บทที่ 13 แผนการลับของสองตระกูล
บนต้นไม้ใหญ่ หลัวเฉิงกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌาญบ่มเพาะพลัง
พร้อมกับวิญญาณยุทธ์ไข่ลึกลับเก้าสีลอยอยู่เหนือศีรษะเบื้องหลังเขา มันค่อยๆหมุนวนดูดซับปราณแห่งสวรรค์และโลก
เขาเพิ่งดูดกลืนวิญญาณสัตว์อสูรระดับสูงและสูญเสียปราณแท้ไปมาก ดังนั้นจึงตัดสินใจพักผ่อนอยู่ที่นี่สักครู่
หลังจากนั้นไม่นาน หลัวเฉิงก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนนึกขึ้นได้ว่าตนนั้นอยู่ในหุบเขานี้มาหลายวันแล้ว
“นี่คงถึงเวลาต้องกลับแล้ว” หลัวเฉิงพึมพำกับตนเอง
เขามองไปยังหีบที่บรรจุบางสิ่ง ซึ่งวางอยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้
ภายในนั้น คือชิ้นส่วนสัตว์อสูรจำนวนมาก ซึ่งเขาได้มาจากการล่าสัตว์อสูรเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
โอสถหยกเย็นหลอมกายาทั้งสามเม็ด ก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว และชิ้นส่วนสัตว์อสูรจำนวนมากเหล่านี้ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ จากนั้นก็นำมันไปซื้อโอสถหลอมกายาเพื่อใช้ฝึกฝน
ด้วยสิ่งนี้ เขาต้องสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับแปดได้แน่!
ระหว่างที่เขากำลังขบคิดอยู่นั้น ก็พลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ครั้นหลัวเฉิงมองลงมาจากบนต้นไม้สูง ทอดสายตาไปตามทิศทางของเสียง ไม่ช้า เขาก็เลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นว่ามีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังรุดหน้ามาทางนี้
“คนจากตระกูลหลิน!” หลัวเฉิงอุทานด้วยความประหลาดใจ
ท่ามกลางป่าทึบ ปรากฏร่างชายหนุ่มสามคนกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลัวเฉิงจำพวกเขาได้ทันที เพราะพวกเขาทั้งหมดนี้เป็นทายาทของตระกูลหลิน
“พี่หลินหง ผลผลึกทับทิมอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่มันมีเสือดาวเมฆเพลิงคอยปกป้อง ข้าเกรงว่าคงมิใช่เรื่องง่ายที่จะได้มาซึ่งผลผลึกทับทิม” หนึ่งในสองคนที่วิ่งอยู่ข้างหลังกล่าวขึ้น
“เสือดาวเมฆเพลิงปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า! ตราบใดที่ข้าได้ผลผลึกทับทิม ข้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับแปด หากข้าสร้างผลงานในงานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้ได้สำเร็จ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม!” ชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ด้านหน้ากล่าวด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“พี่หลินหง งานชุมนุมล่าสัตว์จะจัดขึ้นทุกห้าปีมิใช่หรือ ข้าจำได้ว่ามันเพิ่งผ่านมาสามปีเท่านั้นเอง ไฉนท่านถึงรีบร้อนถึงปานนี้” หนึ่งในสองคนข้างหลังพลันถามอย่างสงสัย
“มิผิด แต่ครานี้มันถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น เนื่องจากผู้นำตระกูลหลัวได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังมิได้สติกลับคืน ผู้นำตระกูลหลินจึงจะใช้โอกาสนี้กำจัดตระกูลหลัวออกไปเสีย ดังนั้นเขาจึงร่วมมือกับตระกูลฉี เพื่อการนี้โดยเฉพาะ” ชายหนุ่มผู้นำกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เลื่อนให้เร็วขึ้นงั้นหรือ? เรื่องนี้ตระกูลหลัวเห็นด้วยหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลัวยังคงมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจี ซึ่งตระกูลจีเป็นตระกูลลึกลับโบราณ หากเราทำอะไรตระกูลหลัวขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาต้องลงมือเป็นแน่…” หนึ่งคนข้างหลังขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ชายผู้นำก็พลันหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่า พวกเจ้าอย่าได้กังวลไป เราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวตระกูลจีอีกต่อไปแล้ว! แม้นก่อนหน้าจะเป็นดั่งเจ้าว่าก็จริง แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะหลัวเฉิงปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา ทั้งยังท้าทายอัจฉริยะของตระกูลจีอีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกตระกูลจีทอดทิ้ง!”
“ฮ่าฮ่า เป็นเพียงขยะกลับกล้าท้าทายอัจฉริยะของตระกูลจี! เช่นนั้นแล้ว หลัวเฉิงก็กลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ในการทำลายตระกูลหลัวของตนเองมิใช่หรือ!” หนึ่งคนข้างหลังหัวร่อดังที่สุด
“เลิกกล่าวไร้สาระได้แล้ว รีบไปกันเถอะ ข้าเกรงว่าผลผลึกทับทิมจะถูกผู้อื่นชิงไปเสียก่อน!” ชายผู้นำเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นจริงจัง
ขณะนี้ บุรุษทั้งสามคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะบินผ่านใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่หลัวเฉิงอาศัยอยู่ข้างบน
หลัวเฉิงได้ยินเรื่องราวทุกอย่างที่ทั้งสามกล่าวเมื่อครู่ ทำเอาใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความหมองเศร้าในเพลานี้ ด้วยเรื่องที่ทั้งสามสนทนา มันเริ่มต้นมาจากความผิดพลาดของเขาเอง
“ตระกูลหลินและตระกูลฉีร่วมมือกันกำจัดตระกูลหลัวกระนั้นหรือ…” หลัวเฉิงพึมพำพลางกระชับหมัดแน่น
ทันใดนั้น หลัวเฉิงจึงกระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ และสะกดรอยตามพวกเขาไปอย่างเงียบๆ
ผลผลึกทับทิมเป็นโอสถระดับสองดาว ข้าต้องชิงมันมาให้ได้!
หลังวิ่งผ่านออกจากป่าทึบ ทัศนวิสัยก็กว้างขึ้นอย่างทันตา
เบื้องหน้ามีเส้นทางเล็กๆ อยู่หนึ่งสาย ไม่รู้ว่ามันทอดยาวไปถึงแห่งใด
แต่ข้างทางนั้นเป็นเนินเขาเล็กๆ ที่มีต้นไม้สีแดงเพลิง มาตรว่าสูงกว่าหนึ่งฉื่อ พลิ้วไหวตามแรงลม
ที่ยอดบนสุดของมัน มีผลไม้อยู่สองผล ซึ่งรูปลักษณ์ของมันราวกับผลึกเพลิง!
เมื่อเห็นผลไม้ทั้งสอง ดวงตาของหลัวเฉิงก็ลุกโชติช่วงราวกับไฟ
ผลผลึกทับทิมเป็นโอสถระดับสองดาว ซึ่งมันมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหลอมกายา!
หลินหงและคนอื่นๆ ก็เห็นมันเช่นกัน ทั้งสามรีบกรูเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า ก็มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเมฆเพลิง กระโจนปราดเข้ามาขวางพวกเขาไว้อย่างกะทันหัน
เสือดาวเมฆเพลิง สัตว์อสูรระดับสูงหนึ่งดาว!
เสือดาวเมฆเพลิงนี้คงโตเต็มวัยแล้ว มันอาจมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับหลินหง ซึ่งอยู่ในขั้นหลอมกายาระดับเจ็ด แต่ด้วยการกระหน่ำโจมตีของอีกสองคน มันจึงค่อยๆ ล่าถอย
โห่ว!
ทันใดนั้น เสือดาวเมฆเพลิงก็คำรามดังสนั่น ก่อนหันหลังกลับรีบวิ่งไปยังต้นไม้สีแดงเพลิง
“มันกำลังจะกลืนผลผลึกทับทิม รีบหยุดมันไว้!” หลินหงพลันแผดเสียงตะโกนลั่น
แล้วเขยื้อนร่างตนพุ่งออกไปพร้อมกับอีกสองคน เพื่อหยุดเสือดาวเมฆเพลิงไม่ให้กลืนผลผลึกทับทิม
เมื่อเส้นทางของสัตว์อสูรถูกปิดกั้น ดวงตาของเสือดาวเมฆเพลิงก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ มันหันกลับมาต่อสู้อย่างบ้าคลั่งราวกับสุนัขจนตรอก
ชายสามคนและหนึ่งสัตว์อสูร ต่างเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายเสือดาวเมฆเพลิงก็พ่ายแพ้ และถูกหลินหงสังหารด้วยหมัดอันโหดเหี้ยม
อย่างไรก็ตาม หลินหงและอีกสองคนก็มิได้มีสภาพที่ดีนัก ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและคราบเลือด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรอยแผลจากกรงเล็บยาวราวฉื่อบนหน้าท้อง สร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนเกือบสิ้นใจ
“สัตว์อสูรตัวนี้รับมือได้ยากจริงๆ!” หลินหงถ่มน้ำลายที่ปนเลือดเล็กน้อยออกมา
จากนั้นเหลือบสายตาไปยังผลผลึกทับทิมบนเนินเขา ก่อนสีหน้าจะแสดงออกถึงความปิติยินดี แล้วรีบปรี่วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว