บทที่ 185 คำนับสามครั้งแล้วเรียกข้าอาจารย์
เฉิงหลงมองดูร่างของเจียงอวี๋หายไปจนสุดปลายถนน แล้วเผยเหยียดยิ้มเยาะหยางเสี่ยวเทียนผู้ยังมิล่วงรู้ชะตากรรมตน ว่าครานี้คงได้ดับสิ้นหลงเหลือเพียงชื่อให้จนจำ
ข้าหวังว่าครั้งนี้เจ้าจะได้ตายสมใจ!
ด้วยนิสัยอันโหดร้ายของอาจารย์ตน เขารับรู้ดีว่าคนเช่นเจียงอวี๋ไม่มีทางปล่อยผู้ที่ภายภาคหน้าอาจเก่งกาจเทียบเท่าเขาไปได้ ซึ่งหยางเสี่ยวเทียนต้องถูกเขาสังหารแน่นอน หลังจากได้ทราบเกี่ยวกับทักษะวายุคลั่งแล้ว
เนื่องจากการชี้นำของเฉิงหลง เจียงอวี๋จึงร้อนใจเร่งมาให้ถึงยังจวนหยางเสี่ยวเทียน
เมื่อได้เห็นกำแพงจวนของหยางเสี่ยวเทียนทอดยาวไปจนสุดถนน เจียงอวี๋ก็พลันแสดงสีหน้าประหลาดใจในทันที
เขามิได้คาดหวังว่าหยางเสี่ยวเทียนจะอาศัยอยู่ในที่ใหญ่โตโอฬารปานนี้ แม้ยังเป็นแค่เด็กอายุน้อย แต่กลับมีจวนที่บ่งบอกถึงสถานะอันทรงอำนาจ เห็นทีเขาคงมาจัดการถูกคน เจียงอวี๋เหยียดมุมปากแสดงออกถึงความเกลียดชังทันใด
“เจ้าเด็กเหลือขอนี่ คงมีพื้นเพมาจากตระกูลผู้มีอิทธิพลงั้นสินะ” เจียงอวี๋พูดอย่างเย็นชา
จากนั้น เขาก็พลันหันศีรษะไปบอกกล่าวกับองครักษ์ของเฉิงหลง “เจ้ารอข้าข้างนอก ข้าจะไปทำธุระเสียหน่อย”
กล่าวเช่นนั้นจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเคาะประตูเรียกคนในจวนหยางเสี่ยวเทียนอย่างสุภาพมาดนิ่ง
แม้เขาจะเป็นชายผู้นับว่าชื่อเสียงโหดเหี้ยมเด็ดขาด แต่เมื่อต้องเข้าหาคนผู้ยังมิเคยพบเจอ เขาก็มักจะวางตัวเป็นคนมีเหตุผลและปฏิบัติตนด้วยความสุภาพก่อน แล้วค่อยหาเรื่องระรานข่มเหงเพื่อกดขี่เอาทุกอย่างที่ต้องการ
ซึ่งหากหยางเสี่ยวเทียนรับรู้ว่าเขาสนใจสิ่งใด แล้วยอมบอกหรือมอบให้แต่โดยดี เรื่องร้ายที่ต้องบานปลายก็จะไม่เกิดขึ้น พร้อมรับความเมตตาจากเขาให้ยังใช้ชีวิตได้อย่างผาสุขเช่นเคย
แต่หากหยางเสี่ยวเทียนรับรู้ถึงความต้องการเขา แล้วหมายกล้าปฏิเสธอย่างมิคิดเกรงกลัว ก็อย่าได้ตำหนิที่เขาระดมกำลังทหารมาบุกทำลายจวนอันงดงามนี้ก็แล้วกัน
หลังจากเจียงอวี๋เคาะประตู ผู้คอยเฝ้ารักษาหน้าประตูก็เปิดออกมาสอบถามถึงเหตุผลของเขาว่าต้องการสิ่งใด
“นามข้าคือเจียงอวี๋ ปรมาจารย์นักปรุงโอสถในตำนานของอาณาจักรเทียนโต้ว ข้าต้องการพบหยางเสี่ยวเทียน เจ้าช่วยไปแจ้งให้เขาทราบด้วย” น้ำเสียงเย่อหยิ่งของเจียงอวี๋ขณะยืนหันหลังตอบอย่างทะนงตน
ผู้รักษาประตู มองดูเบื้องหลังเจียงอวี๋ด้วยสีหน้าฉงนสงสัย
เนื่องจาก หยางเสี่ยวเทียนครองอันดับหนึ่งของการแข่งขันหลอมโอสถ จึงมีผู้คนมากหน้าหลายตามาขอเข้าเยี่ยมเขาอยู่นับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งในช่วงสองวันที่ผ่านมาก็มีหลายคนที่ขอเข้าพบพร้อมอ้างตนเป็นนักปรุงโอสถในตำนาน
ครั้นมองอย่างพินิจพิจารณาอยู่ครู่ เขาจึงขอให้เจียงอวี๋รออยู่ตรงนี้ก่อน แล้วจึงหันหลังกลับส่งคนอีกผู้ให้ไปรายงานต่อหยางเสี่ยวเทียนในทันที
ซึ่งเวลานี้ หยางเสี่ยวเทียนกำลังหลอมโอสถอยู่ในลานหลังจวนพร้อมกับอูฉี หลิวอัน และคนอื่นๆ ที่กำลังเฝ้าดูอยู่โดยรอบ
เมื่อได้ยินรายงานจากผู้ใต้บัญชา พวกเขาก็แทบอุทานออกมาพร้อมกันด้วยอดประหลาดใจมิได้หลังทราบว่าใครเป็นผู้มาเยือนในครานี้
“เจียงอวี๋งั้นหรือ”
หยางเสี่ยวเทียนขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงบอกให้เขาเชิญเจียงอวี๋เข้ามา ทาสผู้นั้นรีบสืบเท้าออกจากลานด้านหลังกลับไปหาเจียงอวี๋ทันที
ใบหน้าเจียงอวี๋พลันมืดลง ครั้นเห็นทาสผู้ส่งตัวไปรายงานหวนกลับมาเพียงผู้เดียว ไม่มีแม้เงาของหยางเสี่ยวเทียนออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง
ด้วยฐานะอันสูงส่งของเขาในตอนนี้ ต่อให้เป็นถึงองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเสินไห่ ก็ยังต้องออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง แต่หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้กลับกล้าเสียมารยาทต่อเขาเช่นนี้ได้อย่างไร
เจียงอวี๋ก้าวเท้าตามทาสเข้าไปในจวน ขณะอารมณ์เริ่มคุกรุ่นด้วยโทสะแสดงออกทางสีหน้าไม่ชอบใจอย่างชัดเจน
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ายังเขตจวน เขาก็เห็นกลุ่มทาสที่อยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ ต่างหมั่นฝึกฝนวรยุทธและนั่งเข้าฌานบ่มเพาะพลังตลอดทางที่ตนย่างกรายผ่านไป
เขาเดินต่อไปอีกพักหนึ่ง สายตาก็พลันเบิกกว้างหลังเหลือบเห็นทาสจำนวนมาก กำลังฝึกฝนหลอมโอสถอยู่ ณ เวลานี้ ซึ่งพวกเขาค่อนข้างมีความสามารถมากเลยทีเดียว
เจียงอวี๋ถึงกับผงะด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากคนเหล่านี้ค่อนข้างเป็นประโยชน์อย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าหยางเสี่ยวเทียน จะสามารถฝึกฝนผู้คนมากมายได้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้
ระหว่างสับเท้าเดิน เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าทาสผู้นำทาง กำลังพาเขามุ่งไปยังหลังจวน เจียงอวี๋เกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามออกไปทันที “นายน้อยของเจ้า มิได้อยู่ในโถงเรือนหลักงั้นหรือ”
“นายน้อยกำลังหลอมโอสถในสวนด้านหลังขอรับ” ผู้นำทางกล่าวด้วยความเคารพ
เมื่อเจียงอวี๋มาถึงสวนด้านหลัง เขาก็ได้ประสบเห็นไฟแห่งสวรรค์และโลก ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหยางเสี่ยวเทียน กลายเป็นลมหมุนวน หอบเอาสมุนไพรเกือบร้อยชนิด สำหรับหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการ ผสานเข้าไปในสายลมวังวนนั้น
