายากหลายร้อยตัวเข้าไป

“ปล่อยให้มันหลับต่อไป ร่างกายของโกลดี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากไม่มีอะไรผิดพลาด มันจะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด คอยตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันจะตื่นขึ้นมาด้วยตัวเอง”

หลินจินสั่ง

ก่อนเขาจะเดินทางไปอาณาจักรเกลียวสวรรค์ หลินจินต้องแวะเมืองหลวงเพื่อพบกับเหอเฉียนตามที่สัญญาไว้ นั่นจึงทำให้แม่มังกรกับเฒ่าโม่ร่วมเดินทางไปด้วย

ก่อนหน้านี้แม่มังกรได้พูดคุยกับหลินจินเป็นการส่วนตัวเป็นเวลาประมาณสองสามชั่วโมง

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร แต่หลังจากพูดคุยกันเสร็จ หลินจินก็ตัดสินใจพาพวกเขาทั้งสองไปที่เมืองหลวง

หลังจากพาสองแม่ลูกไปพักที่โรงเตี๊ยมแล้ว หลินจินก็หาสถานที่ลับตาคนเพื่อปลอมตัว หลังจากสวมหน้ากากภัณฑารักษ์และปลดปล่อยออร่าของเขาออกมา จากนั้น เขาก็เดินเข้าไปในเมือง

พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า แต่ถนนในเมืองหลวงยังคงคับคั่ง ท้ายที่สุด นี่คือเมืองที่พลุกพล่านที่สุดในอาณาจักรมังกรหยก

ท่ามกลางผู้คน หลินจินที่สวมหน้ากากกำลังเดินมุ่งหน้าไปสู่พระราชวังมังกรหยก

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็สังเกตเห็นเขาได้ทันที บางคนเริ่มชี้นิ้วมาที่เขา ขณะที่บางคนกระซิบข้างหลังเขา

เมืองนี้เต็มไปด้วยสายลับของจักรพรรดิ ดังนั้นทันทีที่ภัณฑารักษ์ปรากฏตัว เหอเฉียนก็ได้รับแจ้งเรื่องนี้ทันที

เหอเฉียนรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะได้พบกับภัณฑารักษ์แล้ว

ในฐานะจักรพรรดิของประเทศขนาดกลาง เหอเฉียนนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาตื่นเต้นขนาดนี้ มันน่าจะเป็นตอนที่เขาได้ขึ้นครองราชย์

ชื่อเสียงของภัณฑารักษ์ดูน่าเกรงขามมากขึ้นเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เขาพูดคุยกับหลินจิน

การบุกรุกวัดต้าหลัวของเขาเพียงลำพังก็น่าประทับใจเพียงพอแล้ว เขาไม่เพียงแต่สามารถกลับออกมาได้อย่างไร้ร่อยขีดข่วน แต่ภัณฑารักษ์ยังถูกพาลงมาจากภูเขาโดยพระชั้นสูงของวัดอีกด้วย

มันเหมือนกับการไปท้าทายเจ้าถิ่น และทุบตีอีกฝ่ายจนยับเยิน ไม่เพียงแต่เจ้าถิ่นจะไม่โกรธเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนกับผู้บุกรุกอีกด้วย

หากไม่มีความแข็งแกร่งนอกผู้ใดเทียบ ความสำเร็จดังกล่าวก็คงจะไม่ต่างจากการสร้างวิมานในอากาศ

ด้วยเหตุนี้ เหอเฉียนจึงตั้งตารอที่จะได้พบกับภัณฑารักษ์ แม้ว่าภัณฑารักษ์จะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่เขาหรืออาณาจักรมังกรหยกก็ตาม

การที่ได้พบกับภัณฑารักษ์นั้นถือเป็นสิทธิพิเศษอย่างยิ่ง

จากมุมมองของเหอเฉียน การเป็นจักรพรรดิ เขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์เพียงผิวเผินเท่านั้น เขาต้องวางแผนสำหรับอนาคตไว้ล่วงหน้าด้วย

ความจริงที่ว่าเขาได้พบกับภัณฑารักษ์ก็เป็นประโยชน์อย่างมากอยู่แล้ว

ภัณฑารักษ์คือใคร?

คนที่สามารถเข้าวัดต้าหลัวได้ด้วยตัวเอง และเจ้าอาวาสก็ออกมาส่งด้วยความเคารพ เขาเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่กล้าสั่งสอนพระภิกษุทุกรูปในวัดต้าหลัวว่า

'อย่าฆ่าสัตว์ปีศาจตามอำเภอใจ'

การพบปะของเขากับภัณฑารักษ์ได้ยกระดับสถานะของอาณาจักรมังกรหยกโดยไม่ได้ตั้งใจ ด้วยผลประโยชน์ที่มองไม่เห็น และการหยิบยืมอิทธิพลนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกหลายทศวรรษอย่างแน่นอน

อย่างน้อยที่สุด ประเทศขนาดกลางใกล้เคียงที่มีข้อพิพาทชายแดนกับอาณาจักรมังกรหยกก็จะเริ่มกลัวพวกเขา และพวกเขาจะพิจารณาล่าถอยอย่างแน่นอนหลังจากข่าวการพบปะพูดคุยของพวกเขาเผยแพร่ออกไป

พวกเขาอาจจะยั่วยุอาณาจักรมังกรหยกได้ แต่พวกเขาไม่กล้ายั่วยุ 'ภัณฑารักษ์' อย่างแน่นอน

แน่นอนว่าหากภัณฑารักษ์เต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือพวกเขาจริง ๆ นั่นคงจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม เหอฉียนจัดการพบปะครั้งนี้ด้วยความเคารพ ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินข่าวการมาถึงของภัณฑารักษ์ เขาก็แจ้งให้ทุกคนให้พระราชวังเตรียมการทันที

การเตรียมการของพวกเขาจะต้องมีคุณภาพสูงสุด และขุนนางในพระราชวังทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะโศกเศร้าในงานศพหรือรอการเกิดของลูก ทุกคนก็ต้องแต่งกายอย่างเป็นทางการ และรีบไปต้อนรับภัณฑารักษ์โดยไม่มีข้อยกเว้น

ทางราชวงศ์ก็ต้องมาด้วยเช่นกัน ใครก็ตามที่กล้าหลบหนีในครั้งนี้จะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของเหอเฉียน

สำหรับตัวเหอเฉียนเอง เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว และรออยู่ที่ประตูพระราชวัง ด้านหลังมีเหล่าขุนนางในวัง และเชื้อสายของราชวงศ์หลายร้อยคนยืนอยู่ด้านหลัง นี่เป็นฉากที่ไม่เคยมีมาก่อน

ก่อนที่หลินจินจะไปถึงพระราชวัง ทหารของพระราชวังต่างก็รีบมาคุ้มกันเขาอย่างกุลีกุจอ

“เรามาตามคำสั่งของฝ่าบาท จักรพรรดิแห่งอาณาจักรมังกรหยก เรามาที่นี่เพื่อคุ้มกันภัณฑารักษ์”

ประกาศจากนายพลที่สวมชุดเกราะแวววาวมาพร้อมกับน้ำเสียงอันดังก้อง

พวกเขาไม่ได้ดูอึดอัดใจเลยเมื่อต้องทำตามคำสั่ง

หลินจินตอบอย่างไม่ใส่ใจแทนการทักทาย

“ขอบคุณ ช่วยนำทางให้ข้าด้วย!”

เหล่าทหารต่างตกตะลึง เนื่องจากอีกฝ่ายมีอัธยาศัยดีอย่างน่าประหลาดใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด