บทที่ 572 อาจารย์ซุน ได้โปรดทำศัลยกรรมใบหน้าให้ข้าด้วย!
บทที่ 572 อาจารย์ซุน ได้โปรดทำศัลยกรรมใบหน้าให้ข้าด้วย!
ฟางอู๋จี๋ถูกคนอื่นล้อเลียนมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว แม้ว่าเขาจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ แต่เขาก็ไม่รังเกียจ
ไม่ว่าในกรณีใดชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เพราะด้วยใบหน้าอย่างเขา เขาได้แต่พึ่งพานิยายอีโรติกเหล่านั้นเพื่อระบายความต้องการทางร่างกายของเขาเท่านั้น
ในขั้นต้นฟางอู๋จี๋สงบเหมือนสมณะที่กำลังทำสมาธิ แต่หลังจากเห็นสีหน้าตกใจจากทุกคน เขาก็ขมวดคิ้ว เมื่อหม่าจางทึ่งและชื่นชม ฟางอู๋จี๋กลืนน้ำลายเต็มปากเนื่องจากความกังวลใจและเขาต้องการมองหากระจก
“อาจารย์ฟาง นี่สำหรับท่าน!”
หลี่จื่อฉีหยิบกระจกผลิตภัณฑ์จากตะวันตกขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าของนาง หลังจากที่นางเปิดฝา นางก็ส่งต่อให้ฟางอู๋จี๋
ฟางอู๋จี๋หยิบกระจกขึ้นมาและเมื่อเขากำลังจะมองภาพสะท้อนของเขา เขาก็รู้สึกกลัว มันเหมือนกับว่าเขากำลังยืนอยู่ที่ทางแยกของชีวิตไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหน
(แล้วถ้าข้าหล่อขึ้นมาล่ะ?)
(ข้าควรใช้ชีวิตในอนาคตอย่างไร?)
“อาจารย์ฟาง ดูเร็วเข้า!”
ลู่จื่อรั่วกระตุ้น นางกำลังรอฟังฟางอู๋จี๋กล่าวชื่นชมและขอบคุณอาจารย์ของนาง อย่างไรก็ตามนางไม่ได้เกียจคร้าน นางหยิบแตงโมออกมาและสับมันด้วยมือของนาง
แตงโมขนาดใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสองสามชิ้น เด็กสาวมะละกอหยิบชิ้นที่ใหญ่ที่สุดและส่งให้ซุนม่อ
“อาจารย์ กินแตงโมหน่อยค่ะ!”
ซุนม่อโบกมือแสดงว่าเขาไม่ต้องการ เขายังไม่ได้ล้างมือ
“อาจารย์ฟาง อย่ายืนนิ่งเฉยงุนงง ใกล้ถึงเวลาสอบแล้ว”
กู้ซิ่วสวินเตือนเขา
“ฮะฮะ ข้าเกือบลืมเรื่องนั้นไปแล้ว ต่อให้หล่อขึ้นจะเก่งขึ้นขนาดไหน บางทีข้าอาจจะดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้ากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆเหรอ? ช่างไร้สาระ!”
ฟางอู๋จี๋ส่ายหัวและหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง แล้วเอากระจกส่องหน้า หลังจากนั้นก็อึ้งไป
ข้าเป็นใคร?
ข้าอยู่ที่ไหน?
หนุ่มสุดหล่อที่สะท้อนอยู่ในกระจกคือใครกัน?
นี่คือกระจกจากประเทศตะวันตกที่ส่งมาจากดินแดนตะวันตกอันไกลโพ้น มันถูกผลิตขึ้นจากปรอทโดยใช้ศาสตร์ลับและสามารถสะท้อนรูปลักษณ์ของบุคคลได้อย่างชัดเจน
ขุนนางของดินแดนตะวันออกล้วนมีกระจกบานใหญ่พอที่จะสะท้อนทั้งร่างกายของพวกเขาได้ทั้งหมด และพวกเขาก็ภูมิใจในสิ่งนั้น ทุกครั้งที่พวกเขาแต่งตัวจะทำให้สดชื่นและดูแลตัวเอง พวกเขาจะมองไปที่เงาสะท้อนที่ชัดเจนในกระจก เพียงแค่ทำเช่นนั้น แม้แต่ไฝฝ้าและไขมันที่สะสมของพวกเขาก็ยังดูสูงส่งและมีระดับมากขึ้น
เผียะ!
