บทที่148 ก่อตั้งองค์กรแสงอุษา ฟรี
แคว้นอาเมะ
ดินแดนอันแห้งแล้ง ซึ่งฝนมาไม่ถึงได้มีคนสองกลุ่มได้ยืนประจันหน้ากันด้วยสายตาเคียดแค้น
“พวกนายเป็นใคร?” ฝั่งของนินจาอาเมะหลายสิบคนจ้องไปยังกลุ่มคนฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าต้องการฆ่า
“มันไม่สำคัญหรอกว่าเราเป็นใคร สิ่งที่สำคัญกว่าคือพวกนาย ในฐานะนินจาแคว้นอาเมะ กลับมาโจมตีพลเรือนจากแคว้นเดียวกันต่างหาก” ยาฮิโกะพูดด้วยอารมณ์โกรธ
ตั้งแต่ริวอุนจากไป ทั้งสามก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างจากเมื่อก่อน เพราะตอนนี้พวกเขามีเป้าหมายใหม่แล้ว
ดังนั้นชีวิตเร่ร่อนของพวกเขา เขาเลยได้ทำความรู้จักนินจาต่าง ๆมากมายและได้กลายเป็นเพื่อนกัน
เมื่อเวลาผ่านไป มีคนประมาณยี่สิบถึงสามสิบคนได้ติดตามพวกเขามา
วันนี้พวกเขาก็ยังคงเดินทางเหมือนเดิม
ทว่าพอพวกเขาเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆแห่งหนึ่ง เขาก็ได้พบว่าจริง ๆแล้ว นินจาของอาเมะงาคุเระกำลังปล้นสะดม ทำให้พวกเขาโกรธมากกับการกระทำนี้
“เหอะ! พวกเขาไม่ใช่นินจาของอาเมะงาคุเระอีกต่อไปแล้ว พวกเรากลายเป็นนินจาถอนตัวแล้วต่างหาก” นินจาอีกคนหนึ่งของฝั่งยาฮิโกะได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เขาเป็นนินจาถอนตัว ต่อมาได้เจอกับยาฮิโกะ นางาโตะและโคนัน พวกเขาเลยได้กลายมาเป็นเพื่อนกัน
“พวกนายกำลังคุยบ้าอะไรกันอยู่ ถ้าจะฆ่าก็รีบฆ่า เสียเวลาจริง ๆ” คาคุซึแค่นเสียงพูด เขาเสียเวลาทำเงินเพราะตามเด็กสามคนตรงหน้าตามคำสั่งอยู่ เขาเลยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
แต่ว่า ถึงมันจะน่าเบื่อ มันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับคนที่อยู่มานานด้วยตัวคนเดียวแบบเขา
“คุณคาคุซึ อย่าฆ่านะ” นางาโตะรีบเตือนคาคุซึ
พวกเขาแค่อยากหยุดนินจาถอนตัวตรงหน้าเขา ไม่ได้อยากฆ่าเลย
คาคุซึมองนางาโตะด้วยสายตาปลาตาย เขาได้ยินริวอุนบอกเขาว่านางาโตะรักความสงบสุข แต่ในสายตาเขา เขาคิดว่านางาโตะเป็นคนไร้เดียงสามากกว่า
ความไร้เดียงสานี้จะค่อย ๆหายไปพร้อมกับสงครามที่เกิดขึ้น เขาเคยคิดแบบนี้ สุดท้าย สองปีต่อมา นางาโตะก็ยังเป็นเหมือนเดิม
จากความรู้สึกเหยียดหยามของเขา ได้กลายมาเป็นความนับถือ ในโลกนินจาอันโหดร้ายนี้ ยังมีคนรักษาความคิดแบบบริสุทธิ์ได้อยู่อีก
“ใช่แล้วคุณคาคุซึ แค่เอาชนะพวกเขาก็พอ” ยาฮิโกะพูดสนับสนุนนางาโตะ
จากนั้นเขาก็ชักคุไนออกมาแล้วมุ่งตรงไปยังศัตรู
เคร้ง!
เสียงปะทะกันของเหล็กดังขึ้น ประกายไฟจากคุไนของสองฝ่ายตอบโต้กันไปมา
คุไนเริ่มปลิวว่อน ซึ่งมีคุไนเล่มหนึ่งพุ่งตรงไปหานางาโตะ ทว่านางาโตะกลับไม่หลบ เขายืนนิ่ง เมื่อเห็นคุไนเข้ามาใกล้ ความตายมาเยือน เขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับเนตรสังสาระ
วินาทีต่อมา พลังที่มองไม่เห็นก็พุ่งออกไป
ตูม!
ตัวของนินจาอาเมะได้ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็รู้สึกถึงแรงกระแทกอันน่าสะพรึงกลัว ร่างของเขาลอยออกไปไกลจนกระแทกซากปรักหักพังจนถล่มลงมา
ความเจ็บปวดแสนสาหัสกระจายไปทั่วร่าง
“มัน... เกิดอะไรขึ้น?” นินจาอาเมะงาคุเระอีกคนสะดุ้งสุดตัว เพราะพลังนั้นไม่สามารถมองเห็นได้
ไม่ทันขาดคำ ร่างของนินจาคนนี้ก็ถูกบางอย่างดึงเข้าไปหานางาโตะด้วยพลังของเนตรสังสาระ เมื่อนางาโตะดึงตัวไปแล้ว นางาโตะก็กำหมัดต่อยเข้าไปเต็มแรงจนนินจาอาเมะสลบไปอีกคน
“นั่นคือพลังของเนตรสังสาระในตำนาน... บางทีเด็กคนนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง ๆ” คาคุซึยืนดูอยู่ห่าง ๆ เขาทึ่งกับพลังของเนตรสังสาระมาก
พลังของนางาโตะน่ากลัวเกินไป ต่อให้มีเขาอีกสิบคนก็ยังไม่สามารถสู้ได้
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ทว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป ฝั่งของยาฮิโกะ มีทั้งโคนัน นางาโตะและคาคุซึอยู่
นินจาอาเมะธรรมดา ต่อให้เป็นโจนินก็ไม่สามารถล้มพวกเขาสี่คนได้ นอกเสียจากว่านินจาครึ่งเทพฮันโซจะลงมือเอง
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ นินจาอาเมะงาคุเระทุกคนก็พ่ายแพ้ลง
ตุบ!
นินจาอาเมะคนสุดท้ายหลังตกลงกระแทกพื้น ความเจ็บปวดแพร่ไปทั่วตัว
“ฆ่า ฉัน ซะ!” ผู้นำกลุ่มนินจาอาเมะงาคุเระกระอักเลือดเต็มปาก เขากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาแล้วหลับตาลง ยอมรับชะตากรรม
ในแคว้นอาเมะอันวุ่นวายนี้ พวกเขาเคยชินกับการฆ่าและการถูกฆ่าแล้ว หากเขาชนะ เขาจะฆ่าคนอื่น หากคนอื่นชนะแบบตอนนี้ เขาก็จะยอมรับความตาย
ยาฮิโกะเดินมาใกล้ อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มผมส้มไม่ได้ลงมือฆ่าแบบที่อีกฝ่ายคิดเอาไว้
“ฉันบอกไปแล้ว เราแค่อยากหยุดการกระทำของนาย ไม่ใช่การฆ่าใคร” ยาฮิโกะกล่าว
ยาฮิโกะรู้ว่าการฆ่าคนเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย มีเพียงการที่ทุกคนเข้าใจกันเท่านั้น แคว้นอาเมะถึงจะได้รับสันติสุขจริง ๆ
“จะ... ไม่ฆ่าเราเหรอ?” นินจาอาเมะตรงหน้ายาฮิโกะลืมตา เขาพยายามยันตัวลุกขึ้น สายตามองยาฮิโกะด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“แคว้นอาเมะของเราอยู่ในความสับสนวุ่นวาย พวกเราต่างก็กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหา แม้ว่าเราไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่าแต่ฉันเชื่อว่าหากมีคนลงมือทำ วันหนึ่งมันจะสำเร็จอย่างแน่นอน” ยาฮิโกะยิ้มยิงฟัน
“ไม่ว่าจะเป็นยังไง พวกเราก็หวังว่าคุณจะหยุดทำร้ายคนบริสุทธิ์นะ” นางาโตะเดินเข้ามากล่าวเสริม
จากนั้นกลุ่มของยาฮิโกะและพวกก็พากันเดินจากไป
หัวหน้ากลุ่มนินจาอาเมะงาคุเระมองตามหลังยาฮิโกะไป ในใจรู้สึกปั่นป่วน
‘ถ้าเป็นพวกเขา... คงจะเปลี่ยนแคว้นฝนของเราได้ใช่ไหม?’ ความคิดนี้ลุกลามขึ้นมาในใจ เขาหันไปมองกลุ่มของเขาด้านหลัง
ทุกคนสื่อสารกันทางสายตา จากนั้นพวกเขาก็พยักหน้าให้กันแล้วไล่ตามหลังกลุ่มยาฮิโกะไป
ยาฮิโกะ นางาโตะและคนอื่น ๆได้สังเกตว่านินจาอาเมะที่พวกเขาไว้ชีวิตได้ไล่ตามพวกเขามา ดังนั้นพวกเขาเลยตัดสินใจหยุดเดิน
“หึ เคยบอกไปแล้วไงว่าให้ฆ่าดีกว่า” คาคุซึหัวเราะเย้ยหยัน
“ไม่... เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าใจเราผิด!” พวกเขารีบตะโกะหยุดหลังจากได้ยินคาคุซึพูด “พวกเราเองก็ไม่ต้องการใช้ชีวิตไปวัน ๆแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้น... พวกเราขอตามพวกนายไปด้วยเถอะ!”
“ไม่ต้องการ” ยาฮิโกะส่ายหน้า
“ไม่ใช่ว่านายบอกว่าต้องการเปลี่ยนแปลงแคว้นอาเมะงั้นเหรอ?” นินจาอาเมะต่างตกใจกับคำพูดของยาฮิโกะ
“แน่นอนว่าต้องการ แต่ฉันไม่ได้ต้องการลูกน้อง พวกเราต้องการเพื่อนร่วมอุดมการณ์ต่างหาก ถ้าอยากมาด้วยกัน งั้นนายก็มาเป็นเพื่อนกับพวกเราสิ!” ยาฮิโกะยิ้มอย่างสดใส
“เพื่อน…” หัวหน้ากลุ่มนินจาอาเมะตกใจ ต่อมาเขาก็ค่อย ๆยิ้มรับ “ตกลง!”
“ฮี่ฮี่ ถ้างั้นก็ตามเรามา จากนี้ไปพวกนายไม่ใช่นินจาอาเมะงาคุเระอีกแล้วนะ” กล่าวจบยาฮิโกะก็เดินไปจับมือกับหัวหน้านินจาอาเมะคนนั้นแล้วเขย่าเบา ๆ
นางาโตะมองดูกลุ่มของพวกเขาซึ่งเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมา
“ยาฮิโกะ... เรามีคนเยอะขึ้นแล้ว เราควรจะตั้งชื่อองค์กรของเราได้แล้ว หากยังมีคนเข้ามาเรื่อย ๆมากกว่านี้ เราต้องทำให้มันเป็นเรื่องจริงจัง”
นางาโตะนึกไปถึงเรื่องที่ริวอุนเคยพูด สร้างองค์กรอันทรงพลัง จากนั้นก็รวมโลกนินจาให้เป็นหนึ่ง นำสันติสุขมาสู่โลกนินจา
“ชื่อ...” ยาฮิโกะหันมามองนางาโตะด้วยสายตาว่างเปล่า เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแวบหนึ่งแล้วมุมปากของเขาก็โค้งงอ “ถ้างั้นก็เรียกมันว่า... แสงอุษาแล้วกัน!”
**********************