จากนั้นไฟแห่งสวรรค์และโลก ก็เริ่มโคจรอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับแผ่เปลวไฟเข้าหาสมุนไพรนับร้อยชนิด
ซึ่งทุกครั้งที่เกิดการหมุนวน สมุนไพรจะต้องละลายด้วยเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลก แล้วเริ่มหยดลงสู่เตาหลอมโอสถอย่างต่อเนื่อง
คราได้เห็นฉากอันน่าอัศจรรย์เบื้องหน้าในยามนี้ เจียงอวี๋ก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง จนลืมจุดประสงค์ของตนไปในทันที ว่าตนนั้นมาที่นี่เพราะเหตุใด
ไม่ช้า สมุนไพรเกือบร้อยชนิดก็ละลายจนหมดสิ้น แล้วตกลงไปในเตาหลอมโอสถราวกับเม็ดฝน
เมื่อรับรู้ถึงการมาถึงของเจียงอวี๋ หยางเสี่ยวเทียนก็หยุดการกระทำของตนลงทันที
ขณะที่หยางเสี่ยวเทียนหยุดมือ เจียงอวี๋ก็ได้สติสัมปชัญญะกลับคืนมาอีกครั้ง
เขารับรู้ได้ว่า หยางเสี่ยวเทียนผู้อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ มีพรสวรรค์ด้านหลอมโอสถสูงส่งขนาดไหน
“คำนับใต้เท้า ท่านผู้อาวุโสเจียงอวี๋ ปรมาจารย์นักปรุงโอสถในตำนานของอาณาจักรเทียนโต้ว ลำบากมาพบข้าถึงจวนเพียงนี้ ด้วยเหตุอันใดหรือ” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวอย่างสุภาพพลางยกมือกำหมัดประสาน
เจียงอวี๋มองไปยังหยางเสี่ยวเทียน พร้อมกล่าวเข้าประเด็นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ใช่ ข้าคือเจียงอวี๋ หยางเสี่ยวเทียน วันนี้นับว่าเจ้าโชคดีที่ข้ามีเมตตา จงคุกเข่าลงคำนับสามครั้งแล้วเรียกข้าว่าอาจารย์เสีย ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์”
หยางเสี่ยวเทียนตกตะลึงทันที เขาตัวแข็งค้างในท่านั้นอยู่นานสองนาน
อูฉี หลิวอันและคนอื่นๆ ที่กำลังเฝ้าดูการหลอมโอสถของหยางเสี่ยวเทียน ต่างมองดูเจียงอวี๋ด้วยท่าทีแข็งค้างเช่นกัน
“ขอบคุณผู้อาวุโสเจียง สำหรับน้ำใจของท่าน” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ
จากนั้น เขาส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “แต่ตอนนี้ ข้ายังไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะการหลอมโอสถจากใคร”
ด้วยระดับการหลอมโอสถในปัจจุบันของเขา แม้แต่นักปรุงโอสถผู้เป็นตำนานหลายคนแห่งอาณาจักรมังกรศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะสอนเขา สำมะหาอะไรกับเจียงอวี๋
สิ่งที่เขาขาดตอนนี้ คือการก้าวหน้าด้านความแข็งแกร่งและขั้นพลังยุทธ์เท่านั้น
ครั้นเห็นหยางเสี่ยวเทียนปฏิเสธตนด้วยความเด็ดเดี่ยวใจกล้า เจียงอวี๋ก็พลันส่ายหัวอย่างเสียดายแล้วพูดว่า
“ข้าเกรงว่า อำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า แต่เป็นข้าต่างหาก”
ทันทีที่หยางเสี่ยวเทียนได้ฟังดังนั้น ก็เหยียดยิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำคำเรียบเฉย “ถ้าเช่นนั้น ผู้อาวุโสเจียง จะใช้กำลังบังคับข้ากระนั้นหรือ”