ตอนที่แล้วตอนที่ 44 นักปรุงยาระดับหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 46 อาจารย์น้อย

ตอนที่ 45 เจียงโม่หลีคว้าชัยชนะ


ตอนที่ 45 เจียงโม่หลีคว้าชัยชนะ

จี้เตี๋ยที่ตื่นเต้นยินดียื่นมือออกไป และควบคุมเอายาทั้งสี่เม็ดซึ่งลอยกลางอากาศให้ลอยเข้ามาหาตนเอง

ยาเหล่านี้คือยารวบรวมลมปราณ มันสามารถช่วยส่งเสริมการฝึกฝนให้แก่ผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณระดับต้น แน่นอนว่าของที่ได้มานี้แทบไม่อาจนับได้ว่ามีค่า เพราะกว่าจะปรุงยาขึ้นมาได้ เขาต้องจ่ายเพื่อซื้อสมุนไพรวิญญาณไปมากมาย ขนาดที่ว่าสามารถซื้อยานี้ได้หลายสิบขวดเลยด้วยซ้ำ

เพียงแต่ยามได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เขาก็ยังตื่นเต้นพอจะมองพวกมันเป็นดังสมบัติล้ำค่า

เพราะมันถือเป็นยาที่เขาปรุงขึ้นด้วยตนเองและสำเร็จเป็นครั้งแรก!

“ในเมื่อสามารถปรุงยาขั้นต้นระดับหนึ่งได้สำเร็จ โดยทฤษฎีก็ถือว่าเราเป็นนักปรุงยาขั้นต้นระดับหนึ่งแล้ว”

การได้กลายเป็นนักปรุงยาจะยิ่งทำให้เรื่องราวง่ายดายมากขึ้น เพราะเขาอาจไม่จำเป็นต้องขอร้องให้ผู้อื่นมาช่วยปรุงยา!

จี้เตี๋ยไม่คิดตื่นเต้นยินดีอยู่นาน เขาวางแผนฝึกฝนซ้ำอีกหลายครั้งเพื่อปรุงยาขั้นกลาง

เพียงแค่ชั่วพริบตา เหมันตฤดูก็เคลื่อนผ่านพ้น ปีใหม่มาเยือน การลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันของฝั่งใต้ก็จบลงด้วยเช่นกัน

และการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้น

ไม่ช้า นามของผู้ชนะจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งฝั่งใต้

ยอดเขาสรรพสัตว์ เจียงโม่หลี!

นางคือผู้ทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ด การจะคว้าชัยชนะมาได้นั้นถือว่าไม่ได้ทำให้ผู้คนประหลาดใจสักเท่าไหร่

“ศิษย์พี่หญิงเจียงชนะเลิศ… ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ดแล้วจริงด้วย…” ระหว่างทางกลับจากศาลาปราณสมบัติที่แวะไปซื้อสมุนไพรวิญญาณมา จี้เตี๋ยได้ยินผู้คนพูดกล่าวถึงเรื่องนี้กันทั่ว

เพียงแต่เขาไม่ได้ประหลาดใจสักเท่าไหร่

เพราะเมื่อวันนั้นที่ถูกนางเล่นงาน เขาก็สงสัยแล้วว่านางจะบรรลุขั้นที่เจ็ด

เรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็เป็นเพียงแค่การยืนยันข้อสันนิษฐานของเขาในวันนั้น

เจียงโม่หลีทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ดแล้ว

“แต่ในเมื่อนางทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ดแล้ว ยาบ่มเพาะรากฐานก็คงแทบไม่ได้เป็นประโยชน์อะไร ชักสงสัยแล้วสิว่าที่นางอยากเข้าร่วมการแข่งขัน ก็เพราะอยากกู้ชื่อให้ตนเองหรือเปล่า?”

