ตอนที่ 300
ตอนที่ 300
หลังจากออกจากเมืองตะวันตกเฉียงเหนือ เต๋าซุนก็เดินทางไปยังเมืองใบไมเปิ้ลต่อ
เสี่ยวกุ้ยจื่อ และ เหยาเซิงหนาน ยังคงอยู่ที่นั่น
เมืองที่มีลักษณะคล้ายใบเมเปิ้ลนี้จะเบ่งบานในสีสันอันเหี่ยวเฉาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
อากาศค่อยๆเย็นลงแล้ว
เต๋าซุนชอบฤดูใบไม้ร่วงนี้เล็กน้อย
และยังชอบฤดูฝนที่ต่อเนื่อง เขาจำได้ว่าตอนที่เขายังเด็กมากเขาชอบเดินท่ามกลางสายฝน
เมื่อเขามาถึงเมืองใบเมปิ้ล เสี่ยวกุ้ยจื่อ และ เหยาเซิงหนาน ก็ยังคงอาศัยอยู่ที่ลานบ้านหลังเดิม
อาการบาดเจ็บของเสี่ยวกุ้ยจื่อหายดีแล้วเช่นกัน
“พี่ใหญ่ !!” เสี่ยวกุ้ยจื่อ ทักทายเต๋าซุนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเขามาถึง
“ดูเหมือนช่วงนี้เจ้าจะมีชีวิตที่ดีเลยหนิ ” เต๋าซุนถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เลยขอรับ ข้าเบื่อจะตายอยู่แล้ว” เสี่ยวกุ้ยจื่อยิ้มเช่นกัน
เต๋าซุนพยักหน้า หันไปหาเหยาเซิงหนานแล้วพูดว่า "นิกายจื่อเทียนล่มสลายแล้ว "
“ท่านไม่ได้โกหกจริงๆ” เหยาเซิงหนานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ท้ายที่สุด ในความทรงจำของนาง การมีอยู่ของนิกายระดับจักพรรดิที่มีจักรพรรดิสองคนก็ใหญ่โตเกินไปจริงๆ
“เจ้าอย่าพูดกับพี่ใหญ่เช่นนั้นได้ไหม” เสี่ยวกุ้ยจื่อจ้องไปที่เหยาเซิงหนานและพูดอย่างใจเย็น
“พี่ใหญ่ซุนไม่ใช่คนโกหกเสียหน่อย จะมีอะไรกันกับแค่นิกายจื่อเทียนเล็กๆ ”
“อื้ม ข้าอาจกังวลมากไป” เหยาเซิงหนานพยักหน้าอย่างเชื่อฟังหลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวกุ้ยจื่อ
จากนั้นเขาก็มองไปที่ เต๋าซุน และพูดว่า "เช่นนั้นข้าจะบอกความลับของต้นไม้แห่งชีวิตให้กับท่าน "
เมื่อเห็นฉากนี้เต๋าซุนก็ยิ้มเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนนี้สินะ…
เขาไม่คิดเลยว่า เสี่ยวกุ้ยจื่อ เด็กหนุ่มผู้มีคิ้วหนาและตาโตใสซื่อคนนี้จะเชี่ยวชาญด้านการจีบสาวด้วย
ถึงขนาดจีบเหยาเซิงหนานติดในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้
เต๋าซุนไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หยิบดาบออกมาจากแหวน
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของดาบ เหยาเซิงหนานก็พูดด้วยน้ำเสียงที่คิดถึง "ดาบสังหารเทพ
อาวุธแท้จริงที่จักรพรรดิจูเทียนทิ้งไว้ ”
เต๋าซุนพยักหน้า
ต่อจากนั้น เหยาเซิงหนาน ก็ได้ส่งต่อความลับในการใช้ใบไม้มารดาของต้นไม้แห่งชีวิตให้กับเต๋าซุน
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนก็ออกจากเมืองใบเมเปิ้ลและมุ่งหน้าไปยังนิกายเมฆาศักด์สิทธิ์
-
ยักษ์ตัวนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกไกลเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
มันยังคงปกคลุมไปด้วยหมอกสวรรค์ และมีเกาะลอยอยู่บนท้องฟ้า
สิ่งก่อสร้างหลายพันแห่งกับเหมืองหอคอย และยอดเขาก็ทอดยาวไปถึงก้อนเมฆ
บางที นอกจากช่วงเวลาแห่งการแย่งชิงโชคชะตาแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็มักจะสงบสุขอยู่เสมอ
เมื่อเต๋าซุนกลับมาถึงนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไปที่ภูเขาของบิดาทันที
เหล่าศิษย์ที่พบเขาระหว่างทางต่างก็ทักทายและทำความเคารพเขาในฐานะบุตรแห่งสวรรค์
นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงเป็นนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เช่นเดิม และดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
“กลับมาแล้วรึ” บนยอดเขาเมฆา สายลมเย็นพัดโชยมา เต๋าเสี่ยวโม่ยังคงสวมเสื้อสีเขียว ยืนอยู่ริมแม่น้ำบนยอดเขา
มีผมสีขาวบนขมับของเขา เขามีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏอยู่บนใบหน้า
เขามองไปที่ เต๋าซุน และพูดอย่างมีความสุข: "เจ้าโตขึ้นมากเลย"
“ท่านพ่อ” เต๋าซุนกล่าวออกมา จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้คนย่อมต้องเติบโตขึ้น”
“ถูกต้อง การอยู่ห่างจากบ้านนั้นคงไม่ค่อยจะสุขสบายเท่าไหร่สินะ” เต๋าเสี่ยวโม่พยักหน้าและพูด
“หากเจ้าพบกับความไม่เป็นธรรม เจ้าก็จงมาขอความช่วยเหลือจากนิกายซะ อย่าได้ลังเล
อย่างน้อยพวกเรานิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่หวาดกลัวผู้ใด”
“ข้าได้ยินมาว่าผู้นำนิกายเซียวกลับมาแล้ว?” เต๋าซุน ถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ เจ้าสามารถไปเยี่ยมท่านทีหลังได้” เต๋าเสี่ยวโม่พยักหน้า
“เขาไม่พอใจกับตำแหน่งของข้าในฐานะบุตรแห่งสวรรค์หรือไม่ ?” เต๋าซุน ถาม
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่พอใจ เพียงแต่ว่าเขาพาเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถระดับสูงกลับมากด้วยเท่านั้น” เต๋าเสี่ยวโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“บางทีเขาอาจต้องการฝึกฝนเด็กหญิงคนนั้นด้วยตัวเอง ”
“นั่นไม่สำคัญเลย ตอนนี้ข้าเติบโตพอจนถึงจุดที่ไม่ต้องพึ่งพานิกายอีกต่อไปแล้ว” เต๋าซุนส่ายหัวและพูด
“อย่างไรก็ตาม เจ้าควรพักผ่อนในนิกายสักระยะหนึ่งก่อน ในอนาคตอันใกล้นี้อาจมีเรื่องบางอย่าง” เต๋าเสี่ยวโม่กล่าว
“อีกไม่นานจะมีพิธีใหญ่ที่บ้านท่านปู่ของเจ้า เจ้าจะต้องไปในนามของข้ากับแม่ของเจ้า ”
"เมื่อไหร่หรือขอรับ?"
“เช้าวันรุ่งขึ้นของอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ !”
เต๋าซุนก็พยักหน้า
บ้านตระกูลของท่านปู่นั้นตั้งอยู่ในแดนเหนือรกร้างของทวีป
เต๋าซุนไม่ได้คิดจะไปแต่เนิ่นๆ เขาตัดสินใจที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเทพดาบอมตะเจียงหยุนก่อน โดยการนำมรดกกลับไปสู่ตระกูลเจียง
และตระกูลเจียงนั้นก็อยู่บนแดนเหนือรกร้าง พูดง่ายๆก็คือมันอยู่ระหว่างทางพอดี
หลังจากคุยกับพ่อของเขาได้สักพัก เต๋าซุนก็จากไปและกลับไปที่ยอดเขาเดียวดายของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาที่นี่เป็นเวลานาน สาวใช้สองคนเหมิงซูกับเซี่ยหยินก็ยังคงดูแลที่นี่อย่างดีจนสะอาดเอี่ยม
ทั้งสองคนเตรียมน้ำร้อนไว้ และเต๋าซุนก็เริ่มอาบน้ำร้อนด้วยความช่วยเหลือของสาวใช้ทั้งสอง
หลังจากอาบน้ำอุ่นแล้ว เจ้าปลาน้อยปางซูก็รีบวิ่งมาทันที
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ปางซูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
ซึ่งดูสูงและแข็งแรงกำยำไม่น้อย ไม่ได้ดูเหมือนเด็กน้อยตัวอ้วนที่เขาจะเรียกว่าปลาน้อยได้อีกต่อไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ระหว่างที่ปางซูหายใจออกมา มันก็ปรากฏกลิ่นอายที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมาด้วย
มันราวกับว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างของเขาประสานเข้ากับทุกลมหายใจ
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดบ่มเพาะ "ทรงพลัง" ที่เต๋าซุมอบให้เขาก่อนหน้านี้ หรือร่างอสูรพยัคฆ์นภา พวกมันก็ล้วนดูเหมือนจะถูกฝึกฝนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้อาวุโส 3 ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพาปางซูออกไปฝึกฝน
“พี่เต๋าซุน” ปางซูก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจและเขินอาย
“ช่วงนี้เจ้าเป็นยังไงบ้าง” เต๋าซุน พูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านปู่พาข้าออกไปที่เผ่าเสือและรับมรดกของพวกเขามาด้วยขอรับ” ปางซูก็ยิ้มและพยักหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดของปางซู เต๋าซุนก็ยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าครั้งนี้ผู้อาวุโสสามจะลงแรงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“ท่านปู่ยังบอกข้าอีกด้วยว่าคุณสมบัติของข้าในตอนนี้สามารถเข้าร่วมแย่งชิงโชคชะตาได้เลยทีเดียว” ปางซูก็กล่าวทันที
“แล้วเจ้าคิดว่าไง” เต๋าซุนถามต่อ
“ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย ข้าเพียงแค่อยากติดตามพี่เต๋าซุน และช่วยท่านจัดการทุกอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นบนเส้นทางของท่านก็เท่านั้น ” ปางซูก็ตอบ
“ข้าเห็นว่าผู้อาวุโสสามเริ่มสั่งชุดแต่งงานให้เจ้าด้วยหนิ…-” เต๋าซุนยิ้ม
ทั้งสองก็พูดคุยกันสักพัก จากนั้นเต๋าซุนก็กำลังจะเข้าสู่สภาวะฝึกฝน ดังนั้นจึงขอให้ปางซูเฝ้าหน้าประตูไว้
-
หลังจากเข้ามาที่ห้อง เต๋าซุนก็หยิบใบไม้มารดาของต้นไม้แห่งชีวิตออกมา
ใบมารดานี้มีความเกี่ยวข้องกับต้นไม้แห่งชีวิต และ เต๋าซุนก็ไม่อาจประมาทได้
ต้นไม้แห่งชีวิตมีความสำคัญอย่างมากสำหรับเต๋าซุน เพื่อที่จะทำให้โลกแก่นชีวิตของเขาสมบูรณ์แบบแล้ว เขาจะขาดมันไปไม่ได้
มีตำนานเกี่ยวกับต้นไม้แห่งชีวิต
สิ่งนี้ไม่อาจพบเจอหรือมองดูได้ในแม่น้ำแห่งโชคชะตา
เพราะต้นกำเนิดของมันนั้นเก่าแก่พอๆกับเทพแสงศักดิ์สิทธิ์และเทพมืดโบราณ
พวกมันทั้งหมดจึงถือว่าเป็นตัวตนที่อยู่นอกเหนือแม่น้ำแห่งโชคชะตา
ถ้ากล่าวว่าการหลอมรวมของเทพแสงศักดิ์สิทธิ์กับเทพมืดโบราณเข้าด้วยกันคือต้นกำเนิดของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิต
เช่นนั้นต้นไม้แห่งชีวิตก็คือต้นกำเนิดของพืชพรรณทั้งปวง
นานมาแล้ว ตั้งแต่ยุคสมัยเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
โลกนี้ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่จริง
หลังจากที่เทพแสงศักดิ์สิทธิ์กับเทพมืดโบราณได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา จนกำเนิดเป็นมนุษย์และเผ่าพันธุ์นับร้อยบนโลก
ต้นไม้แห่งชีวิตก็ได้กำเนิดพืชพรรณทุกชนิดขึ้นมาเช่นกัน
มันมีรูปลักษณ์คล้ายกับต้นสน
แต่กว้างใหญ่เท่ากับต้นสวรรค์เจ็ดดารา ต้นเต๋าพงไพร และต้นปีศาจ
ต้นไม้จิตวิญญาณระดับสูงเหล่านี้แท้จริงแล้วล้วนกำเนิดมาจากต้นไม้แห่งชีวิตทั้งสิ้น
ด้วยต้นไม้แห่งชีวิตนี้ พืชพรรณทั้งหมดที่โลกพึงมีก็ล้วนสมควรอยู่ในกำมือของเขา
เต๋าซุนมองไปที่ใบไม้มารดาของต้นไม้แห่งชีวิตในมือของเขา และพลังจิตวิญญาณก็เริ่มไหลเวียนรอบๆร่างของเขา