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฟางอู๋จี๋ก็ยกมือขึ้นและตบตัวเองอย่างแรง เขาใช้กำลังมากตบจนหน้าหันเกือบ 90 องศา แทบจะไปถ่ายออกรายการผีได้เลย
“อาจารย์ฟาง!”
กู้ซิ่วสวินตกใจและรีบตะโกนต้องการช่วยฟางอู๋จี๋ฟื้นความรู้สึกของเขา
หม่าจางทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างหมดจดยิ่งกว่า เขาพุ่งเข้าหาฟางอู๋จี๋อย่างรวดเร็วและคว้าคอเสื้อของเขา จากนั้นเขาก็โบกมือและตบฟางอู๋จี๋อีกสามครั้ง
"พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?"
ซุนม่อตกใจมาก (ฟางอู๋จี๋อาจเป็นคนนิสัยเสียที่ชอบทำร้ายตัวเองเหรอ?)
“อาจารย์ซุน เจ้าไม่รู้เรื่องนี้ มีนักบัณฑิตคนหนึ่งในแคว้นซ่งที่สอบเข้าราชสำนักได้สำเร็จและเขากลายเป็นบ้าเพราะมีความสุขมากเกินไป การกระทำของข้าคือช่วยเขา”
หม่าจางอธิบายในขณะที่สังเกตฟางอู๋จี๋
พูดกันตามตรงถ้ามีคนพบว่าตัวเองหล่อขึ้นกระทันหัน พวกเขาจะจมดิ่งลงไปในความทรงจำของพวกเขาหรือไม่?
เฮ้อ ถ้าเขายังหนุ่มหล่อขนาดนี้ ดาวโรงเรียนเก่าของเขาจะถูกรุ่นพี่โรงเรียนนั้นแย่งไปได้อย่างไร?
“อาจารย์ ข้าขออนุญาตขอรับ!”
ซุนเสี่ยวหลิวถลกแขนเสื้อและพ่นน้ำลายใส่มือของเขาอย่างขึงขังจากนั้นเขาก็จ้องไปที่ฟางอู๋จี๋และกำลังเตรียมที่จะลงมือ
“…”
หลี่จื่อฉีพูดไม่ออก (เจ้ากำลังเตรียมที่จะช่วยหรือฆ่าคนแน่?)
อันที่จริงซุนเสี่ยวหลิวไม่ใช่คนเดียว แพทย์ชายคนอื่นๆ ก็แทบจะเป็นบ้า ใครเล่าที่ไม่อยากดูดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในโลกนี้
เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเหยียนเสี่ยวหลิวเหรอ?
นั่นคือจอมเกียจคร้านที่มีชื่อเสียงที่สามารถนอนกับนางคณิกาหมายเลขหนึ่งของ เปียนจิงได้โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว ในความเป็นจริงเขายังให้นางจ่ายค่าเลี้ยงดูได้
หลี่ซือซือคือสตรีของใคร?
นางเป็นสตรีของจักรพรรดิ!
จักรพรรดิที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารถูกสวมหมวกเขียว สามีซึ่งภรรยามีชู้หล่อแค่ไหนกัน?
ซุนเสี่ยหลิวและคนอื่นๆ รู้สึกว่า ฟางอู๋จี๋ไม่ได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด
“เสี่ยวหลิว! ในอดีตเจ้าไม่ได้เกลียดตัวเองที่มีชื่อ 'เสี่ยวหลิว' แต่นามสกุลของเจ้าไม่ใช่ 'เหยียน' ใช่ไหม? ตอนนี้ถ้าเจ้าขอร้องอาจารย์ซุน เจ้าจะสามารถเปลี่ยนชื่อของเจ้าได้ในไม่ช้า”
เพื่อนร่วมงานหยอกเย้า
อารมณ์ของซุนเสี่ยวหลิวปั่นป่วน เขาพุ่งตรงเข้าไปและคุกเข่าสไลด์เข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าซุนม่อ จากนั้นเขาโขกศีรษะลงอย่างหนัก
ปัง
“อาจารย์ซุน ได้โปรดทำศัลยกรรมใบหน้าให้ข้าด้วย!”
ซุนเสี่ยวหลิวขอร้องอย่างจริงใจ หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน เขาเพิ่มประโยคอื่น
“เงินไม่ใช่ปัญหา!”
(แม้ว่าเรื่องเงินจะเป็นปัญหา แต่บิดาคนนี้จะทำงานให้ซุนม่อฟรีเป็นเวลาห้าปี มันควรจะเพียงพอสำหรับค่าผ่าตัดใช่ไหม เดี๋ยวก่อน หลังจากที่ข้าหล่อขึ้นแล้ว ข้าก็สามารถหาเมียรวยแล้วแต่งงานกับนาง แบบนี้หาเงินเร็วกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?)
(ตราบใดที่ข้ายังอิ่มท้องได้ 'ข้าวนุ่ม' ก็เป็นข้าวเหมือนกัน!)
ติง!
คะแนนความประทับใจที่น่าพอใจจาก ซุนเสี่ยวหลิว +500 เป็นกันเอง (610/1,000).
“เสี่ยวหลิว! เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
หม่าจางเหงื่อออกและตำหนิ เขาเปิดใช้งานรัศมีคำลึกซึ้ง
“ยืนขึ้น ลุกขึ้นมา!”
"อ๋า?"
ซุนเสี่ยวหลิวตะลึง ภายใต้การแสงสว่างของรัศมีมหาคุรุ เขาลุกขึ้นยืน หลังจากนั้น เขาก็มีสีหน้าละอายใจในขณะที่เขาขอโทษซุนม่อ
“ขอโทษ ข้าตกตะลึงเกินไป!”
“อาจารย์ซุน(เสี่ยวหลิว) เจ้าไม่ต้องโทษตัวเอง ใครๆ ก็ชอบที่จะดูสวยงาม”
ซุนม่อเข้าใจความรู้สึกของซุนเสี่ยวหลิว
ในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่ทำศัลยกรรม ผู้ชายก็ทำเช่นกัน เมื่อเปิดโทรทัศน์ ไม่ว่าชายหรือหญิง ใบหน้าล้วนผ่านศัลยกรรมพลาสติกทั้งนั้น
หม่าจางไม่ได้ดุศิษย์ของเขาต่อไปเพราะพูดตามตรงแม้แต่หัวใจของเขาก็หวั่นไหว
มีคำกล่าวในสมัยโบราณว่า เกณฑ์อันดับหนึ่งของผู้ชายในการดึงดูดผู้หญิงคือ 'หน้าตาดี'
“ข้า…นี่ข้าเหรอ?”
ฟางอู๋จี๋หันหน้าไปทางซุนม่ออย่างแข็งขันและถามด้วยความไม่เชื่อ มันเหมือนกับว่าฉากเบื้องหน้าเขาคือฟองสบู่ที่สวยงามที่จะแตกด้วยทิ่มครั้งเดียว
"เป็นเจ้านั่นเอง!"
ซุนม่อรับรองเขา
“ข้าจะรักษาใบหน้านี้ไว้ได้นานแค่ไหน? ต่อปี? ไม่ ข้าจะพอใจอยู่แล้วถ้าเป็นระยะเวลาสามเดือน”
ฟางอู๋จี๋เต็มไปด้วยความหวังในขณะที่เขาจ้องมองซุนม่อ เขาเป็นเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังในขณะที่รอของขวัญจากซานต้า
“ตราบเท่าที่เจ้ามีชีวิตอยู่ ใบหน้าปัจจุบันของเจ้าจะแก่ไปพร้อมกับร่างกายของเจ้าเมื่อเวลาผ่านไป”
ซุนม่อยิ้ม เขามีความสุขมากในขณะที่มองฟางอู๋จี๋ที่สนุกสนาน ความรู้สึกภาคภูมิใจ นี่คือความรู้สึกของการเป็นผู้กอบกู้โลกหรือไม่?
“…”
ฟางอู๋จี๋สัมผัสใบหน้าของเขาด้วยมือข้างเดียว หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสะอื้น
หม่าจางถอนหายใจและตบไหล่ฟางอู๋จี๋
แพทย์คนอื่นๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ใครบ้างที่ไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธมาก่อน?
ในโลกนี้ผู้ชายส่วนใหญ่มีหน้าตาธรรมดา แม้แต่เด็กผู้หญิงที่ได้รับคะแนน 3/10 ก็อาจตะคอกใส่เจ้าถ้าเจ้าน่าเกลียด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ กลุ่มที่มีซุนเสี่ยวหลิวเป็นผู้นำก็หันไปหาซุนม่อ
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงกู้ซิ่วสวิน อย่างไรก็ตามนักเรียนหญิงสองคนของซุนม่อเป็นเหมือนงานศิลปะที่งดงามอย่างแท้จริง คนหนึ่งอ่อนโยนและประณีต สง่างามและเฉลียวฉลาด อีกคนไร้เดียงสามีมะละกอลูกใหญ่และใจดี...
โดยธรรมชาติแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทั้งคู่มีความงดงาม หลังจากพวกนางอายุครบสิบแปดปี พวกนางจะต้องงดงามไม่แพ้ใครในรุ่นของพวกนางอย่างแน่นอน
ให้ตายเถอะ ซุนม่อเป็นศัตรูของทุกคน!
ถ้าซุนม่อสามารถได้รับคะแนนความเกลียดชัง จำนวนคะแนนความเกลียดชังที่เขาได้รับในตอนนี้คงแทบทะลุเพดาน และความเชื่อมโยงอันมีเกียรติระหว่างเขาและพวกเขาจะกลายเป็น 'ความเกลียดชัง'
หลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจของหม่าจาง ซุนม่อก็หันกลับมามองเขา (ดังนั้นเจ้าก็เป็นคนที่มีเรื่องราวให้เล่าด้วย!)
“อาจารย์ฟาง ยินดีด้วยที่ได้ชีวิตใหม่!”
หม่าจางแสดงความยินดีกับเขา ในขณะนี้เขาไม่ใช่มหาคุรุระดับ 5 ดาว เขาเป็นเพียงชายชราที่หวังว่า ฟางอู๋จี๋จะได้รับความสุขอย่างแท้จริง
"ขอบคุณ!"
หลังจากที่ฟางอู๋จี๋ขอบคุณ เขาก็เดินไปหาซุนม่อ เขาคิดอยู่พักหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จริงๆ แล้วมีอารมณ์ร้อนรนอยู่ในใจมากเกินไป
ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าและคำนับเก้าครั้งโดยตรง
ปัง ปัง ปัง
ติง!
คะแนนความประทับใจที่ดีจากฟางอู๋จี๋ +1,000 ความเคารพ (1,210/10,000).
“อาจารย์ฟาง ข้าก็ยังจะพูดเหมือนเดิม ค่าของคนถูกกำหนดโดยพรสวรรค์และจิตวิญญาณอันสูงส่งของเขา รูปร่างหน้าตาเป็นเพียงสิ่งภายนอก!”
ซุนม่อช่วยพยุงฟางอู๋จี๋ขึ้น
"ข้าเข้าใจ!"
ฟางอู๋จี๋พยักหน้าหนักแน่น
“ที่จริง หลังจากที่ข้าได้ใบหน้านี้ ข้าก็คิดถึงคางที่กว้างของข้าก่อนหน้านี้ทันที”
“…”
ซุนเสี่ยวหลิวต้องการถามจริงๆว่า ฟางอู๋จี๋จำเป็นต้องพูดคำที่น่ารังเกียจเช่นนี้หรือไม่?
“อยากให้อาจารย์เปลี่ยนคืนไหม? ไม่ว่าในกรณีใด มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ”
ลู่จื่อรั่วที่ไร้เดียงสาถามทันทีทำให้ฟางอู๋จี๋ รู้สึกอาย
“ข้าพูดด้วยความพลั้งเผลอ”
ฟางอู๋จี๋ขอบคุณนาง หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่ซุนม่ออย่างจริงจัง
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ข้ามีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับชีวิตแล้ว”
“เอาล่ะ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูด ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่การแข่งขันของเจ้าจะเริ่มขึ้นแล้ว”
ซุนม่อเตือนทุกคน ได้เวลากลับไปที่โรงฝึกยุทธ์แล้ว
“อืม!”
ฟางอู๋จี๋หายใจเข้าลึกและเดินไปที่โรงฝึกยุทธ์
“ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจมากขึ้น”
ลู่จื่อรั่วกัดแตงโมของนาง ตอนนี้ฟางอู๋จี๋มีการยกระดับที่มองเห็นได้ในแง่ของราศีของเขา
“เขายังหล่อกว่าเดิมมาก!”
หลี่จื่อฉีล้อเล่น หลังจากนั้นนางก็หันหน้าไปมองซุนม่อ จากนั้นนางก็หัวเราะโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อย่างไรก็ตาม ข้าชอบคนที่หน้าตาดีเป็นธรรมชาติอย่างอาจารย์มากกว่า”
“เห็นด้วยอย่างยิ่ง!”
เด็กสาวมะละกอพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ข้ารองลงมา!”
กู้ซิ่วสวินก็หัวเราะเช่นกัน นางรู้สึกว่าไข่ดาวน้อยและสาวมะละกอน่าสนใจมาก
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ซุนเสี่ยวหลิวและคนอื่นๆ ก็มองดูสามสาวมีรูปแบบชีวิตเป็นของตัวเอง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดรู้สึกเหมือนอยากบีบคอซุนม่อให้ตาย
สำหรับซุนม่อ เขากำลังเดินไปที่โรงฝึกยุทธ์แล้ว เขาต้องการล้างมือก่อน
“ซุนม่อ รอข้าด้วย!”
กู้ซิ่วสวินเรียกออกมาและไล่ตามเขา (ข้าควรทำศัลยกรรมหน้าด้วยเหรอเปล่า? จากความสัมพันธ์ของข้ากับซุนม่อ เขาคงไม่ปฏิเสธข้าแน่ๆ ใช่ไหม?)
ลู่จื่อรั่วเหยียดขาของนางและตามพวกเขาไป แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ นางก็ร้องออกมาและหยุดชะงัก
“มะ… มีอะไรเหรอ?”
หลี่จื่อฉีค่อนข้างประหม่าเพราะก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่านางพูดผิดเกี่ยวกับการรักคนอย่างอาจารย์ของพวกเขาด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติ
หากมีใครไตร่ตรองคำพูดของนางอย่างลึกซึ้ง มันอาจนำปัญหาใหญ่มาให้ซุนม่อ
“เป็นไปได้ไหมว่าอาจารย์กู้ตกหลุมรักอาจารย์ของเรา?”
เด็กสาวมะละกอหันไปถามหลี่จื่อฉี
“เจ้าเพิ่งรู้ตอนนี้เหรอ?”
หลี่จื่อฉีเหยียดนิ้วออกและเคาะศีรษะของเด็กสาวมะละกอในขณะที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก (ดีมาก ทุกคนรู้สึกว่า 'ความรัก' ที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้คือ 'ความรัก' ที่มีต่อพ่อแม่)
"อา?"
ลู่จื่อรั่วรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
เพียะ!
หลี่จื่อฉีเคาะหน้าผากของเด็กสาวมะละกอและเตือนด้วยเสียงเบา
“อย่าบอกคนอื่น”
“ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น!”
ลู่จื่อรั่วกุมศีรษะของนางด้วยมือทั้งสองข้าง
“นอกจากนี้ หยุดตีหัวข้านะ ไม่งั้นข้าจะกลายเป็นคนโง่”
…
ฟางอู๋จี๋เดินไปที่ทางเข้าของโรงฝึกยุทธ์และได้ยินกรรมการหลักเตือนซ้ำอีกครั้ง
“ฟางอู๋จี๋ โปรดขึ้นเวทีโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกถือว่าสละสิทธิ์!”
ฟางอู๋จี๋แตะคางของเขาและรู้สึกวิตกเล็กน้อย
“อาจารย์ฟาง ข้าเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของซุนม่อ มหาคุรุซุน ข้ามีบางอย่างอยากจะมอบให้ท่าน”
ถานไถอวี่ถังที่รออยู่ที่มุมมืดเป็นเวลานานรีบเดินไปส่งหินบันทึกภาพไให้
“ใช่แล้ว อาจารย์ฟาง คู่ต่อสู้ของท่านในนัดแรกคือซ่งหลาง ข้าจะขอแสดงความยินดีกับอาจารย์ฟางล่วงหน้าสำหรับชัยชนะของท่าน!”
**หลี่ซือซือ เป็นหญิงคณิกาที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ
การกินข้าวนุ่มหมายความว่าผู้ชายต้องพึ่งพาผู้หญิงเป็นหลักในการดำรงชีวิต เทียบกับสำนวนไทยก็คือ ผู้ชายแมงดา