จิตใจของสตรีเปรียบดังเข็มในมหาสมุทร จี้เตี๋ยย่อมไม่อาจคาดเดาความคิดของเจียงโม่หลีได้

อีกหนึ่งเดือนอันเงียบสงบได้ผันผ่าน ระหว่างช่วงเวลานี้เจียงโม่หลีได้ออกเดินทางไปยังฝั่งเหนือ และก่อนจะไปยังแวะมาพาเจ้างูดำร่วมทางไปด้วย

เรื่องราวเป็นเหตุให้จี้เตี๋ยรู้สึกโหวงในใจอยู่พอสมควร เพียงแต่เขาไม่อาจทราบว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

อาจเป็นเพราะนับตั้งแต่มาเยือนสำนักเจ็ดลึกล้ำ เจียงโม่หลีเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขารู้จักและใกล้ชิดด้วย

ในเมื่อปัจจุบันนางไปอยู่ทางฝั่งเหนือ โอกาสได้พบเจอกันในภายหน้าคงมีแต่จะลดน้อยลง… หรือบางทีชั่วชีวิตนี้อาจไม่ได้พบเจอกันอีกแล้ว…

“ไม่สิ ตราบเท่าที่อนาคตเราไปเยือนฝั่งเหนือ ถึงตอนนั้นก็มีโอกาสได้พบนางอีกครั้งหนึ่ง” จี้เตี๋ยตัดความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวและผิดหวังในใจทิ้งได้อย่างรวดเร็ว

การฝึกฝนยังคงดำเนินต่อไป

การกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ดไม่ใช่อะไรที่สามารถบรรลุในเวลาอันสั้น จี้เตี๋ยจึงเริ่มหาวัตถุดิบสำหรับใช้ปรุงยาทุ่งสมุทรพลางศึกษาวิธีการปรุงยา

นับตั้งแต่ปรุงยาขั้นต้นระดับหนึ่งได้สำเร็จ เขาต้องล้มลุกคลุกคลานผ่านความล้มเหลวอีกหลายครั้งกว่าจะปรุงยาชุดที่สองออกมาได้

มันถึงขั้นทำให้เขาต้องบ่นอุบ พร้อมกับมองว่าไม่น่าแปลกใจที่มีนักปรุงยาเพียงแค่น้อยนิด

กว่าจะเรียนรู้ไขว่คว้าวิธีการมาได้ก็แทบจะต้องเผาทรัพย์สินเล่น คนทั่วไปคงไม่มีทางยอมเลือกเดินเส้นทางนี้

โชคดีที่เขามีหม้อทองแดง มันสามารถใช้ยกระดับเกิดเป็นผลยกวิญญาณเพื่อนำออกไปขายในราคาสูงได้ อย่างน้อยก็ถือว่ามีผลยกวิญญาณให้ใช้ไม่มีวันหมด ดังนั้นจึงแทบไม่ได้ขาดแคลนศิลาวิญญาณ

เพียงแค่ชั่วพริบตา อีกหนึ่งเดือนได้ผ่านพ้น อัตราการปรุงยาสำเร็จของจี้เตี๋ยก้าวมาถึงแปดในสิบจะสำเร็จหากไม่มีอะไรเกินคาดคิดเกิดขึ้น ตอนนี้ถือได้ว่าเขาเป็นนักปรุงยาขั้นต้นระดับหนึ่งได้ค่อนข้างมั่นคงแล้ว

จี้เตี๋ยลอบแวะเวียนไปยอดเขาโอสถหลายครั้ง เพื่อทำการขายยาที่ปรุงขึ้นมาด้วยตนเอง รวมถึงซื้อดอกยี่หุบม่วงมาเพื่อใช้หม้อทองแดงยกระดับ

เหตุผลที่เขาไม่ขายผลยกวิญญาณต่อ ก็เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาเขาขายผลยกวิญญาณมากจนเกินไป มันถึงขนาดเริ่มส่งผลกระทบกับยอดเขาโอสถแล้ว และเพื่อหลีกเลี่ยงคนที่หูตาว่องไวพบเห็น จี้เตี๋ยจึงต้องใช้ยาจำแลงกายทุกครั้งก่อนจะนำของไปขาย

มันคือยาที่มีประโยชน์ เพราะภายหลังทานเข้าไปแล้วจะแปรเปลี่ยนรูปโฉมของตนเองตามใจนึก และคงสภาพอยู่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง

เว้นแต่จะมีขอบเขตการฝึกตนสูงส่งกว่าล้นพ้น ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครพบเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเขา

โชคร้ายก็ตรงที่ราคาของมันไม่ใช่ถูก คิดซื้อเม็ดหนึ่งจากศาลาปราณสมบัติก็ต้องจ่ายด้วยยี่สิบศิลาวิญญาณ

เพียงแต่จี้เตี๋ยทราบความสำคัญของมัน อะไรที่จำเป็นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้

ภายหลังขายสมุนไพรวิญญาณ จี้เตี๋ยจึงได้รับศิลาวิญญาณมากว่าสองร้อยก้อน ภายหลังจึงไปตระเวนซื้อวัตถุดิบปรุงยาทุ่งสมุทรและยาจำแลงกาย สุดท้ายจึงเตรียมเดินทางกลับไปปรุงยาขั้นกลางระดับที่หนึ่ง

เดิมเขาคิดอยากซื้อวัตถุดิบปรุงยาเสริมวิญญาณ เพราะอย่างไรแล้วมันก็เป็นยาที่สามารถเสริมพลังจิตวิญญาณแก่ผู้ใช้งาน แต่บางทีก็คงเพราะเหตุผลนี้จึงทำให้เขาไม่อาจซื้อหา

เพราะมันต้องการวัตถุดิบสองชนิดที่เหมือนกับการปรุงยาย้อนฝัน

ดังนั้นแม้จี้เตี๋ยจะรู้สึกเสียดาย เขาก็ยังปล่อยใจให้เป็นกลางขณะกลับยอดเขาสรรพสัตว์ไปดำเนินตามเส้นทางเดิม

และช่วงสองเดือนที่พ้นมานี้ เขาแทบไม่เคยได้เจอซูลั่วอีกเลย

เด็กสาวร่างเล็กที่ดูน่ารักน่าชัง ปัจจุบันสวมใส่ชุดศิษย์สำนักสีเขียวพร้อมสายคาดเอวที่ทำให้นางดูมีหน้าอกนูนขึ้นมาเล็กน้อย ปัจจุบันราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างขณะเดินลงจากภูเขา

ตอนนี้สรรพคุณของยาจำแลงกายยังไม่หมดไป จี้เตี๋ยเองก็เตรียมกลับไปปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ทักทายอะไรนาง

เพียงแต่พอเดินผ่านเด็กสาว เขากลับได้ยินเสียงฮึมฮัมดังขึ้น

“จี้เตี๋ย เจ้าคนลักซ่อน เหตุใดต้องปลอมตัว!”

“ศิษย์พี่หญิงกล่าวกับข้าหรือขอรับ?!” จี้เตี๋ยรู้สึกผิดอยู่พอประมาณ เพราะเขาได้ทดสอบสรรพคุณของยาจำแลงแล้ว ว่าแม้แต่ผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่หกก็ไม่น่าจะทราบตัวตนที่แท้จริงของเขาได้

เขาจึงไม่มั่นใจว่าซูลั่วใช่รู้เห็นว่าเป็นตนเองจริงหรือไม่

“เหอะ! ยังแกล้งทำเป็นเสแสร้งหรือ! ข้าได้สัมผัสได้ถึงลมปราณของเจ้า ดังนั้นการปลอมตัวนี้จึงไร้ค่ายามอยู่ต่อหน้าข้า!” เด็กสาวยืนกอดอกขณะมองตอบกลับมา

“ศิษย์พี่หญิงซูน่าทึ่งเกินไปแล้วขอรับ ถึงขั้นมองออกด้วย ขออภัยให้แก่ข้าในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีศัตรูมากมายจึงกลัวจะถูกทำร้ายเอาได้ขอรับ” พบเห็นว่าไม่อาจปิดซ่อน เขาจึงยอมรับออกมาตามตรง

ซูลั่วแค่นเสียงตอบรับ กระทั่งเมินเฉยคำกล่าวของจี้เตี๋ยและเอ่ยถาม “การปรุงยาของเจ้าเป็นอย่างไร ยังคิดสอบถามให้ข้าช่วยชี้แนะอยู่หรือไม่?”

“ไม่รบกวนศิษย์พี่หญิงซูขอรับ ข้าทำด้วยตนเองได้แล้วขอรับ” จี้เตี๋ยปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะเขาได้ข้ามผ่านธรณีประตูบานแรกมาเรียบร้อยแล้ว

ขอเพียงพยายามด้วยตนเองต่อไปได้ เขาก็ไม่คิดรบกวนผู้อื่น

“ศิษย์พี่หญิงซู หากว่าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนจะได้หรือไม่ขอรับ?”

“เจ้า!!” พบเห็นอีกฝ่ายคิดเร่งร้อนกลับ หน้าอกของซูลั่วจึงหอบหายใจรุนแรงขึ้นมา

“ฮึ! หากเจ้าไม่ต้องการคำชี้แนะ เช่นนั้นข้าก็ไม่ชี้แนะ ข้าไม่ได้สนใจเลยสักนิด แล้วจะรอดูว่าเจ้าจะเป็นนักปรุงยาเมื่อใด!”

‘ข้าเป็นนักปรุงยาแล้วขอรับ…’ จี้เตี๋ยอยากตอบออกไป แต่พอเห็นนางโกรธจึงเลือกเงียบ

“ไว้พบกันใหม่ขอรับ…”

ในโลกใบนี้ หากคิดอยากจะหักหน้าใครก็ต้องดูจังหวะเวลาอันเหมาะสมด้วย

จี้เตี๋ยปฏิเสธคำชี้แนะจากซูลั่วและเดินทางกลับไปปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่งของตนเอง เพียงแต่วัตถุดิบทั้งสามชุดที่ซื้อหามาล้วนเสียของ…

เด็กหนุ่มที่อายุสิบห้าปีกำลังเกาแก้มตนเองพลางลังเล ว่าแท้จริงควรไปขอคำชี้แนะจากซูลั่วดีหรือไม่

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เพิ่งปฏิเสธ หากตอนนี้ไปขอคำชี้แนะเหมือนจะน่าอับอายจนเกินไป

ทว่าภายหลังจากนั้น ที่ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง…

“เหอะ! ไม่ใช่เจ้ามีความสามารถหรอกหรือ ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการคำชี้แนะจากข้าหรอกหรือ?” ซูลั่วกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นเยือก

“ศิษย์พี่หญิงซูระงับอารมณ์ก่อนขอรับ”

จี้เตี๋ยไม่คิดให้ค่าความหน้าหนาหรือบางของตนเองอยู่แล้ว

ของจับต้องไม่ได้เช่นนั้น จะเทียบเท่าผลประโยชน์ที่แท้จริงได้เช่นไร?

“ข้ายอมรับแล้วขอรับ ก่อนหน้านี้ข้าประเมินตนเองสูงเกินไป! ขอศิษย์พี่หญิงซูให้โอกาสข้าอีกครั้งด้วยขอรับ!” จี้เตี๋ยกล่าวบอกพร้อมแสดงท่าทีจริงใจ

กลับกัน เขาพร้อมจะขุดหลุมทำให้ตนเองดูต่ำเตี้ยลงด้วยซ้ำ

“ชิ! วันนี้ข้าเพิ่งได้ทราบว่ามนุษย์ผู้หนึ่งจะสามารถมีหนังหน้าที่หนาถึงขั้นนี้ได้”

3.4 5 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด